บทที่ 1 บทนำ
กันย์ดนัย นักธุรกิจรูปหล่อไฟแรงที่เป็นที่รู้จักในวงการนักธุรกิจอย่างกว้างขวาง เขามีหลานชายเพียงคนเดียวคือ กฤตภัทร พี่ชายของเขายกลูกชายให้อยู่ในความดูแลของเขามาตั้งแต่ช่วงมัธยมปลาย ที่เรียนที่ไหนดีเขาก็พร้อมจะส่งหลานชายเพียงคนเดียวไปเรียนแต่ว่าไอ้ตัวดีของเขากับหนีเรียนอยู่เรื่อย
กันย์ดนัยตื่นแต่เช้าวันนี้เขามีหน้าที่ไปส่งหลานชายเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวันแรก แต่เจ้ากฤตภัทรกับไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเลยจนเขาต้องขู่ว่าจะตัดเงินรายเดือนเพียงเท่านั้นก็ยอมลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน ชายหนุ่มมองตัวเองในกระจกแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นหล่อเหลาเตรียมพร้อมกับการไปเรียนแล้ว เมื่อมาถึงที่เรียนกฤตภัทรกล่าวขอบคุณคุณอาอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณคร๊าบ”
“ทำให้ดีนะกฤต อาจะคอยดูถ้ายังไม่ตั้งใจเรียนอาจะตัดเงินจริงๆไม่ใช่แค่ขู่” กันย์ดนัยบอกย้ำกับหลานชายน้ำเสียงราบเรียบ มีแค่เรื่องเงินนี่แหละที่หลานไม่กล้าขัด
“ครับๆ ผมสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนแน่นอนครับ”
“ลงไปได้แล้ว”
“ไม่หอมแก้มเหมือนตอนเด็กๆก่อนหรอครับ” กฤตภัทรหันไปเย้าแหย่คุณอาเหมือนเช่นเคยแต่กับได้สายตาดุๆของคุณอากลับมาแทน ตอนเขาเด็กๆคุณอาก็หลงรักเขาใช่ย่อยถึงได้ตามดูแลเขาอย่างนี้ไงล่ะ แม้อายุจะห่างกันสิบปีแต่ไม่มีช่องว่างระหว่างวัยเลย
“เดี๋ยวเถอะ! อย่าชักช้าเวลาของอาเป็นเงินเป็นทองนะเจ้ากฤต”
“ฮ่าๆ คร๊าบๆรู้แล้วครับ” กฤตภัทรยกมือทั้งสองข้างขึ้นแสดงอาการว่ายอมแพ้แล้ว แล้วเขาก็เปิดประตูรถออกไปทันที กฤตภัทรมาเข้าเรียนที่คณะบริหารธุรกิจในคณะที่เพื่อนคนอื่นๆเลือกเรียนคณะวิศวกรรมจึงทำให้เขาไม่มีเพื่อนเลยสักคน ชายหนุ่มยืนเคว้งคว้างอยู่ตรงลานหน้าคณะจนกระทั่งมีรถสปอร์ตคันหรูขับเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยชื่อดัง แน่นอนว่ามีนิสิตให้ความสนใจเป็นอย่างมากเพราะไม่ค่อยมีรถหรูสีเจ็บๆแบบนี้ขับเข้ามาบ่อยนัก ชิชาอยากจะปฏิเสธความหวังดีของคุณลุงแต่ก็ทำไม่ได้ เธอทำได้เพียงแค่ยกมือไหว้ก่อนจะผละออกมาจากรถหรูคันดังกล่าว จากนั้นรถก็แล่นออกไปทันทีทิ้งให้เธอกลายเป็นจุดสนใจแทน
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” กล่าวจบก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บ ที่ต้องเจ็บก็เพราะหญิงสาวเดินก้มหน้าก้มตาจนไปชนเข้ากับกฤตภัทรเต็มๆ
“ไม่เป็นไรเราไม่เจ็บหรอกแต่เธอคงเจ็บ เราชื่อกฤตภัทรนะเรียกว่ากฤตก็ได้” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองให้คนตัวน้อยได้รู้จัก คนตรงหน้าตัวเล็กน่ารักผิวขาวราวกับหยวกกล้วย ดูแตกต่างจากผู้คนรอบข้างมากๆ เขารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น
“เราชื่อปรีณาภาจ้ะ จะเรียกว่าชิชาก็ได้” หญิงสาวตอบกลับยิ้มๆ ผู้ชายตรงหน้าท่าทางจะอัธยาศัยดีไม่น้อย ชิชาลูกสาวคนสวยของนายหัวชรัณในวัยสิบเก้าปีได้ก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่ตัวเองใฝ่ฝันได้สำเร็จเพราะความตั้งใจที่ทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือและการทำข้อสอบหลายร้อยข้อเป็นประจำ ชิชาอดภูมิใจในตัวเองไม่ได้ หล่อนอยากจะขอบคุณพี่ชายที่แสนดีอย่างพี่ชลที่ช่วยติวรายวิชาที่เธอไม่ค่อยเข้าใจจนกระจ่าง
