EP.22 เสี่ยงแต่ก็เลี่ยงไม่ได้
หลังเลิกเรียนปลายฝนกับใบหม่อนก็ตรงไปเยี่ยมน้องชายของเธอที่โรงพยาบาล แต่ก็พบว่าต้นหนาวได้ย้ายออกจากโรงพยาบาลไปนอนรักษาตัวต่อที่บ้านได้แล้ว
โดยรวมอาการของน้องชายก็ไม่ต่างอะไรจากผู้ป่วยติดเตียงที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย เขายังคงต้องนอนหลับสนิทเป็นเหมือนเจ้าชายนิทรา และมีเพียงชีพจรที่ยังคงเต้นอยู่เท่านั้น แต่ทั้งพ่อและแม่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาจากไป ยังคงทำทุกทางเพื่อที่จะยื้อชีวิตของน้องชายเอาไว้
แม้ว่าเธอกับพ่อแม่จะไม่ได้ติดต่อกันเลย แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะโอนเงินให้กับพ่อและแม่ตามที่ตกลงกันเอาไว้ ตกประมาณเดือนละเกือบสามหมื่นบาท
ทุกคนในบ้านยังคงใช้ชีวิตกันได้ตามปกติแม้จะไม่มีเธออยู่ เธอเห็นแม่ดูแลน้องชายเป็นอย่างดี ทั้งเช็ดตัวต่าง ๆ เธอได้ยินแม่ตัวเองเรียกให้พี่ชายกับพ่อ ลงมากินข้าวเหมือนเช่นทุกวัน ไม่มีเธออยู่แม่ก็คงจะต้องทำงานบ้านหนักมากขึ้น ท่านดูซูบผอมและเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
ปลายฝนนั่งซ้อนท้ายใบหม่อน จ้องมองเข้าไปผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของบ้านด้วยแววตาที่ว่างเปล่า เธอไม่คิดที่จะเดินกลับเข้าไปแต่อย่างใด ได้แต่มองดูครอบครัวของตัวเองในวันที่ไม่มีเธออยู่
บนโต๊ะกินข้าวมีอาหารเต็มโต๊ะมากมาย และที่นั่งของเธอในตอนนี้ก็ถูกแทนที่ด้วยคู่ขาคนโปรดของพี่ชายคนเดิม เธอสามารถตักกินอาหารบนโต๊ะได้ทุกอย่าง โดยที่พ่อแม่ไม่มีใครต่อว่าอะไรเลย
"กลับกันเถอะมึง" ปลายฝนสะกิดบอกกับใบหม่อน ก่อนที่ทั้งคู่จะขี่รถกลับมายังบ้านเช่าในช่วงเกือบค่ำ ๆ
เรือนไม้ ณวดี
หลังจากที่ทั้งปลายฝนและใบหม่อนขี่รถวนกลับมาถึงบ้าน ทับทิมกับบาสตี้ก็นั่งรอกันอยู่ก่อนแล้ว บรรยากาศในบ้านค่อนข้างตึงเครียดอยู่หน่อย ๆ
ทับทิมพยายามลองแต่งตัวเลียนแบบปลายฝน พร้อมทั้งอ่านหนังสือสำหรับการดูไพ่ยิปซี และนั่งศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการดูดวงต่าง ๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถทำได้แบบที่ปลายฝนเคยทำเลย
"กินข้าวกันเถอะสาว ๆ " บาสตี้เดินถือกล่องไก่ทอด KKC เข้ามาวางที่กลางโต๊ะ
"กูยังไม่หิวอะ พวกมึงกินกันเลยนะ" ทับทิมหยิบหนังสือเล่มหนา และรวบเก็บไพ่ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านทันที
หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากที่ปิดเพจ กุ๊กกุ๊กกู๋ ทั้งสี่คนก็เริ่มขัดสนในเรื่องของการเงินขึ้นมา ซึ่งปลายฝนเองก็รู้ดีว่าเธอคือสาเหตุที่ทำให้เพื่อน ๆ ขาดรายได้ และตัวของเธอเองก็รู้สึกแย่ไม่น้อยไปกว่าใครเลย เพียงแต่เธอไม่อยากจะกลับไปหลอกลวงใครอีกแล้ว
ในช่วงที่เพจดังมาก ๆ ปลายฝนต้องรับทั้งดูดวงทั้งแบบไพ่ยิปซี และดวงชะตา อีกทั้งยังต้องออกหน้าจำหน่ายเครื่องรางของปลุกเสกมากมาย
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่หมอดูที่เก่งกาจอะไร แต่มันก็มีหลายครั้งเลยที่เธอจำต้องเห็นในสิ่งที่เธอไม่อยากเห็นเลย และได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากด้านหลัง ทำให้เธอสามารถทำนายบางรายได้แม่นราวกับตาเห็น แต่บางรายก็ทำได้แค่เดาแบบส่ง ๆ ไป
ด้วยความสามารถเฉพาะตัวของเธอทำให้เธอสามารถทำให้หลาย ๆ คนยอมจ่ายเงินเพื่อเรื่องที่งมงายนี้ ซึ่งต่างจากทับทิมที่ไม่มีความสามารถในการพูดโน้มน้าวใจคน หรือแม้แต่สัมผัสที่หกเธอก็แทบไม่มีเลย
ดังนั้นไม่ว่าทั้งทับทิมกับบาสตี้จะพยายามหาเครื่องรางดัง ๆ มาขาย พยายามจะปั้นเพจใหม่ขึ้นมา แต่มันก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนเพจเก่าที่มีทั้งปลายฝนและใบหม่อนร่วมมือด้วย
แม้ว่าจะมีเรื่องที่คาใจกันไปบ้าง แต่พวกเขาก็ยังคงไปไหนมาไหนกันสี่คนเช่นเดิม ทางทับทิมเองเธอก็พยายามเข้าใจความรู้สึกของปลายฝนมากขึ้น แต่ยังไม่ทันได้เคลียร์ใจกันดี ทุกคนก็ต้องมานั่งเครียดเตรียมตัวสอบปลายภาคกันก่อน
มหาวิทยาลัยนานาชาติ อเธน่า
คณะโบราณคดี สาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ
ตึก SR
"ในที่สุดเราก็เรียนจบปีสองกันสักที" บาสตี้พูดขึ้นพร้อมกับโยนกระดาษชอร์ตโน้ตต่าง ๆ ที่เตรียมสอบทิ้งไปอย่างโล่งใจสบายใจ
"งั้นเย็นนี้เราไปนั่งกินหมูกระทะร้านป้ารุ่งหลังมหาวิทยาลัยกันดีไหม กูขอเลี้ยงเองแม่เพิ่งโอนตังค์มาให้" ใบหม่อนเอ่ยถามขึ้นและหันไปมองทางทับทิมกับปลายฝนอีกที
"ไปดิ / อืมไป" ทั้งสองคนก็ตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงกัน
ณ ร้านหมูกระทะป้ารุ่ง
"แม่กับปะป๊าอยากให้กูย้ายไปเรียนต่อที่ดูไบอะ" ใบหม่อนพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งสี่คนเพิ่งผ่านการสอบปลายภาคไปหมาด ๆ
"…." คำพูดของใบหม่อนทำเอาเพื่อนอีกสามคนนั่งเงียบกริบไปในทันที
"ไปหลังเรียนจบไม่ได้เหรอมึง" บาสตี้เอ่ยถามขึ้นก่อน เพราะในสี่คนถ้าขาดใครไปสักคนก็รู้สึกไม่ครบทีมอยู่ดี
"ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นนะ แต่ว่าแม่บอกว่าป๊าแก่แล้วท่านอยากเจอกู และอยากให้กูไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วย" ใบหม่อนเอ่ยต่อด้วยความลำบากใจ
