สารวัตรมาวินนั่งรอหญิงสาวอยู่หน้าตึกเรียนหลังจากที่นั่งเล่นที่คาเฟ่อยู่เกือบสองชั่วโมงแล้ว เขาคิดว่าน่าจะใกล้เวลาเธอเลิกเรียนก็เลยมารอที่นี่ดีกว่าจะได้ออกมาเจอกันพอดี เขารู้สึกว่ามีคนมองมาเยอะเป็นพิเศษหรือว่าสงสัยว่าเขามาทำอะไรที่นี่
“มาวิน… มาวินใช่มั้ย”
เสียงเล็กดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา ชายหนุ่มหันไปมองก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อยอย่างสงสัย
“หน้าคุ้นจัง”
“เราศศิไง เราเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันตอนที่นายไปเรียนเสริมอ่ะ”
“อ่อ ศศิ จำได้ล่ะไม่เจอหลายปีอยู่นะสบายดีมั้ย แล้วนี่มาทำอะไรที่นี่ นั่งก่อนสิ”
เขาผายมือเชิญให้เธอนั่งลงที่โต๊ะ ตอนที่เขาเป็นตำรวจได้ไม่นานก็ไปเรียนหนังสือเพิ่มและเรียนมหาวิทยาลัยด้วย ก็บังเอิญมีเพื่อนหลายคนแต่คนนี้ไม่ถึงขั้นสนิทมากแต่ก็ทำงานกลุ่มด้วยกันบ่อยก็เลยจำได้
“เราทำงานที่นี่”
“อ่อ ดีจังได้เป็นอาจารย์แล้ว”
“แล้วนายอ่ะเป็นตำรวจไม่ใช่เหรอตอนนี้คงยศนำไปไกลแล้วล่ะมั่ง”
เธอเอ่ยถามเสียงสดใส ยอมรับว่าตอนนั้นแอบชอบเขาด้วยนะคงเพราะทุกอย่างในตัวของเขาเพอร์เฟคหมดเลย หน้าตา หน้าที่การงาน ฐานะทางบ้านที่มีเงินพอสมควร สายเปย์ด้วยนะมีน้ำใจมากทำให้เขาเป็นที่ประทับใจของสาวๆในรุ่นนั้นเลย
“ก็ตอนนี้เป็นสารวัตรนะ ย้ายมาทำงานประจำที่อำเภอแม่พระ”
“จริงเหรอ… ดีจังเลื่อนตำแหน่งไวมากอายุเพิ่งเท่าไหร่เอง เรียนตรงสายมันก้าวหน้าเร็วเนาะว่าแต่มาทำอะไรที่นี่เหรอ”
เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย จะบอกว่าเขามาเรียนปริญญาโทคงไม่ใช่แน่นอนหน้าที่การงานก็สูงไม่น่าจะมาเรียนเพิ่มแล้วนะ
“มาระ…”
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ สวัสดีค่ะอาจารย์”
นับดาวที่เดินออกมาพร้อมกับเพื่อนสนิทเอ่ยทักทายชายหนุ่มทันทีที่เห็นหน้า เขาเงยหน้ามองสบตาหญิงสาวก็ยิ้มออกมา
“เลิกเรียนแล้วเหรอ…”
“ค่ะ เพิ่งเลิกหนูว่าจะทำการบ้านกับเพื่อนก่อนค่อยกลับคุณรีบมาทำไมเล่า”
เธอบ่นออกมาก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะเดียวกับเขา เธอมองอาจารย์สลับกับสารวัตรมาวินอย่างแปลกใจว่าทำไมทั้งสองคนถึงมานั่งโต๊ะเดียวกัน
“อ่อ… นี่ศศิเพื่อนพี่ที่เรียนปริญญาตรีด้วยกัน ไม่เจอกันนานก็เลยทักทายสักหน่อย”
“น้องสาวของนายเหรอไม่รู้มาก่อนนะเนี่ย”
ศศิมองทั้งสองคนก่อนจะยิ้มออกมา ไม่คิดว่าเขาจะมีน้องสาวด้วยเธอจำได้ว่าเด็กคนนี้เรียนเก่งมากอยู่คณะนิติศาสตร์ แต่ไม่ค่อยรู้จักดีเพราะเธอทำงานอยู่ที่ตึกอธิการบดีไม่ได้สอน
“อ่อ… คนนี้ ใช่ๆน้องสาว”
เขาไม่กล้าบอกคนอื่นว่าเป็นอะไรกับเธอเพราะเราเพิ่งตกลงกันว่าจะคุยกันแบบนี้ไปก่อนไม่เร่งรีบเรียกสถานะ
“น้องสาวเหรอคะ… หนูเป็นน้องสาวของคุณเหรอ”
นับดาวเอียงคอถามชายหนุ่มเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน เขายักไหล่ไม่ตอบโต้อะไรก็เธอไม่ยอมเป็นแฟนของเขาเองจะให้บอกคนอื่นได้ยังไงล่ะ