“ชิชาก็เรียนที่นี่ใช่ไหม ปีหนึ่งใช่หรือเปล่า”
“ใช่ๆ กฤตก็เรียกที่นี่หรอ” หญิงสาวถามกลับน้ำเสียงตื่นเต้น เธอมาเรียนที่นี่คนเดียวส่วนเพื่อนๆไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่นกันหมด ต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยและคณะที่ตนใฝ่ฝัน เป็นจริงอย่างที่คุณพ่อคุณแม่บอกที่ว่าพอโตขึ้นทุกคนก็ต่างต้องแยกย้ายกันไป
“ใช่ เรายังไม่มีเพื่อนเลยมาเป็นเพื่อนกันเถอะ อย่างน้อยจะได้มีเพื่อนกินข้าว” เขาขอหญิงสาวเป็นเพื่อนเพราะไม่อยากเดินเข้าห้องเรียนคนเดียวเหงาๆ ซึ่งเธอก็ตอบตกลงเป็นเพื่อนกับเขาทันที
“ได้สิ ชิชาก็ยังไม่มีเพื่อนเหมือนกันแถมยังเพิ่งเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพได้ไม่นานด้วย”
“จริงหรอ กฤตอยู่กรุงเทพมาตั้งแต่เกิดเบื่อจะแย่ วันๆไม่อยากไปไหนรถติด” ตั้งแต่ลืมตาเกิดมาเขาก็อยู่กรุงเทพแล้ว และไม่ค่อยจะอยากออกไปไหนเพราะรถติดซะเหลือเกิน บิดาของเขายกเขาให้กับน้องชายได้ดูแลหลังจากที่ท่านล้มป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ มารดาเลยอยากให้ท่านพักผ่อนและไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของลูกชาย ซึ่งคุณอาของเขาก็ตอบตกลงจะรับดูแลเขาทันทีแถมยังเข้มงวดมากต่างจากตัวตนของเขาราวฟ้ากับเหว เขายอมรับว่าตัวเองขี้เกียจและติดเล่นจนทำให้บิดาอดเป็นห่วงไม่ได้
“มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียแหละเนาะ รีบเข้าไปข้างในกันเถอะเดี๋ยวจะเข้าเรียนคาบแรกไม่ทัน”
“จริงด้วยไปกันเถอะ” คาบแรกเป็นวิชามอที่นักเรียนทุกคณะต้องเรียนเหมือนกัน จะเริ่มแตกต่างกันก็ตอนชั้นปีที่สองเพราะแต่ละคณะมีเนื้อหารายวิชาไม่เหมือนกัน ชิชาตั้งใจเรียนมาก หล่อนอยากทำให้ทุกคนในบ้านภูมิใจ ยิ่งเลือกจะมาเรียนไกลบ้านแล้วเธอยิ่งต้องเป็นที่พึ่งให้ตัวเองให้ได้ ในขณะที่คนข้างกายเริ่มตาปรือเนื้อหาที่เรียนเริ่มไม่เข้าหู
ปรีณาราจดเนื้อหาที่อาจารย์สอนได้อย่างครบถ้วนและทันเวลา หญิงสาวเคยชินกับการติวผ่านออนไลน์จึงมีทักษะในการจดบันทึกพอตัว และที่ต้องติวออนไลน์ก็เพราะคนเป็นพ่ออยากให้หล่อนอยู่บ้านในช่วงวันหยุดของสัปดาห์ รวมถึงอยู่ดูแลคนเป็นแม่และน้องสาวอย่างปานชีวาด้วย
“อย่าลืมที่อาจารย์บอกนะทุกคน วันนี้เลิกคราสได้ค่ะ” นิสิตปีหนึ่งทยอยเดินออกจากห้องเรียนไปแล้วเหลือคนข้างกายเธอนี่แหละที่ยังไม่รู้ตัว
“กฤตอาจารย์ไปแล้วนะ” ปรีณาภาหันมาบอกคนข้างกายน้ำเสียงกระซิบกระซาบ
“อะ อ้าวจริงหรอ” กฤตภัทรหน้าเหวอ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าบทเรียนจบลงแล้วและทุกคนก็ทยอยเดินออกไปแล้ว
“ทำไมไม่ตั้งใจเรียนเลยล่ะ ขอโทษนะเมื่อคืนนอนดึกหรอ” หญิงสาวถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เธอไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้วคนข้างกายไปทำอะไรมาถึงได้ดูง่วงนอนอยู่ตลอด
“อื่อ เล่นเกมน่ะ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆหนักใจแทนบิดามารดาของเขาเลยเชื่อเถอะ เธอก็นึกว่าทำอะไรที่มันสมควรทำที่แท้ก็มัวเล่นเกมนี่เอง ปรีณาภามองไปทางด้านซ้ายมือมีนิสิตหญิงอีกคนที่ยังไม่ลุกไปไหนจึงเดินเข้าไปทักทาย