"กูเข้าใจ จริง ๆ ไปเรียนต่อที่โน่นก็ดีนะ อีกอย่างสมัยนี้โทรหากันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว" ปลายฝนโผเข้าไปกอดใบหม่อนทั้งน้ำตาคลอ ๆ เพราะเธอสนิทกับใบหม่อนมาตั้งแต่เรียนมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย
"กูรักพวกมึงนะ ถ้ากูไปที่ดูไบแล้ว อย่าทะเลาะกันล่ะ มีอะไรก็เคลียร์กันให้จบ เราเป็นเพื่อน เป็นครอบครัวเดียวกันนะเว้ย" ใบหม่อนคว้ามือของทับทิมกับปลายฝนมาวางทับกันเอาไว้
"กูขอโทษ / ขอโทษเว้ย" ทั้งสองคนเอ่ยขอโทษขึ้นพร้อมกันก่อนจะโผเข้ากอดกันแน่น
"กูเข้าใจมึงแล้วว่าการนั่งหลอกลวงคนไปวัน ๆ มันทำให้เรารู้สึกแย่แค่ไหน งั้นเราลองหาอาชีพอื่นทำแล้วกันเนอะ" ทับทิมกอดปลายฝนเอาไว้แน่น
"อืม พวกเราเก่งกันอยู่แล้วจริง ๆ เปิดล่าท้าผีแบบเดิมก็สนุกดีนะ" ปลายฝนลองเสนอไอเดียไปซึ่งทับทิมก็พยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งสองคนจะยิ้มให้กันหลังจากที่เคลียร์ใจกันเสร็จ
"ฮือ ๆ ๆ กูไม่อยากให้ใบหม่อนไปเลยอะ" มีแค่บาสตี้ที่นั่งกินหมูกระทะไปร้องไห้ไป
"กุ๊ก กุ๊ก กู๋ของเราขาดใครไปสักคนก็เศร้าแย่" คำพูดของบาสตี้ทำให้พวกอีกสามคนโผเข้ามากอดชายร่างใหญ่ใจเล็กอย่างปลอบโยน
"สัญญาว่าจะกลับมาเที่ยวหาพวกมึงบ่อย ๆ " ใบหม่อนกอดเพื่อนทั้งสามคนของเธอแต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตาม
"ไม่เอาดิ วันนี้ฉลองสอบเสร็จแท้ ๆ นะ" ปลายฝนก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่น ๆ ไม่แพ้กัน
มหาวิทยาลัยนานาชาติ อเธน่า
คณะโบราณคดี สาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ
ตึก SR
"พ่อครับ ผมขอแค่ค่าลงทะเบียนเรียนซัมเมอร์สามหมื่นเองนะ" เสียงของบาสตี้กำลังคุยโทรศัพท์กับพ่อของเขาด้วยท่าทีเครียด ๆ
"พ่อผมเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ แล้วผมไม่ใช่ลูกของพ่อรึไง" บาสตี้ถามปลายสายไปทั้งน้ำตาและดูเหมือนว่าเขาจะถูกพ่อตัดสายอีกเช่นเคย
"พวกมึงจัดซุ้มกันไปก่อนนะ กูขออยู่คนเดียวสักพัก" ร่างหนาปาดน้ำตาลวก ๆ ก่อนจะเดินหายไป
หลังจากสอบปลายภาคจบลงทุกคณะก็มีการจัดนิทรรศการของตัวเอง เพื่ออวดความยิ่งใหญ่ของแต่ละสาขา ซึ่งนักศึกษาเกือบทุกคนก็เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันจัดเตรียมงานต่าง ๆ เพื่อไม่ให้คณะของตัวเองน้อยหน้าใคร
