ตอนที่ 2 ตามจีบ
“ลม” คุณอานนท์เอ่ยเรียกบุตรชายของตัวเองไว้เสียงหลงเมื่อคนที่ไม่ยอมมาพบหน้าแรมปี อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาที่บ้านหลังใหญ่ทีแรกนึกว่าตัวเองตาฝาดเสียอีก
“ตาลม” เหมือนกับคุณนายพิมพ์พรเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหาบุตรชายด้วยใจคะนึงหา ตนมาดักรอลูกชายนี่แหละ
“สวัสดีครับคุณพ่อ” ร่างสูงหยุดชะงักเหมือนอย่างเคยสิ่งที่เขาทำคือสำรวจพวกท่านทั้งสองด้วยสายตาแล้วแอบประเมินในใจ พ่อแม่เริ่มแก่ชราลงทุกวันแล้วจริง ๆ
“อยู่ทานข้าวกับแม่ก่อนนะตาลม” พิมพ์พรเข้าไปจับแขนของลูกชายไว้หล่อนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในบ้านหลังนี้แม้แต่กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนาง
แต่นางกับผู้เป็นสามีกลับยังไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนั้น คนที่เอาหัวใจของลูกชายไปตั้งแต่ห้าปีก่อน ที่ใช้ชีวิตอยู่ตอนนี้เหมือนคนมีหัวใจที่ไหนล่ะ อยากเจอสักครั้งและขอโทษจากใจจริง ๆ แม้จะไม่รู้ข้อตกลงที่ผู้เป็นพ่อของสามีพูดคุยกันไว้ก็ตามแต่
“ไม่ดีกว่าครับผมยังมีงาน” เขายังยืนยันคำเดิม
“นานทีปีหนกว่าจะยอมมาเจอ ทานข้าวกับแม่เขาก่อนสิ” คุณอานนท์หันไปมองหน้าภรรยารักก็ได้แต่สงสารเพราะตัวเองกับผู้เป็นพ่อเลยทำให้ลูกชายคนดีของภรรยาเปลี่ยนไปตลอดกาล
“ไม่เป็นไรครับ พ่อกับแม่ดูแลสุขภาพด้วย”
ว่าจบร่างสูงโปร่งก็ตวัดขาเดินออกไปจากบ้านหลังใหญ่ของตระกูล ‘เติมศิริทรัพย์’ ทันที
ร่างสูงสมส่วนเดินเข้ามาในไร่ส้มขนาดใหญ่เป้าหมายก็คือคนที่กำลังเดินตรวจงานอยู่กับผู้ช่วย เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนที่จะยื่นขวดน้ำเย็น ๆ ไปให้แน่นอนว่าคนตรงหน้ารับมันไปก่อนจะยกขึ้นกระดกดื่มจนพร่องขวด
“เป็นไงบ้าง” พ่อเลี้ยงสิงหราชเอ่ยถามหลังจากดื่มน้ำให้ชื่นใจแล้ว ตอนนี้เขารู้ว่าเพื่อนมีปัญหาอะไรอยู่
“ก็ไม่ยังไง” คนโดนถามไหวไหล่เล็กน้อยเขาไม่คิดว่าเรื่องที่บ้านเป็นปัญหาของเขาเพราะเขาไม่ใช่คนสร้างมันขึ้นมา
“ไม่ไหวยังไงก็บอก” สิงหราชไม่เคยคิดว่าอีกคนเป็นหุ้นส่วนแต่กลับคิดว่านี่คือเพื่อนคนเดียวที่ดีกับตนเสมอมา
“ไร้สาระ” เวหายักไหล่ง่าย ๆ ตามสไตล์ของตัวเองเขาไม่คิดมากในเรื่องนี้จริง ๆ
“กูอยู่ข้างมึง”
น่าหัวเราะอายุก็ขนาดนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่ายังต้องให้เพื่อนมาเป็นห่วงเขาอยู่อีก แต่ก็นะสายตาของมันไม่ได้มีทีท่าว่าดูถูกดูแคลนแต่เต็มไปด้วยความหวังดีและเห็นใจมากกว่า
“แวะมาส่งเอกสารจะกลับไปเคลียร์งานที่รีสอร์ต”
“เออ พักบ้างมีเมยช่วยดูอยู่”
“ไม่อยากขัดเวลาหวานของมึง”