“ก็หนูไม่ยอมเป็นแฟนพี่นี่นา”
“งั้นเราไปก่อนดีกว่าต้องไปทำงานต่อ งั้นขอไลน์ไว้ได้มั้ยจะได้คุยกัน เพื่อนในรุ่นจะนัดกินข้าวกันทุกปีแต่ไม่เคยเห็นมาวินมาเลยเพื่อนกลุ่มนายบอกว่าอยู่ต่างจังหวัดมาไม่ได้”
“ใช่อยู่ต่างจังหวัดนี่เพิ่งย้ายกลับมาเนี่ยแหละคิดว่าน่าจะอยู่ยาวเลย อ่ะนี่ไลน์เรานัดกันวันไหนก็ทักมาจะไป”
เขาส่งคิวอาร์โค้ดให้หญิงสาวแสกน เธอแอดเพื่อนเรียบร้อยก็ลุกขึ้นบอกลาเขาจากนั้นก็ไปทำงานต่อ
“โอเคยังไงคุยกันนะ อาจารย์ไปก่อนนะเด็กๆ”
“ค่ะ”
ครีมหวานลอบสังเกตสีหน้าของเพื่อนสนิทและชายหนุ่มอีกคน ทำไมมันเหมือนมีอะไรบางอย่างกับสองคนนี้และเธอเชื่อความรู้สึกของตัวเองว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ แต่ว่าเขาแนะนำตัวว่าเป็นพี่ชายทั้งที่เธอเคยเจอพี่ชายของเพื่อนและแน่นอนว่าไม่ใช่คนนี้
“สวัสดีค่ะพี่ชายของนับดาวเหรอคะ”
“อืม พี่ชายของฉันเอง”
หญิงสาวพูดพร้อมกับเหลือบสายตามองชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง เธอไม่ใช่น้องสาวของเขาสักหน่อยทำไมต้องแนะนำเธอกับผู้หญิงคนอื่นแบบนั้นด้วย
“ประชดพี่เหรอ… เอาดีๆงอนเหรอคะ”
“งอนอะไรคะทำไมหนูต้องงอนด้วย”
หญิงสาวหน้าตึงเอ่ยสวนกลับชายหนุ่มทันที ทำไมคนอย่างเธอต้องไปงอนต้องไปประชดประชันเขาด้วย ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยบอกเลยว่าเรื่องนี้ไร้สาระมาก
“แล้วหนูทำหน้าไม่พอใจทำไม แค่พี่บอกเพื่อนว่าหนูเป็นน้องสาวเหรอ ก็หนูไม่ยอมเป็นแฟนพี่เองแล้วจะให้บอกคนอื่นแบบนั้นเราโอเคเหรอ”
“แล้วเราสองคนตกลงกันว่ายังไงคะ”
เขาเกาหัวอย่างมึนงงไม่เข้าใจในท่าทีของหญิงสาวเลยสักนิดเดียวว่าตกลงเธอโกรธอะไรทำไมหน้าหงิกงอขนาดนั้น
“ก็คุยกันไปก่อนไงถ้าหนูเรียนจบจะยอมเป็นแฟนพี่ไม่ใช่เหรอ”
“แล้วทำไมคุณไม่บอกว่าหนูเป็นคนคุยทำไมต้องบอกว่าเป็นน้องสาว คุณกำลังโกหกคนอื่นนะ”
เธอโวยวายออกมาใบหน้าบึ้งบูด ครีมหวานรู้สึกว่าเธอไม่ควรอยู่ตรงนี้และพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วและผู้ชายตรงหน้าคงจะเป็นแฟนของเพื่อนสนิท ส่วนเธอที่เป็นเพื่อนไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนมีแฟนแล้วเอาไว้ถ้าอยากเล่าคงจะเล่าเอง
“ฉันว่าเราแยกกันตรงนี้ดีกว่า การบ้านค่อยคุยกันดึกๆนะ หนูไปก่อนนะคะพี่สวัสดีค่ะ”
เธอยกมือบอกลาพี่ชายตรงหน้า เขารับไหว้ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอ่อนโยน
“พี่ไปส่งมั้ยกลับด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะหนูอยู่หอพักไม่ไกลจากที่นี่ค่ะ ไปนะแก”
“เอ้า… ไม่ทำการบ้านแล้วอ่ะ”
นับดาวมองตามเพื่อนไปอย่างมึนงง ตอนแรกคุยกันจะทำการบ้านให้เสร็จกลางคืนจะได้สบายไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ไหงมาทิ้งกันเฉยเลย
“ตกลงคือถ้าใครถามพี่ต้องบอกว่าหนูเป็นคนคุยถูกมั้ย”
“ก็ใช่นะสิคะจำไว้เลยนะหนูไม่ใช่น้องสาวของคุณ หนูมีพี่ชายคนเดียวเท่านั้นไม่อยากมีเพิ่มแล้วด้วย”
หญิงสาวกอดอกจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง สารวัตรมาวินได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มๆอย่างเอ็นดูหญิงสาว ทำขนาดนี้ไม่ยอมเป็นแฟนเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียล่ะจะได้ไม่ต้องมางงกับสถานะกันแบบนี้
“โอเคต่อไปถ้าใครถามพี่จะบอกว่าหนูเป็นคนคุยโอเคมั้ย”
“เป็นผู้ใหญ่ต้องไม่พูดโกหกนะคะเข้าใจมั้ย”
“เข้าใจค่ะ คนคุยก็คือคนคุยจะเป็นน้องสาวได้ยังไง เนาะ…”
เขาเออออตามหญิงสาวไปไม่โต้แย้งอะไร ใครมันจะไปอยากเป็นพี่ชายน้องสาวล่ะนอนด้วยกันขนาดนั้นแล้ว แต่ถ้าเธออยากจะกั๊กสถานะเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะเพราะเขาตกลงไปแล้วว่ารอได้เสมอกี่ปีก็จะรอ ขอแค่เธอคุยกับเขาคนเดียวแค่นี้ก็พอแล้ว
“หนูหิวค่ะ”
“งั้นไปหาอะไรอร่อยกินกัน ป่ะ”
เขากุมมือหญิงสาวเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้นพากันเดินไปขึ้นรถ วันนี้เขาว่างทั้งวันว่าจะพาหญิงสาวไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวให้เต็มที่ไปเลย วันๆเอาแต่เรียน ทำงาน อ่านหนังสือแล้วก็นอนวนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่มีเวลาไปผ่อนคลายบ้างเลย ต่อจากนี้ไปเขาจะเป็นคนทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต
“หนูอยากกินอะไรคะ”
“ก๋วยเตี๋ยวอาหารตามสั่งอะไรก็ได้ค่ะ”
“เปลี่ยนบ้างสิ งั้นเอางี้เคยกินอาหารญี่ปุ่นมั้ย”
“เคยกินราเมงค่ะเพื่อนชวนไป แต่ว่าราคามันแพงหนูก็เลยไม่ไปกินอีก”
หญิงสาวจอมงกไม่มีทางเอาเงินมากมายขนาดนั้นไปกินของแพงหรอก ราเมงชามหนึ่งเป็นร้อยเธอเอาไปกินอย่างอื่นคุ้มกว่าอีก
“งั้นพี่พาไปกินอาหารญี่ปุ่น เอาแบบโอมากาเสะเลยเป็นไง”
“โอมากาเสะมันเป็นยังไงคะ แพงมั้ยถ้าแพงหนูไม่กินนะ”
“พี่จ่ายหนูจะบ่นทำไม วันนี้ขออนุญาตเปย์เมียหนึ่งวัน”
เขาอมยิ้มก่อนจะขับรถไปที่ร้านโอมากาเสะชื่อดังของจังหวัด ตัวเขาเองก็ไม่ได้มากินบ่อยหรอกมันแพงอย่างที่หญิงสาวพูดนั่นแหละ แต่ว่าเขาอยากจะทำอะไรกับเธอหลายๆอย่างและอะไรที่เธอยังไม่เคยลองเขาจะพาไปลองให้หมด
“คุณต้องเก็บเงินนะคะอย่าใช้เงินเยอะจนเกินไป ไม่ต้องซื้ออะไรหรือพาไปกินอะไรแพงๆหรอก หนูกินง่ายอยู่ง่ายค่ะ”
“งั้นเดือนหนึ่งเรากินของแพงวันเดียว โอเคตกลงตามนี้มั้ย”
หญิงสาวนิ่งเงียบไปอย่างลังเล ถ้าเดือนละครั้งเธอก็พอรับได้นะแต่ถ้ากินบ่อยเธอไม่โอเคแน่นอน ถ้าเขาอยากจะพิสูจน์ตัวเองกับเธอการใช้เงินเยอะเกินไปก็มีส่วนในการพิจารณานะ ถึงแม้ว่าจะร่ำรวยมีเงินแต่เธอไม่โอเคถ้าเกิดว่าเขาไม่รู้จักเก็บออมรักษา
“ตกลงค่ะเอาแบบนั้นก็ได้”
“น่ารักที่สุดงั้นวันนี้จัดเต็มไปเลย”
“แล้วหนูจะกินได้มั้ยคะ มันจะอร่อยมั้ย”
เธอยังสงสัยโอมากะเสะของเขาอยู่ เห็นเรียนในเมืองดูเหมือนมีความรู้มากมาย แต่เรื่องแบรนด์เนมหรือของหรูหราเธอไม่ค่อยรู้จักเพราะชีวิตเอาแต่เรียนและทำงานเท่านั้น และคิดว่าถ้าเธอคุยกับชายหนุ่มน่าจะเปิดโลกใบใหม่ได้ไม่น้อย
“หนูต้องชอบแน่นอนพี่มั่นใจ”