“สวัสดีจ้ะ ยังไม่ไปทานข้าวหรอ เราชื่อชิชานะ” หญิงสาวแนะนำตัวเองให้อีกฝ่ายรู้จักอย่างเป็นกันเอง
“เราชื่อดาด้าจ้ะ พอดียังจดไม่เสร็จน่ะอาจารย์ไปไวมากเลยตามไม่ทัน”
“อย่าเสียเวลาจดเลยเอาของชิชาไปถ่ายเอกสารก็ได้ ชิชาคงต้องถ่ายเผื่อกฤตด้วยแต่รายนี้ไม่ยอมจด” ปรีณาภาบอกออกไปยิ้มๆ ดาด้ารู้สึกว่าเวลาที่ปรีณาภายิ้มน่ารักมากๆ
“ดูแลแฟนดีจังเลยนะชิชา” หล่อนได้ยินนิสิตคนอื่นชื่นชมหญิงสาวกับแฟนหนุ่มคนทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก
“ฮ่าๆ แฟนอะไรล่ะนี่เพื่อนของชิชาเอง กฤตรีบมาทำความรู้จักดาด้าเร็วเราสามคนจะได้เป็นเพื่อนกัน”
“เอ่อ...หวัดดีดาด้า”
“หวัดดีจ้ะกฤต ขอดาด้าไปทานข้าวด้วยคนนะ” หญิงสาวเอ่ยขออนุญาตอีกฝ่ายยิ้มๆ เขาดูดีมากผิวเนียนละเอียดยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก
“ตามสบายเลย ไปกันเถอะจะว่าไปก็หิวแล้วนั่งเรียนตั้งสามชั่วโมง”
“นั่งเรียนหรือแอบหลับ” ปรีณาภาหันไปถามยิ้มๆ
“นั่นแหละหน่า ไปๆ” ชายหนุ่มดันหลังให้สองสาวเดินไปข้างหน้า เป้าหมายของพวกเขาคือโรงอาหารของคณะที่ได้ข่าวมาว่ามีแต่ของอร่อยเต็มไปหมด เมื่อมาถึงก็เป็นอย่างที่เขาร่ำลือจริงๆ อาหารอร่อยแล้วยังราคาเป็นกันเองเสียด้วย
“ทำไมสั่งมาเยอะจังเลยล่ะ”
“ก็สั่งมาเผื่อพวกเธอด้วยไง”
“แต่มันเยอะเกินไปหรือเปล่ากฤต ไม่รู้หรือไงว่าสาวๆเขารักษาหุ่นจริงไหมดาด้า” ปรีณาภาหันไปถามเพื่อหาพรรคพวก
“ดาด้าว่าดาด้าทานไหวนะ”
“ห่ะ จริงหรอดาด้า ถ้าดาด้าทานหมดนี่สุดยอดเลยนะ”
“ถ้าไม่หมดดาด้าขอได้ไหม” ของกินต้องหน้าบางอย่างยังไม่ถูกแกะออกมาจากกล่องด้วยซ้ำถ้ากินไม่หมดแล้วต้องทิ้งเธอก็อดเสียดายไม่ได้
“จะเอาไปทำอะไรหรอดาด้า”
“จะเอาไปฝากน้องน่ะ”
“น้องหมาหรอ”
“น้องที่เป็นคนนี่แหละ อะ เอ่อ...”
“ดาด้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าบอกเราสองคนได้นะ” สีหน้าเป็นกังวลทำให้คนขี้สงสารอย่างปรีณาภารีบถามออกไปด้วยความห่วงใย
“ช่วงนี้เราต้องประหยัดหน่อยน่ะ พอดีดาด้าเพิ่งเอาเงินเก็บจ่ายค่าเทอมไป”
“แล้วพ่อกับแม่ดาด้าล่ะ ทำไมท่านไม่ส่งเงินให้” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความสงสัย หน้าที่นี้ควรเป็นของผู้ปกครองของหญิงสาวไม่ใช่หรือ
“พ่อกับแม่เราเสียแล้วน่ะ เราอยู่กับน้องสองคน”
“เสียใจด้วยนะ อย่าเอาของเหลือไปให้น้องเลยเดี๋ยวเราซื้อให้ใหม่ก็ได้เรื่องแค่นี้เอง” กฤตภัทรบอกออกไปน้ำเสียงราบเรียบ แต่คนฟังรู้สึกซึ้งใจมากๆ
“ไม่เป็นไรๆเราเกรงใจ”
“ถ้ายังเห็นว่ากฤตเป็นเพื่อนก็รับไว้เถอะเพราะกฤตไม่ได้ลำบากใจที่จะซื้อให้”
“ขอบคุณนะ” หญิงสาวยิ้มออกมาเต็มใบหน้า หลังมื้ออาหารปรีณาภาก็ไปถ่ายเอกสารชีสเรียนที่เธอจดให้เพื่อนๆทั้งสองคน เวลาพักเที่ยงผ่านไปเร็วมากไม่นานก็ถึงเวลาเข้าเรียนในช่วงบ่าย ปรีณาภาคอยสะกิดกฤตภัทรให้ตั้งใจเรียนจนชายหนุ่มไม่อาจวอกแวกได้อีก
“ไปกินขนมกันชิชาเลี้ยงเอง”
“ขอโทษด้วยนะพอดีดาด้าต้องไปทำงานช่วงเลิกเรียนน่ะ”
“ทำงานพิเศษน่ะหรอ ได้เงินเยอะไหม”
“ไม่เยอะหรอก เจ้าของร้านให้เป็นรายชั่วโมง”
“ชิชาว่าชิชาหางานที่รายได้ดีให้ดาด้าได้นะ” สายตาเป็นประกายของเธอทำให้คนข้างกายเริ่มไม่แน่ใจว่ามันคืองานอะไรกันแน่ที่ทำแล้วได้เงินดี