“หึ กูอิจฉางานที่เธอเอาเวลาไปให้มากกว่า กูแทบไม่ได้เจอหน้าอดจะอิจฉามึงไม่ได้จริง ๆ” แฟนเขานั้นออกจากบ้านแต่เช้าไม่พอกลับมาดึกดื่นแทบไม่ได้เจอหน้าไม่รู้ว่าทำไมต้องขยันขนาดนั้นถ้าไม่เอาข้าวไปส่งช่วงเที่ยงก็คงไม่ได้เจอ
“เลิกทำงานไปเป็นพ่อบ้านเฝ้าเมียสิ”
“รอเป็นพร้อมมึง”
“กูคงไม่มีโอกาสได้เป็นหรอก” เขาพูดจบก่อนยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่ากำลังจะไปแล้ว ไม่อยู่รอฟังคำพูดเดิม ๆ ที่มันสาธยายว่าเขานั้นต้องได้เมียในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน
จะเป็นไปได้ยังไงเขายังไม่มีคนที่ชอบเลยสักคน ไร้สาระจริง ๆ
อาหลี อารยา ต้องใจ ปัจจุบันอายุ 30 ปี หญิงสาวที่มีใบหน้าหวานชวนมอง ความสวยสะพรั่งในวัยเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และความสวยของหญิงสาวชอบไปสะดุดตาพวกนักการเมืองท้องถิ่นอยู่บ่อยครั้ง หลายต่อหลายหนที่มักจะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แวะเวียนมาที่สวนดอกไม้ของเธอเพื่อขายขนมจีบ
“คุณอาหลีทำงานนี้มานานหรือยังครับ?”
ดวงตากลมโตตวัดไปมองนักการเมืองรุ่นพ่อทำตาพราวระยิบใส่ตัวเอง แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจในเมื่อเขาคือลูกค้าของร้าน
“ทำมาได้ห้าปีแล้วค่ะ” เสียงหวานตอบออกมาตามปกติสองมือประสานกันไว้ด้านหน้าสองขาก้าวตามหนุ่มรุ่นพ่อกำลังเดินเที่ยวชมสวนดอกไม้ของเธออยู่
“เก่งมากเลยครับ ทั้งสวย ทั้งเก่ง แถมยังขยันสุด ๆ” มองหน้าของหญิงสาวแล้วหัวใจเต้นแรงเหมือนสมัยเจอรักแรกพบยังไงยังงั้น “มีแฟนหรือยังครับ”
อาหลีเงยหน้าขึ้นมองจริงจังอีกครั้ง กำลังประเมินผลได้ผลเสียที่จะตามมาถ้าเธอเลือกตอบในสองแบบที่คิดไว้ แต่คุณมานพคือลูกค้ากระเป๋าหนักเช่นนั้นควรตอบในแบบแรกดีกว่า
“อาหลีสนใจพัฒนาธุรกิจตัวเองอย่างเดียวเลยค่ะ ในตอนนี้ ไม่ได้สนใจเรื่องความรักชายหญิง”
“น่าจะลองมีบ้างนะครับ เขาว่ากันว่าความรักจะทำให้คนทำงานเหนื่อย ๆ หายได้เป็นปลิดทิ้ง”
“ขอบคุณที่แนะนำค่ะ จะเก็บไปคิดนะคะ”
“ได้ยินว่าไปกู้เงินนอกระบบของเสี่ยกำพลมาเหรอ รู้ไหมว่าเสี่ยกำพลฆ่าคนได้แค่เอ่ยปาก คราวหน้าคราวหลังมาหยิบยืมที่พี่มานพดีกว่า พี่ไม่คิดดอกหรอกครับ แต่อาจคิดเป็นอย่างอื่นแทน” พูดจบก็ลากสายตามองที่หน้าอกขนาดใหญ่ของหญิงสาวลงไปที่เอวคอดน่าจับก่อนจะลากสายตาขึ้นมาหยุดที่ใบหน้าหวาน มองนาน ๆ มันทำให้เคลิ้มได้อย่างไม่รู้ตัว “พี่หมายถึงดอกไม้น่ะครับ”
อาหลียิ้มเจื่อนพยักหน้ารับเบา ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก
‘สวนดอกไม้ของอาหลี’ เป็นร้านดอกไม้ของเธอเอง กิจการในตอนนี้ถือว่ากำลังไปได้สวย ร้านของเธอตั้งอยู่ที่เส้นถนนรอบนอกก่อนจะเข้าไปในตัวเมืองของจังหวัดเส้นทางเดียวกันกับทางไปไร่เติมรัก ไร่ส้มขนาดใหญ่ของจังหวัดเราแถมยังมีแลนมาร์กอีกหลายสถานที่ไม่ว่าจะเป็นสวนส้ม ไร่ชา ไร่องุ่น คาเฟ่บนเขา ล้วนเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของไร่เติมรัก นักท่องเที่ยวขับรถสัญจรไปมานับไม่ได้หรอกในแต่ละวัน ร้านเธอที่เป็นทางผ่านก็มีผลพลอยได้ไปด้วย
ร้านของเธอเป็นซุ้มกระจกขนาดใหญ่รอบนอกเป็นดอกไม้นานาพันธุ์ที่สามารถปลูกในไทยได้ ภายในซุ้มกระจกก็จะเป็นดอกไม้ที่ลองปลูกเองเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม ด้านหน้าติดถนนเลยก็จะเป็นร้านดอกไม้ติดป้ายใหญ่ ๆ เป็นเคาน์เตอร์ไว้ต้อนรับลูกค้า สั่งออเดอร์ คิดเงิน หรือประสานงานอื่น ๆ เพราะทางร้านรับจัดดอกไม้นอกสถานที่รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย และดอกไม้ที่ปลูกไว้ในซุ้มหรือปลูกไว้ด้านนอกก็จะเก็บเกี่ยวมาไว้ในร้านให้ลูกค้าได้เลือกชม
ธุรกิจของเธอถือว่ากำลังเติบโตลงทุนจากเงินก้อนเล็ก ๆ เก็บเล็กผสมน้อยค่อย ๆ ขยายกิจการมาโดยตลอดในระยะเวลาห้าปีให้หลังมานี้ จนตอนนี้ร้านของเธอมีชื่อเสียงในตัวจังหวัด งานราษฎร์งานหลวงที่ต้องใช้ดอกไม้ร้านของเธอเป็นตัวเลือกแรกที่ทุกคนนึกถึงกัน
ในพื้นที่แค่ไร่กว่า ๆ ตรงนี้เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้นานาพันธุ์ ทำให้สาว ๆ หรือ หนุ่ม ๆ สายเที่ยวชมสวนดอกไม้จะชอบมาถ่ายรูปที่นี่เกือบทุกวัน ลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย
“ผมขอสั่งดอกไม้หนึ่งช่อครับ ต้องให้คุณอาหลีเป็นคนจัดให้นะครับ” มานพยิ้มมุมปาก แกล้งวาดแขนไปใกล้อีกคนแต่นั่นกลับทำให้เขาหน้าเจื่อนเล็กน้อยเพราะอาหลีเบี่ยงตัวหลบอย่างสุภาพ แต่มันทำให้เขาหน้าเสียพอควร
“ได้เลยค่ะ คุณมานพจะเดินชมสวนต่อหรือไปนั่งรอที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เลยนะคะ” พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป แต่อาจเพราะเดินมาได้ยังไม่ไกลมากทำให้ได้ยินประโยคที่ผู้ชายคนนั้นพูดตามหลังมา
“เล่นตัวไปได้ รอถึงวันที่ไม่เหลือที่พึ่งที่ไหนอีกร้านดอกไม้บ้า ๆ นี่ใกล้จะเจ๊งเสี่ยกำพลให้ลูกน้องมาทวงหนี้ก่อนเถอะกูจะเล่นตัวบ้าง”
อาหลีไม่ได้หยุดเดินยกมือขึ้นมาประสานกันข้างหน้าตัวเองเป้าหมายก็คือร้านดอกไม้ด้านหน้า พยายามไม่คิดมากไม่สนใจทำงานที่ตัวเองรักต่อไปแต่ก็นั่นแหละแม้จะไม่ใช่ปัญหาที่เธอก่อขึ้นมาเองแต่ก็เป็นคนในครอบครัวเธอก่อขึ้นมา เลี่ยงความรับผิดชอบได้ที่ไหน
“พี่อาหลีเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?” น้ำฝนคือลูกน้องในร้านตำแหน่งพนักงานจัดดอกไม้เหมือนกัน เอ่ยถามเจ้าของร้านออกมาด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความเป็นห่วง
“พี่โอเคจ้ะ ต้นหนออกไปส่งออเดอร์แล้วใช่ไหม?”
