ตอนที่ 6 ก็ชอบไงคะ
“พ่อเลี้ยงเวหาครับทีมออกแบบสถานที่มากันแล้วนะครับ” ตรีตินเดินเข้ามาในห้องทำงานของพ่อเลี้ยงหนุ่มคนใหม่ มาวันแรกก็ทำเอาสาวเล็กสาวใหญ่ในไร่ป้องปากกรี๊ดกร๊าดไปตาม ๆ กัน
ก็ไม่เห็นจะหล่อกว่าเขาตรงไหน แค่สูงกว่า หุ่นดีกว่านิดหน่อย หน้านิ่ง ๆ สายตาคมกริบ สาว ๆ ชอบแบบนั้นกันใช่ไหมไอ้ทรงอย่างแบดน่ะ
“อืม” ขานรับในลำคอมือยังคงเปิดเอกสารดูไปเรื่อย ๆ คล้อยบ่ายมาเขางมอยู่กับสมุดบัญชีของไร่จนพอจะรู้แล้วว่ากำไรมันหายไปไหน
“พ่อเลี้ยงจะไปดูไหมครับ”
“ค่อยดูตอนเสร็จ เอกสารมีเท่านี้เหรอ?”
“ผมเห็นในห้องเก็บเอกสารเท่านี้นะครับ”
“โอเค นายเลิกงานเถอะ”
“ขอบคุณครับ” ตรีตินค่อมหัวรับก่อนจะหมุนตัวออกไปพร้อมกับแฟ้มงานหนาปึกที่เขาต้องไปศึกษา
แต่มีอย่างหนึ่งที่เขารู้สึกว่าเทียบกับพ่อเลี้ยงไม่ติดเลยนั่นก็คือ เวลาทำงานพ่อเลี้ยงดูเอาจริงเอาจังมาก สมาธิจดจ่ออยู่กับงานไม่วอกแวกเลย และเขาเชื่อว่าไร่เติมรักจะกลับมารุ่งเรืองได้เหมือนวันวานในเร็ววันแน่นอนดูจากพ่อเลี้ยงที่ตั้งใจขนาดนี้
หลังจากอยู่เคลียร์งานจนถึงห้าทุ่มและได้เวลากลับแล้วจึง ตรวจเช็กความเรียบร้อยปิดคอมเสร็จออกไปจากห้องทำงาน เป้าหมายก็คือบ้านใหญ่
พอมาถึงเขาจึงได้เห็นความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นที่สนามหญ้าข้างบ้าน แต่ที่เด่นที่สุดในตอนนี้ก็คือผู้หญิงคนหนึ่งยืนนิ่งยกมือนวดคลึงขมับอยู่ไม่ไกลจากหน้างานเท่าไหร่
“เกิดอะไรขึ้น” เขาเอ่ยถามน่าจะทีมงานคนหนึ่งหน้าตาขาวซีดไปหมด
“เอ่อ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ คือว่าดอกกุหลาบหลายร้อยดอกแห้งเหี่ยวหมดเลยค่ะ”
“เหี่ยวหมด?”