คอนโดหรูของชวิศเวลานี้เป็นที่พักอาศัยของหลานสาวคนสวย โชคดีที่มีสองห้องนอนหลานสาวจึงมาอยู่กับเขาได้อย่างสะดวกสบาย แม้จะไม่ได้ดูแลอยู่ตลอดแต่ความใกล้ชิดระหว่างเขากับหลานก้ไม่เคยน้อยลงเลยนั่นเป็นเพราะเขามักจะโทรศัพท์ไปหาหลานๆบ่อยขึ้น เขาอยากได้ฟังเรื่องราวความเป็นไปของหลานทั้งสามคน กลับมาจากที่เรียนหลานสาวของเขาก็ตรงเข้าไปทำอาหารในครัวทันที ไม่รู้ว่าเมนูอะไรแต่กลิ่นหอมช่างเย้ายวน
“คุณลุงขา ชิชาทำอาหารเสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวยกเมนูข้าวผัดทะเลของโปรดของคุณลุงมาเสริฟ์ให้ถึงที่โต๊ะ คุณแม่คนสวยเคยเล่าให้ฟังว่าลุงชวิศของเธอปกติทานแต่อาหารแช่แข็งเพื่อความสะดวก เธอเลยคิดว่าตลอดเวลาที่เธอมาเรียนเธอจะเป็นคนดูแลเรื่องอาหารการคิดให้ท่านเอง รับรองว่าจะต้องถูกปากแน่นอนเพราะเธอมีคุณครูสอนมาดี
“เหนื่อยเกินไปหรือเปล่าลูก ลุงว่าสั่งอาหารเข้ามาทานจะสะดวกกว่าไหม” ชวิศตอบกลับน้ำเสียงอบอุ่น ยิ่งนานวันหลานของเขาก็ยิ่งน่ารัก เขาน่ะกลัวหลานจะเหนื่อยที่ต้องกลับมาทำอาหารแทนที่จะได้กลับมานอนพักสบายๆ
“ชิชาไม่เหนื่อยเลยค่ะ ชิชาอยากดูแลคุณลุงบ้าง คุณแม่บอกว่าคุณลุงมีบุญคุณกับคุณแม่เสมอ ให้ชิชาดูแลเถอะนะคะ ชิชารู้น้าว่าคุณลุงส่งเงินให้ชิชาพี่ชลแล้วก็ยัยชีวาอยู่ตลอด คุณลุงควรจะเก็บเงินนั่นไว้ใช้เองนะคะ คุณลุงไม่รู้หรอคะว่าคุณพ่อของหนูรวยมาก” จบประโยคของหลานสาวชวิศก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เขาชอบหลานคนนี้ก็ตรงความทะเล้นไม่มีใครเกินนี่แหละ
“ลุงรู้ๆแต่ลุงก็ยังอยากให้อยู่ดีนี่หน่า นี่ลุงก็เพิ่งวางสายจากแม่เราไป รายนั้นห่วงแต่ไม่กล้าถาม ลูกโตแค่ไหนก็ยังเด็กในสายตาของพ่อแม่แล้วก็ลุงเสมอนะ” ชวิศยื่นมือไปลูบผมของหลานสาวเบาๆพร้อมทั้งส่งสายตาเอื้ออาทรไปให้
“คุณแม่ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะให้อิสระชิชาเสมอ ท่านให้ชิชาเลือกทำอะไรด้วยตัวเอง” ปรียาดาให้ลูกเลือกในสิ่งที่ชอบที่สุดรวมถึงเรื่องของการเรียนด้วย ปรีณาภาบอกกับตัวเองว่าอยากจะช่วยคนเป็นพ่อพัฒนาพื้นที่ภายในไร่ให้เป็นที่รู้จัก หล่อนอยากให้คนอื่นได้รับรู้ว่ามีสถานที่ที่แสนพิเศษแห่งนี้ด้วย จากเดิมมีที่ไม่กี่ร้อยไร่ก็กลายเป็นพันไร่ ชาวบ้านแถวนั้นก็ได้มีงานทำมีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแถมยังมีสวัสดิการดีๆมากมาย
“ต่างจากพ่อมากน่ะสิ” สาวน้อยในสายตาของเขาพยักหน้าหงึกๆ
“มาทานเถอะค่ะเดี๋ยวไม่ร้อนจะไม่อร่อย ผัดด้วยหัวใจเลยนะคะ”
“น่าทานจังเลย หนูเก่งรอบด้านเหมือนแม่ปรีจริงๆ” ชวิศอดที่จะเอ่ยชมหลานสาวไม่ได้
“ต้องขอบคุณคุณแม่ที่สอนพวกหนูค่ะ ยัยชีวาเองก็ชอบทำอาหารเหมือนกัน รายนั้นให้พี่กุลพี่กานต์ทานจนเอียนเลยค่ะ” เมื่อพูดถึงพี่เลี้ยงฝาแฝด วันเวลาผ่านไปพี่เลี้ยงของพวกเธอก็อายุมากขึ้นตามไปด้วย พี่ชลเธอและน้องสาวรักพี่กลุพี่กานต์เหมือนเป็นญาติคนหนึ่ง เวลาถึงวันพิเศษก็มักจะมีของขวัญติดไม้ติดมือไปให้เสมอ ส่วนแม่นมนาถท่านจากไปแล้วด้วยโรควัยชราเมื่อห้าปีก่อน นายหัวของไร่รู้สึกเศร้าใจไม่น้อยเพราะเหมือนได้สูญเสียญาติผู้ใหญ่ไปอีกครั้ง คนงานในไร่เป็นมากกว่าคนงานเพราะเขาอยากให้ทุกคนอยู่กันด้วยความสบายกายสบายใจ