“ไปแล้วจ้ะ”
“โอเค ทำงานต่อเถอะ”
หลังจากนั้นเธอก็ไปหยิบตะกร้ามาเลือกดอกไม้บ้างเพื่อจะนำไปจัดช่อให้กับคุณมานพ
เคยชอบใครสักคนไหมแต่รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับเขาสักอย่างจนต้องยอมตัดใจแล้วถอยออกมา ไม่ได้ยอมแพ้แต่แค่ต้องยอมรับ จนเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเธอได้รับวานให้ไปเจรจาแทนบุคคลหนึ่งมันเหมือนเรื่องบังเอิญที่ได้เจอเขาคนนั้นอีกครั้ง
การกลับมาเจอใครคนนั้นทำให้หัวใจไร้ชีวิตชีวาของเธอเต้นในจังหวะผิดแปลก แม้ไม่ได้เจอกันมาเกือบห้าปีแล้วแต่การที่ได้กลับมาเจอเขาในรอบนานขนาดนี้หัวใจเธอก็ยังคงเต้นแรงให้กับคนเดิม ใครจะคิดว่าเธอถึงขั้นบ้าดีเดือดตามไปเจอเขาถึงไร่พร้อมรักที่จังหวัดข้าง ๆ ทิ้งงานให้ลูกน้องดูแลเกือบหนึ่งอาทิตย์เพื่อตามไปเจอหน้าเขาคนนั้น
มันรู้สึกคิดถึง โหยหา อยากเข้าไปกอดแน่น ๆ
“เหม่ออะไรครับเนี่ย ผมเรียกตั้งนาน” ต้นหนหนึ่งในพนักงานของร้านโบกมือไปมาตรงหน้าของเจ้านายสาว
“เปล่านี่” อาหลีดึงสติกลับมาก่อนจะมองหน้าต้นหนประมาณว่า ‘แล้วมีอะไร’
“คุณมานพบอกว่าดอกไม้ที่พี่กำลังจัดอยู่เขามอบให้พี่เลย กลับไปประชุมอะไรก็ไม่รู้”
“จ่ายเงินแล้วใช่ไหม”
“โถ่พี่ มีคนให้ดอกไม้กลับไม่ดีใจ ถามหาเรื่องเงินซะอย่างนั้น สแกนแล้วครับ”
หญิงสาวยักไหล่เบา ๆ ไม่ได้สนใจดอกไม้ที่ได้รับมา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกค้าบอกให้เธอจัดแล้วตบท้ายด้วยมุกยกมันให้กับเธอ แต่สำหรับดอกไม้เธอไม่คิดจะทิ้งอยู่แล้วแม้ความจริงอยากให้คนที่มาสั่งเอาไปมอบให้กับคนที่รู้สึกดี รัก หรือคิดถึง สื่อผ่านดอกไม้ร้านของเธอ แม้จะไม่ชอบคนแต่ดอกไม้ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเธอจึงต้องนำพวกมันออกมาใส่แจกันตกแต่งร้านไปเลย ดี! ไม่เปลือง
เธอเป็นผู้หญิงอายุเข้าเลขสามแล้ว ผู้ชายเข้าหาตัวเองเพื่อหวังอะไรนั่นเธอก็ย่อมรู้เหมือนกัน แค่ไม่อยากเล่นตามเกมที่ทุกคนวางไว้ ชีวิตนี้คิดว่าหัวใจจะไม่เต้นแรงให้ผู้ชายที่ไหนแล้วแต่มันกลับไม่ใช่ หัวใจเธอยังไม่ตายด้านมันยังคงเต้นแรงให้ผู้ชายคนเดิม คนที่อยู่ในหัวใจเธอมาเป็นสิบปี
ยังเป็นเขาคนเดิมที่ทำให้เธออยากมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้างในวันที่ทั้งสุขและทุกข์