“ค่ะ ใช้ไม่ได้หมดเลย”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“แปลกมากเลยค่ะทางทีมงานจัดเสร็จตอนสองทุ่มครึ่งจึงกลับไปพักผ่อนแต่ตอนห้าทุ่มกว่า ๆ ได้รับโทรศัพท์จากแม่บ้านบอกว่าออกมาดูสถานที่ก็เห็นดอกไม้เหี่ยวแห้งหมดเลย” ทีมงานพูดออกมาอย่างลนลาน เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้เลยด้วยซ้ำกับระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง
“อืม ไปเถอะ” จากที่จะเดินเข้าไปในตัวบ้านเลยต้องเปลี่ยนเป้าหมายเดินไปยังสนามหญ้า อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน
“พี่อาหลี”
เขาหยุดชะงักอยู่ด้านหลังผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ว่าความคิดเมื่อครู่คืออะไร ทำให้เขาเกือบเดินจะถึงตัวผู้หญิงคนนั้นแล้ว ดีหน่อยที่มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตัดหน้าเขาไปก่อน
“ว่าไงน้ำฝน มีร้านไหนพอมีดอกกุหลาบเหลือบ้าง” มันจะไม่ดูร้อนใจเลยถ้าไม่ใช่ดอกกุหลาบพันธุ์หายากอย่างสีชมพูอ่อน เธอจึงได้แต่ร้อนใจไม่มีเวลาคิดด้วยซ้ำว่าทำไมหน้างานที่สมบูรณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงพังไม่เป็นท่า ตอนนี้คือต้องหาดอกไม้มาแทนให้ได้
“มีค่ะ แต่อยู่ในตัวเมืองเจ้าของแค่ปลูกเพื่อความสวยงามยอมขายให้เรา แต่เราต้องไปรับเองนะคะ”
“พี่ไปเอง เราดูแลตรงนี้ไปก่อนจุดไหนซ่อมได้ซ่อมเลยนะน้ำฝน”
“พี่อาหลีมันอันตรายมากนะคะ ให้ต้นหนไปด้วยดีไหมหนูไปเรียกให้” น้ำฝนไม่ไว้ใจให้รุ่นพี่สาวขับรถไปคนเดียวอย่างแน่นอน กลางค่ำกลางคืนถนนเส้นรอบนอกแบบนี้ข่าวโจรเยอะจะตาย
อาหลีหันไปมองลูกน้องที่ช่วยทีมงานจัดสถานที่ทำงานก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา เวลาก็กระชั้นเข้ามาแล้วเธอไม่มีเวลาให้คิดมากเสี่ยงอันตรายดีกว่างานใหญ่พรุ่งนี้พัง
“พี่ไปคนเดียวได้ ฝากทางนี้ด้วยนะ” ว่าจบก็หมุนตัวหันหลังไปยังรถของตัวเองแต่จังหวะที่หันกลับมาดันเผชิญหน้ากับคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในเวลาที่ตัวเองอ่อนแอแทบจะร้องไห้ออกมาแบบนี้ “คุณ...”
อาหลีเลือกที่จะเบี่ยงตัวหลบไม่สบตา
หมับ! มือหนาคว้าข้อมือเล็กไว้ก่อนที่อีกคนจะเดินผ่านเขาไป
“ในเวลาแบบนี้เธอควรร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นสิ” เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าหวาน
“พ่อเลี้ยงคงไม่ใจดีจนอาสาพาฉันไปหรอกนะคะ” แม้จะแย่แต่เธอยังฝืนยิ้มต่อหน้าเขา
“...”
“ในเมื่อพูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากพ่อเลี้ยงค่ะ” ในเมื่อเขาเงียบเธอจึงเลือกที่จะรุกหนักด้วยการก้าวเข้าไปใกล้อีกนิด
“ไม่ว่าง”
“งั้นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันก็คงต้องขับรถฝ่าดงมืดไปในเมืองคนเดียวแล้วสิ ช่วงนี้ข่าวโจรดักปล้นเยอะมากเลยนะคะ”
“ไม่สงสาร”
“ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ งั้นไปเป็นแฟนฉันก็ได้”
“กล้าเล่นมุกนี้นะ”
“หวั่นไหวเหรอคะ?” เธอเอียงคอมองเล็กน้อยพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างส่งไปให้
“ทางเดียวกันหรอกนะ”
“สรุปไปเป็นแฟนใช่ไหมคะ”
“ไม่ไปแล้ว!”
“แหม อย่าใจร้อนนักสิคะ” เธอแค่แกล้งแหย่เล่นแต่หน้าตาเขาไม่เล่นเลยสักนิดเลยคิดว่าเลิกแหย่ดีกว่า “พ่อเลี้ยงจะเข้าเมืองตอนนี้เหรอคะ?”
“อืม”
“มีธุระเหรอ?”
“ใช่”
“พูดน้อยเย็นชาแบบนี้สเปกฉันเลยค่ะ” เธอเดินตามเขามาต้อย ๆ จนเกือบจะถึงรถกระบะอยู่แล้วแต่เขาดันหยุดเดินกะทันหันทำให้เธอที่เดินมาอย่างอารมณ์ดีหน้าทิ่มเข้าที่แผ่นหลังกว้างทันที
“ไม่มีตาเหรอ?”