“ลุงเชื่อ อืม อร่อยมาก” เมนูข้าวผัดทะเลอัดแน่นไปด้วยกุ้งตัวโตกับปลาหมึกชิ้นใหญ่ นอกจากหน้าตาน่าทานแล้วรสชาติยังถูกปากมากๆ มีหลานมาอยู่ด้วยแบบนี้สงสัยแพลนที่จะลดน้ำหนักคงต้องยกเลิก
“คุณลุงชอบชิชาก็ดีใจค่ะ ลุงชวิศคะ”
“ว่าไงลูก” ชวิศรวบช้อนแล้วหันไปถามหลานสาว
“ปกติถ่ายแบบได้เงินเยอะใช่ไหมคะ”
“อย่าบอกนะว่าอยากถ่ายแบบ อย่าหาเรื่องให้ลุงโดนพ่อหนูแหกอกเลยนะลูก” ชวิศตกใจกับคำถามของหลานมาก ชักไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวป่วนกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
“คิกๆ ไม่ใช่ชิชาหรอกค่ะ ชิชาอยากแนะนำให้เพื่อนชิชาต่างหาก” ปรีณาภาหัวเราะชอบใจใหญ่ หล่อนไม่กล้าทำอะไรที่ขัดใจคนเป็นพ่อหรอกเพราะรู้ว่าผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง
“ได้เงินเยอะสิลูก มันไม่ได้เหนื่อยเหมือนกับการต้องไปรับจ้างตามร้านอาหารร้านขนมอะไรแบบนั้นหรอกลูก”
“เยี่ยมไปเลยค่ะ ลุงชวิศพอจะหางานให้เพื่อนของชิชาบ้างได้ไหมคะ” อะไรที่พอจะช่วยเพื่อนได้เธอก็อยากจะช่วย
“ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนของหนูเต็มใจจะทำหรือเปล่า ลุงอยากให้ทำด้วยความเต็มใจจะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง”
“ค่ะๆ เดี๋ยวชิชาจะลองไปถามเพื่อนก่อนว่าโอเคไหม เพื่อนของชิชาทำงานส่งตัวเองเรียนค่ะแถมยังต้องดูแลน้องด้วยนะคะ คนแบบนี้ชิชาว่าน่านับถือค่ะ”
“อืม ลุงก็คิดแบบเดียวกับหนู พามาให้เจอลุงก่อนก็ได้นะ เอาเป็นว่าพามากินข้าวเย็นด้วยกันพรุ่งนี้สิลูก”
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“จ้ะ ถ้าหนูทำแล้วมีความสุขลุงก็พร้อมจะสนับสนุน"
ด้านกฤตภัทรเมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบกลับความว่างเปล่า คุณอาของเขายังไม่กลับบ้านคงเพราะออกไปทานข้าวกับลูกค้าแน่ๆ ความหิวเข้าจู่โจมจนเขาต้องรีบเดินไปเปิดตู้เย็นหาอะไรอร่อยๆทานแต่ก็พอกับความว่างเปล่าเช่นกันนั่นทำให้เขารู้สึกเซ็งไม่น้อย บ้านหนุ่มโสดคงเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดสินะ มองไปรอบๆก็เห็นเพียงแค่ขวดน้ำเปล่า ในเมื่อคุณอายังไม่กลับมาเขาก็ยังมีเวลาลั้นลาได้อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดจึงเป็นเป้าหมายของเขาแต่ยังไม่ถึงร้านก็เกิดเรื่องเสียก่อน เขาขับรถยนต์คันหรูมาที่ซอยแห่งหนึ่งก็พบว่ามีผู้หญิงกำลังถูกพวกขี้เมาลวมลาม
“ถอยให้ห่างจากผู้หญิงเลยนะถ้ายังไม่อยากตาย” ชายหนุ่มตวาดออกไปเสียงดังอย่างไม่นึกเกรงกลัว ถึงแม้พวกมันจะมีสามคนแต่เขาคนเดียวกับไม่หวั่นใจ
“ลูกพี่มันมีปืน!” หนึ่งในนั่นร้องบอกด้วยความตกใจกลัว พวกมันก็เป็นแค่พวกขี้เมาที่รังแกคนไม่มีทางสู้ ส่วนคนมีทางสู้อย่างเขาพวกมันไม่กล้าต่อกรหรอก
“ไปเว้ย ถอยก่อน” ไม่กี่นาทีต่อมาพวกมันก็สลายตัวไปกันหมด
“ฮึกๆ ฮือ” หญิงสาวร้องไห้ออกมาด้วยความเสียขวัญ วันนี้มีเหตุให้เธอต้องกลับที่พักช้ากว่าทุกวันแล้วก็เป็นเวลาเดียวกันกับพวกขี้เมาจะมาเดินเตร็ดเตร่พอดี
“เป็นอะไรไหมครับคุณ” ชายหนุ่มถามออกไปเสียงดังเพราะอีกฝ่ายกำลังร้องไห้อย่างหนัก