การขึ้นปีสามมันก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากมาย ไหนจะกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัย งานรับน้อง และอื่น ๆ ที่พวกเธอต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้เลยสิ่งที่ทำให้บาสตี้กับปลายฝนเครียดพอ ๆ กันเลยก็คือ ค่าเทอมสำหรับเรียนซัมเมอร์
"ฝน เห็นมึงเงียบไปมึงหาเงินจ่ายค่าซัมเมอร์ได้แล้วเหรอ" ใบหม่อนเอ่ยถามขึ้นขณะที่เข้าช่วยจัดเตรียมงานด้วยอีกคน แม้ว่าเธอจะทำเรื่องโอนย้ายหน่วยกิตเสร็จแล้วก็ตาม
"อ๋อ ยังอะ...ไม่แน่อาจจะขอดรอปเรียนไปก่อน" ปลายฝนเอ่ยตอบเพื่อนไปอย่างยิ้ม ๆ ทั้งที่ในใจของเธอมันรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยเลย
"ถ้ามีเงินหล่นจากฟ้า เหมือนตอนที่ผีคุณณวดีให้หวย ก็คงจะดีเนอะ" ทับทิมบีบไหล่ของปลายฝนอย่างเข้าใจ ทับทิมยังโชคดีที่พ่อเลี้ยงของเธอรวยมากและช่วยส่งเสียเรื่องค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่มีขาด
ขณะที่นักศึกษาที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดซุ้มงานนิทรรศการของคณะอยู่ ทั้งสิบกว่าคนก็เงยหน้าขึ้นจากงานของพวกเขาและเหลือบมองไปที่เจ้าของรถหรูคนนั้นเป็นทางเดียว
เสียงรถยนต์สุดหรูเปิดประทุน สีขาวมุกป้ายแดงขับวนมาจอดบริเวณที่ด้านหน้าคณะ เรียวขาขาวเนียนสวยก้าวลงจากรถหรูของเธออย่างช้า ๆ เธอสวมใส่รองเท้าแบรนด์เนมหรูสีดำสนิท ที่เข้ากับชุดนักศึกษารัดรูป กระโปรงทรงเอสั้น ๆ ที่รัดสะโพกและก้นของเธอแน่นชวนมอง
"หูว...นางฟ้ามาโปรดแท้ ๆ " พวกนักศึกษาผู้ชายในคณะวางมือจากงานที่ทำและหันไปมองทางสาวสวยคนนั้นกันตาลุกวาว
'แพทตี้ปะ?'
'ใช่ สวยขนาดนี้เด็กนิเทศแน่นอน'
'คนนี้ไงที่เคยประกวดนางงามปีก่อนนี่'
เสียงซุบซิบนินทาของเหล่านักศึกษาในคณะโบราณคดีทั้งหญิงและชายดังขึ้นไม่ขาดสาย โดยปกติแล้วในคณะของพวกเขาแทบไม่มีใครเลยที่แต่งตัวจัดจ้านแบบนี้เลย จึงไม่แปลกเลยที่แพทตี้จะกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนไปโดยปริยาย
เสียงรองเท้าส้นสูงของหญิงสาวคนนั้น ดังกระแทกลงกับพื้นเรียบ ดังก้องไปทั่วลานใต้ตึกเรียนคณะโบราณคดี
"คนไหนคือหมอดูปลายฝน" เจ้าของใบหน้าสวย ถอดแว่นกันแดดออกช้า ๆ พร้อมกับก้าวมาหยุดตรงกลางลานกว้าง พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหยิ่ง ๆ
หลังจากที่สาวสวยคนนั้นเอ่ยถามไปแบบนั้น พวกนักศึกษาหลาย ๆ คนที่ยืนกันอยู่ก็ค่อย ๆ เดินหลีกทางออกแหวกออกให้เธออย่างช้า ๆ
จนเผยให้เห็นหญิงสาวผมยาวหยักศกสีน้ำตาลแดง ๆ หัวฟู
"ฉันเอง...ปลายฝน" หญิงสาวรีบวางมือจากงานของคณะที่ทำอยู่ และเงยหน้าขึ้นตอบผู้หญิงคนนั้นไปทันที