“ค่ะ แต่มีใจให้พ่อเลี้ยงนะ” ชะโงกหน้าไปมองพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาประกบกันเป็นรูปหัวใจ
ก็ไม่มีอะไรนะ นอกจากโดนผู้ชายที่ชอบกลอกตามองบนให้มาหนึ่งทีอย่างระอา ไม่เป็นไรนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะใช้คติที่ว่า ‘ด้านได้อายอด’ อยากได้ผัวต้องอดทนค่ะ
“ไปทางเดียวกันแต่รถคนละคัน”
“รถเสียค่ะ” ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดออกไปแบบนั้น ได้แต่ขอโทษต้นหนในใจที่จริงรถก็ไม่ได้เสีย แต่เรื่องอะไรจะพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้ล่ะ
“เหรอ เสียยังไง” เหมือนจะจับไต๋ผู้หญิงคนนี้ทัน ดูจากสายตาเลิ่กลั่กนั่นสิต้องทึ่มแค่ไหนถึงจะมองไม่ออกล่ะ
“ยางแบน”
“เหรอ?”
“ต้องเดินไปดูเลยเหรอ” อาหลีได้แต่โอดโอยตามหลังเพราะเขาพยักพเยิดให้เธอเดินนำไปยังรถตัวเอง มันจะเสียได้ยังไงล่ะถ้าไปก็โป๊ะแตกพอดีสิ “นั่นไง!”
ตบหน้าขาหนึ่งฉาดหลังจากเดินมาที่รถต้นหนแล้วยางล้อหน้าแบนติดไปกับถนนเลย มองรถสลับกับต้นหนยืนทำงานอยู่ในสนามหญ้าแล้วได้แต่เบ้หน้า ‘ขอโทษด้วยนะต้นหนฉันไม่คิดว่ามันจะแบนจริง ๆ’
เธอต้องวิ่งกลับมาที่รถกระบะโฟร์วิลอีกครั้งเพราะเขาสะบัดหน้าแล้วเดินจ้ำอ้าวไปทางตำแหน่งคนขับ ทำการเปิดประตูปีนขึ้นมานั่งเบาะด้านข้างด้วยความรวดเร็ว
“ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยง”
เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นคำด่าแทนได้ไหม หลังจากที่รถแล่นออกมาจากเขตพื้นที่ของไร่เติมรัก พ่อประคุณก็เล่นเหยียบแบบไม่ให้ใครแซงได้ทั้งนั้น หัวใจเธอลงไปกองอยู่ที่เท้าของคนขับแทนแล้ว ความเร็วของรถทำให้เธอได้แต่ข่มตาหลับพยายามหายใจให้เป็นจังหวะปกติให้ได้มากที่สุด
เธอกลัวความเร็ว กลัวเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“ไม่ต้องเป็นห่วงชีวิตฉันก็ได้นะคะ แต่พ่อเลี้ยงโปรดเป็นห่วงชีวิตตัวเองด้วย เพราะฉันเป็นห่วงพ่อเลี้ยงค่ะ” พูดออกไปเร็วปรื๋อตามความเร็วของรถนั่นแหละ
“หึหึ” ไม่รู้ว่าทำไมต้องผ่อนความเร็วลง เห็นใบหน้านวลขาวซีดแล้วเขาควรสะใจสิ “ยังอยากมากับผมอีกหรือเปล่า”
“อยากสิคะ อยากน้อยถ้าตายก็ได้ตายพร้อมคนที่ฉันรัก”
“...”
“อยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะ ขอแค่มีคุณ”
“น้ำเน่า”
“เตรียมใจไว้เลยค่ะ ตั้งแต่วินาทีนี้ไปฉันจะตั้งใจจีบคุณอย่างดี”
“ไม่ต้องพยายามหรอก”
“ต้องลองก่อนสิคะ จะได้ไม่เสียดายทีหลัง”
“ช้าไปหรือเปล่า”
“มาช้าดีกว่าทรยศหัวใจตัวเองนะคะ”
“ผู้หญิงอย่างเธอไม่ตรงสเปกฉันสักนิด”
“เมื่อก่อนก็บอกอย่างนี้” เธอพ่นคำพูดออกมาเสียงเบาไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไปอีก ถ้าเขายังชมชอบสาวเอเชียอยู่ก็คิดว่าตัวเองมีหวังอยู่พอสมควรนะ
เมื่อมาถึงสวนที่ว่าเจ้าของบอกให้อาหลีเป็นคนตัดดอกกุหลาบเองเพราะตอนนี้ดึกแล้ว อาหลีเห็นว่าเป็นคุณยายที่รักในการปลูกดอกกุหลาบมากและตอนนี้มันก็ดึกจริง ๆ เธอก็ไม่กล้ารบกวน แต่ที่เกรงใจก็คือคนเดินตามเธอลงมานี่แหละ
“พ่อเลี้ยงกลับก่อนเลยก็ได้ค่ะ” เธอเกรงใจ กว่าจะตัดเสร็จให้เขารอนาน ๆ มันก็คงไม่ดีเท่าไหร่ ยังไม่ทันได้ทำคะแนนก็ติดลบแบบนั้นก็ไม่ไหว “คงอีกนานเลย”
เวหามองคนตรงหน้าสลับกับสวนกุหลาบขนาดย่อม ยายนี่ตัดคนเดียวงานคงไม่ต้องเลื่อนไปอีกสามวันเรอะ เขาไม่ได้เห็นใจยายนี่หรอกแต่งานเขาไม่ควรล่มเพราะตัดดอกกุหลาบไม่ทัน
“ตัดรอ ไปธุระเดี๋ยวกลับมา”
“ค่ะ” ยกมือขึ้นมาโบกหย่อย ๆ แม้เขาจะไม่มองมาที่เธอเลยก็ตาม เย็นชาชะมัดเลย
แม้พยายามจะใช้ชีวิตให้ดีเท่าที่ทำได้ สร้างธุรกิจขึ้นมาเป็นของตัวเองแต่ก็ยังรู้สึกว่าเธอไม่เหมาะสมกับเขาอยู่ดี ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะไปหยิบอุปกรณ์ในการตัดดอกกุหลาบตรงไปยังสวนขนาดย่อม
เวหามายังร้านตัดชุดเจ้าประจำต้องสนิทกับเจ้าของร้านแค่ไหนถึงมารับชุดในเวลาตีหนึ่งได้ ก็เมื่อตอนกลางวันเขาลืมไปสนิทเพราะมัวแต่ตรวจสอบบัญชี หลังจากรับชุดเสร็จก็ตรงกลับไปที่เดิม
พอมาถึงเห็นยายนั่นกำลังหอบดอกกุหลาบมากมายมากองไว้ด้านหน้า ยืนมองอยู่นานเห็นทุกการทำงานอย่างตั้งใจของอีกคนไม่รู้ว่ายายนั่นใช้ชีวิตมาได้ยังไงถึงมีสภาพแบบนี้ ไม่ร้องขอ ไม่อ้อนวอนให้ใครมาช่วย ถ้าเธอมาคนเดียวก็คงต้องตัดดอกกุหลาบจนมือแตกแล้วแบกขึ้นรถเองสินะ
คิดว่าตัวเองเป็นวันเดอร์วูแมนเหรอ?
“เดี๋ยวผมแบกขึ้นรถเอง”
อาหลีเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมา วางดอกไม้ลงบนผ้าที่ปูไว้พร้อมกับยกหลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก
“แค่เห็นหน้าก็ใจสั่นแล้ว นี่ช่วยงาน ฉันยกให้ทั้งใจแล้วนะคะ”
“ยกเองไปเลย”
“ทำหน้าแบบไหนก็หล่อว่ะคนอะไรเนี่ย ใจเต้นแรงนะเนี่ย จับดูปะ” เธอยืดอกออกไปตรงหน้าอย่างไม่เหนียมอาย แต่อีกคนกลับถอยหลังแล้วเสมองไปทางอื่นแทน
“ที่ช่วยไม่ได้พิศวาสแต่สมเพช”
“แรงมาก!!”
แสร้งยกมือทาบอกตาถล่นเบิกกว้าง แต่นี่แหละผู้ชายที่เธอหลงแบบหัวปักหัวปำ หัวสักคะมำโงหัวไม่ขึ้นอีกเลย
“จะยืนเป็นนางเอกเอ็มวีอีกนานไหม ไปทำงานสิ”
“ดุจังเลย หน้าตาตอนดุเหมาะแก่การสั่งสอนลูกของเรามากเลยค่ะ”
“อาหลี!”
“ไปแล้วค่า แหมหยอกนิดเดียวเองหัวร้อนไปได้”
เวหากลอกตามองบนให้อีกรอบ ผู้หญิงอะไรทำไมหน้าหนากว่าปูนซีเมนต์แถวบ้านอีก