“คะ คือ กฤต! กฤตจริงๆด้วย ฮือๆ” หญิงสาวเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าคนที่มาช่วยเหลือเธอคือใครก็ร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งขยับเข้าไปกอดขาแกร่งเขาแน่นด้วยความกลัว
“ไม่เป็นไรนะดาด้า พวกมันไปหมดแล้ว มันยังไม่ได้ทำอะไรดาด้าใช่ไหม”
“กฤตมาช่วยได้ทัน ไม่อย่างนั้นดาด้าคง...” เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนี้เพื่อนชายไม่มาช่วยชีวิตหลังจากนี้เธอจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆเธอคงจะอยู่อย่างอัปยศอดสู
“อย่าไปคิดในแง่ลบเลยนะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย”
“ฮึกๆ ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ” แววตาสั่นระริกทำให้เขารู้สึกสงสารเธอจับใจอยากจะรั้งร่างบางเข้ามากอดก็กลัวจะไม่เหมาะสม
“รีบขึ้นรถเถอะ บ้านอยู่ที่ไหนกฤตจะไปส่งเอง” ชายหนุ่มรีบอาสา ขืนปล่อยให้กลับเองก็คงไม่พ้นไอ้พวกชั่วช้าพวกนั้นอีก
“ฮึกๆ อยู่ถัดไปอีกหนึ่งซอยน่ะ ขอบคุณนะ” ชายหนุ่มขับรถไปส่งหญิงสาวตามทางที่หญิงสาวบอก ยิ่งขับมาลึกเท่าไรก็ยิ่งแปลกใจว่าเธอหาที่พักแบบนี้เจอได้อย่างไร สภาพตึกมันดูทรุดโทรมและไม่มีความปลอดภัย ใครจะเข้าจะออกตอนไหนก็ได้เพราะไม่มียามคอยดูแล
“พี่ด้ากลับมาแล้ว เย้ๆ” สาวน้อยวัยมัธยมร้องออกมาด้วยความดีเมื่อเห็นคนเป็นพี่กลับมาอย่างปลอดภัย
“นี่น้องสาวเราเองชื่อดาริน ส่วนนี่กฤตเพื่อนพี่เอง”
“สวัสดีค่ะพี่กฤต ขอบคุณที่มาส่งพี่ด้านะคะ”
“มีแต่ผู้หญิงอยู่ไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ พรุ่งนี้กฤตจะหาที่อยู่ให้ใหม่นะ”
“อย่าเลยดาด้าเกรงใจ”
“ระหว่างเราไม่มีคำว่าเกรงใจอีกแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายนะ ถ้าเป็นกังวลจริงๆค่อยจ่ายทีหลังก็ได้”
“ขอบคุณที่ดีกับเราสองคนพี่น้องนะกฤต”
“รีบขึ้นไปเถอะเราจะยืนอยู่ตรงนี้จนกว่าด้ากับน้องจะเข้าห้อง”
“โอเค ขับรถดีๆนะกฤต”
“อืม แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ชายหนุ่มขับรถออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าสองสาวปลอดภัยแล้ว เขาครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับหญิงสาวถึงขนาดนี้ แค่ทำงานส่งตัวเองเรียนก็แย่อยู่แล้วยังต้องมาเจอสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่เคยมีความปลอดภัยในชีวิตเลยด้วยซ้ำ
ด้านกันย์ดนัยออกมาทานข้าวกับลูกค้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ต้องมาก็เพราะความจำใจ เขาเป็นหนุ่มโสดที่หวงตัวมากๆแต่ก็ชอบมีผู้หญิงมาทอดสะพานให้อยู่เสมอ บ่อยครั้งที่เขาปฏิเสธออกไปอย่างสุภาพแต่พวกหล่อนก็ไม่คิดจะสนใจว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไร
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“จะรีบไปไหนล่ะครับคุณกันย์” คู่ค้าของเขาเอ่ยถามน้ำเสียงราบเรียบ
“พอดีผมยังมีธุระต่อน่ะครับ”
“ไหนๆคุณก็จะกลับเร็ว ผมฝากไปส่งลูกสาวของผมที่บ้านหน่อยสิครับ”
“ขอเนมกลับด้วยคนนะคะหวังว่าคุณกันย์คงไม่รังเกียจ”
“งั้นเชิญทางนี้ครับ” หญิงสาวขยับเข้ามาคล้องแขนเขาเอาไว้พร้อมทั้งพยายามบดเบียดหน้าอกที่ล้นออกมาจากเดรสรัดรูปกับแขนแกร่งของเขา เขารู้สึกอึดอัดอยากจะผลักหญิงสาวออกแต่ก็ทำไม่ได้ ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินมาที่รถยนต์คันหรูของตน ดันให้เธอเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ กว่าอีกฝ่ายจะยอมผละออกก็เล่นเอาเขาเหงื่อตก ตลอดเส้นทางเธอก็พยายามชวนเขาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้จนถึงบ้านหลังใหญ่ของเธอ
“ถึงแล้วครับคุณเนม” ชายหนุ่มบอกออกไปน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอบคุณที่มาส่งเนมนะคะ อยากดื่มอะไรหน่อยไหมคะ” เธอบอกเขาออกไปเสียงหวานอยากเชิญชวนให้เขาเข้าบ้านอย่างเปิดเผย
“ไม่ล่ะครับ ขอตัวก่อน”
“ค่ะๆ ฝันดีนะคะ ฝันถึงเนมบ้างน้า” หญิงสาวบอกกับอีกฝ่ายเสียงหวาน เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เลื่อนสถานะมาเป็นคนรักของเขาซึ่งมันจะดีทั้งเรื่องหัวใจและเรื่องธุรกิจ หญิงสาวหน้างอพอเธอปิดประตูรถเขาก็รีบขับออกไปทันทีแบบไม่คิดจะร่ำลาเธอสักคำ เธออ่อยขนาดนี้แต่เขากับไม่สนใจเธอเลยสักนิด ในใจยังแอบคิดว่าเขาเป็นพวกนิยมไม้ป่าเดียวกันหรือเปล่าแต่ถ้ายังไม่มีหลักฐานยืนยันเธอก็จะขออ่อยเขาต่อไปอย่างนี้นี่แหละ กันย์ดนัยขับรถมาถึงบ้านพร้อมกับหลานชาย คิ้วเข้มของเขาขมวดอัตโนมัติไม่รู้ว่าเจ้าตัวดีมัวไปทำอะไรถึงได้กลับมาจนป่านนี้
“ไปไหนมาเจ้ากฤต” ชายหนุ่มถามออกไปเสียงเข้มเพราะมันเลยเวลาเลิกเรียนมานานพอสมควรแล้ว
“ว่าจะออกไปหาอะไรกินแต่ดันเกิดเรื่องก่อนน่ะครับ”
“เกิดเรื่องอะไรหรือว่าไปเฉี่ยวชนรถใครมา”
“เพื่อนผมเกือบโดนฉุดน่ะครับ ดีที่ไปช่วยเอาไว้ได้ทัน” ถ้าเขาไม่ออกไปหญิงสาวคงจะมีชะตากรรมไม่ต่างจากตายทั้งเป็น
“ว่าไงนะ”
“ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมขอคอนโดที่อาขายสักห้องได้ไหมครับ แค่ชั่วคราวก่อนก็ได้ให้เธอกับน้องสาวไปพักที่นั่นก่อนเพราะที่พักของเธอไม่ปลอดภัยเลยครับ ผมกลัวว่าไอ้พวกนั้นมันรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนมันจะมาทำร้ายเธออีก” เขารู้ว่าอาของเขามีเมตตาคอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอจึงกล้าเอ่ยปากขอตรงๆ
“ได้สิ แล้วอาจะบอกว่าให้ไปพักที่ไหนได้ อารู้ว่ากฤตตั้งใจจะช่วยเพื่อน ว่าแต่เป็นแค่เพื่อนจริงๆใช่ไหม” ชายหนุ่มจ้องตาหลานชายอย่างต้องการจับผิด
“ใช่สิครับ พวกเราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน ขอบคุณล่วงหน้านะครับ”
“จ๊อก!” กันย์ดนัยยังไม่ทันได้ตอบกลับอะไรก็มีเสียงท้องของหลานชายร้องขึ้นแทรกเสียก่อน
“แหะๆ มัวแต่ช่วยเพื่อนเลยยังไม่ได้กินอะไรเลยครับอา” กฤตภัทรยกมือขึ้นมาเกาหัวอย่างเก้อเขิน จุดประสงค์แรกคือออกไปหาของอร่อยทานแต่ได้ไปช่วยเพื่อนจากคนชั่วแทน
“อาก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน รีบเอารถเราไปเก็บแล้วออกไปหาอะไรอร่อยกินกันดีกว่า”
“แต่อาไปร้านอาหารมานี่ครับ”
“คิดว่าอาจะกินลงหรอ” กันย์ดนัยตอบกลับยิ้มๆ
“ฮ่าๆ งั้นจัดไปเลยครับอากันย์” สองหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เวลานี้อยากได้ของอร่อยมาทำให้อารมณ์ของพวกเขาดีกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งเขาและหลานชายชอบดื่มกันทั้งคู่แต่เขาเลือกที่จะให้หลานดื่มด้วยกันที่บ้านมากกว่าหรือจะช่วยเพื่อนมาดื่มที่บ้านเขาก็ไม่ว่าเพราะเข้าใจหัวอกของผู้ชายดีที่ชอบกินชอบดื่ม เมื่อมาถึงร้านอาหารเขาก็ถามไถ่ถึงเรื่องการเรียนของหลานชาย
“ไปเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง”
“ก็...เรื่อยๆครับ”
“อะไรคือเรื่อยๆ” อาหนุ่มถามกลับด้วยความสงสัยเพราะการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมีเรื่องที่น่าสนใจมากมายแต่ทำไมหลานชายของเขาถึงได้บอกว่าเรื่อยๆล่ะ
“จะว่าเรื่อยๆก็ไม่ถูกครับเพราะผมเจอเพื่อนดีมาก ถ่ายชีสที่จดสรุปให้ผมฟรีๆเลย”
“อืม เพื่อนแบบนี้น่าคบหานะ” หลานของเขาโชคดีแล้วที่มีเพื่อนไม่เห็นแก่ตัวยึดผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก
“ฮ่าๆ เพื่อนผมน่ารักมากเลยนะครับเผื่ออาจะสนใจ” กฤตภัทรหัวเราะออกมาเบาๆ เขาอยากให้อามีครอบครัวสักทีจะได้เลิกจู้จี้กับเขา
“อาไม่ชอบเด็ก” กันย์ดนัยตอบกลับแทบจะทันที เขาตั้งปฏิญาณว่าไม่คบกับที่อ่อนกว่าเพราะเชื่อว่าช่องว่างระหว่างวัยจะทำให้เขากับคนที่รักไปกันไม่รอด อีกอย่างตอนนี้เขาก็ยังไม่เจอใครที่ถูกใจที่มีเข้ามาก็หวังทรัพย์สมบัติเขาทั้งนั้น
“ไม่เจอไม่รู้หรอกนะครับว่าจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ก็แปลกนะครับผมคิดกับเธอแค่เพื่อนทั้งๆที่หนุ่มทั้งคณะหวังจะเป็นหวานใจของเธอกันทั้งนั้น”
“หมายถึงเพื่อนที่กฤตช่วยไว้ใช่ไหม”
“ไม่ใช่ครับอีกคน ตอนนี้ผมมีเพื่อนใหม่สองคนเป็นผู้หญิงทั้งคู่ ชิชาท่าทางรวยมากส่วนดาด้าฐานะไม่ดีผมจึงอยากช่วยเธอ”
“คนเราก็แบบนี้แหละกฤตมันเป็นเรื่องของโชคชะตาฟ้าลิขิต ตั้งใจเรียนล่ะก่อนที่เพื่อนจะทิ้งไปคบคนอื่นซะหมด”
“อา ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ผมหลานรักของอาเลยนะ” กฤตภัทรถามกลับเสียงดัง
“หึ หึ”
เช้าวันต่อมาปรีณาภาไปเรียนด้วยหัวใจที่เบิกบานมองเห็นสีรุ้งแสนสวยที่จะช่วยให้เพื่อนของเธอไม่ต้องลำบากเหมือนเดิม แม้จะต้องเร่งรีบสักหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นสีสันของชีวิต สาวอารมณ์ดีเอ่ยทักทายคุณป้าแม่บ้านเสียงหวานก่อนเข้าห้องเรียน เมื่อเข้ามาด้านในก็เห็นว่าเพื่อนสาวมาถึงก่อนแล้ว
"ดาด้า กินข้าวเช้ามาหรือยัง" ปรีณาภาถามออกไปน้ำเสียงสดใสร่าเริง
"กินแล้ว ชิชาล่ะกินมาหรือยัง"
"แหะๆยังเลย พอดีเช้านี้ตื่นสายเลยต้องรีบมาเรียน ต้องพึ่งแซนวิสแทน" หญิงสาวชูแซนวิสในมือไปมาเบาๆ ใบหน้าของเพื่อนดูไม่ค่อยสดใสจนเธอสังเกตได้
"มีอะไรกังวลในใจหรือเปล่าดาด้า บอกชิชาได้ทุกเรื่องเลยนะ" หญิงสาวรับรู้อะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่จึงถามออกไปตรงๆด้วยความที่เธอเป็นห่วงเพื่อนสาวของตน
"พอดีเมื่อวานเกิดเรื่องขึ้นน่ะ"
"เกิดอะไรขึ้นหรอ" ปรีณาภารีบนั่งลงข้างๆเพื่อนสาวทันที มีคนเมาจะฉุดด้าน่ะแต่ว่าบังเอิญกฤตผ่านไปทางนั้นพอดีเลยช่วยเอาไว้ได้ทัน
"ตายจริง ดาด้าปลอดภัยใช่ไหม เจ็บปวดอะไรตรงไหนไหม" ชิชาพยายามสำรวจว่าเพื่อนปลอดภัยจริงๆ
"ไม่เลยๆ ปกติดี กฤตมีปืนด้วยนะพวกมันเลยกลัว"
"หืม กฤตน่ะหรอ ท่าทางไม่ใช่คนชอบพกอาวุธเลย"
"พวกมันพอเห็นว่ามีปืนก็เตลิดไปหมด ยอมรับเลยว่าตอนนั้นตกใจมาก"
"เป็นชิชาชิชาก็ตกใจ ดีแล้วที่กฤตช่วยได้ แล้วได้แจ้งความไหม”
“ไม่ได้แจ้งจ้ะ”
“เกิดเจอพวกมันอีกจะทำยังไงล่ะทีนี้” ปรีณาภาพยายามครุ่นคิดหาทางออกเรื่องนี้
“อ้าว กฤตมาพอดีเลยขอบคุณนะ"