“เฮ้อ...ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถอดเฝือกได้สักที ฉันรำคาญมันจะแย่อยู่แล้ว”
มาดามเกรซถอนหายใจลึกบ่นกระปอดกระแปด เพราะความประมาทแท้ๆ ทำให้นางต้องตกบันไดใส่เฝือกรักษาตัวนานเป็นเดือนๆ ซึ่งมันคงทำให้นางรำคาญไปอีกนาน ขนาดว่าเพิ่งเข้าเฝือกและออกจากโรงพยาบาลได้แค่สองสัปดาห์นางก็รำคาญจะแย่แล้ว
“เดี๋ยวให้เด็กไปเก็บกวาดห้องของราฟาลด้วย แล้วก็ให้ราฟาลลงมาหาฉันที่นี่ด้วย”
มาดามเกรซสั่งแม่บ้านแอลลีน ทว่าหญิงรับใช้วัยค่อนคนไม่ทันได้ไปทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายหญิง ก็มีน้ำเสียงเล็กๆ ของผู้ที่ถูกกล่าวถึงตะโกนตอบคุณย่ามาแต่ไกล
“ราฟาลมาแล้วครับแกรนม่า”
ราฟาล อัลเคอร์เมสส์ เด็กน้อยในวัยเจ็ดขวบ ซึ่งเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลอัลเคอร์เมสส์ รีบวิ่งลงตามบันไดบ้านแบบโค้งมาหาผู้เป็นย่าด้วยความรวดเร็ว จนมาดามเกรซต้องตะโกนห้ามเสียงหลง ด้วยเกรงว่าหลานสุดที่รักจะตกบันไดแขนขาหักไปอีกคน
“ราฟาล! อย่าวิ่งลงบันไดสิ เดี๋ยวจะตกบันไดเหมือนคุณย่านะ”
“ราฟาลจับราวบันไดไว้แล้ว ยังไงๆ ก็ไม่ตกหรอกครับแกรนม่า”
ปากเล็กๆ สีแดงสดอย่างเด็กน้อยที่มีสุขภาพสมบูรณ์ ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ตะโกนบอกผู้เป็นย่า หรือที่ตัวเองมักจะเรียกว่า แกรนม่า (Grandma) ทว่ากลับไม่ได้ทำตามที่พูดออกไปแม้แต่นิดเดียว มือเล็กไม่ได้จับราวบันไดตามที่บอก แต่มันกลับซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง ขณะที่เจ้าตัววิ่งเร็วปรื๋อลงมายังห้องโถงใหญ่ ซึ่งกริยาของหลานชายทำเอาผู้เป็นย่าแทบหัวใจวาย
“ราฟาล ทำไมไม่เชื่อฟังย่าบ้าง ต่อไปถ้ายังวิ่งลงบันไดอีก ย่าจะฟาดให้ก้นลายเลยนะ”
มาดามเกรซถลึงตาเอ็ดหลานชาย ที่วิ่งลงบันไดและมานั่งหายใจหอบเหนื่อยอยู่ข้างๆ ตัว นางยกมือทำท่าจะฟาดลงไปบนต้นแขนของราฟาล แต่พอหลานชายหัวแก้วหัวแหวน ทำตาปริบๆ แดงก่ำ แถมยังตีหน้าม่อยราวกับจะร้องไห้ ก็ถึงกับชะงักฝ่ามืออยู่กลางอากาศ ก่อนจะวางลงข้างตัว พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อรู้ว่ายังไงๆ นางก็ตีหลานชายคนนี้ไม่ลง
นอกจากจะรับความหล่อเหลา รูปร่างที่สูงใหญ่ สีตาสีผมมาจากผู้เป็นบิดาแล้ว ราฟาลยังเป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น รับเอาความเจ้าเล่ห์เพทุบายของบิดามาทุกกระเบียดนิ้ว พอถูกคุณย่าดุเสียงเข้ม ก็รีบตีหน้าม่อย ทอดดวงตามองคุณย่าด้วยสายตาละห้อย ก่อนจะก้มหน้านิ่ง เอ่ยตัดพ้อคุณย่าด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ถ้าแกรนม่าตีราฟาลก้นลาย ราฟาลก็เจ็บก้น พอราฟาลร้องไห้ ใครจะปลอบราฟาลล่ะครับ”
เจอไม้นี้ ผู้เป็นย่าก็ถึงกับอึ้ง กวักมือเรียกหลานรักให้ขยับกายมานั่งใกล้ๆ เพื่อกอดปลอบขวัญคนที่กำลังจะร้องไห้ได้สะดวกยิ่งขึ้น
“โธ่...หลานย่า มานั่งใกล้ๆ ย่ามาลูก”
มาดามเกรซกอดหลานรักไว้แน่น ขอบตาแดงก่ำไม่ต่างจากหลานหัวแก้วหัวแหวน นางพรมจูบไปทั่วหน้าผากและพวงแก้มแดงปลั่งของเจ้าหนูจอมมารยา พร้อมกันนั้นก็ได้เอ่ยปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเล็กน้อย
“ย่าไม่ตีราฟาลหรอกลูก ย่ารักราฟาลเสียยิ่งกว่าชีวิตของย่าอีก ต่อไปถ้ามีใครมารังแก หรือมาตีราฟาล ย่าจะจัดการมันให้เองนะลูก”
“ครับแกรนม่า ต่อไปถ้ามีใครมารังแก ราฟาลจะบอกแกรนม่าเป็นคนแรกเลยครับ”
เจ้าหนูจอมประจบอย่างราฟาล รีบรับคำอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นก็ได้ยื่นปากเล็กๆ ไปหอมแก้มซ้ายขวาของคุณย่าเป็นการใหญ่
‘หลานย่าใครอย่าแตะ’
ต้นหนห้องอย่างแม่บ้านแอลลีนกลอกตาขึ้นบน พร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ ขณะค่อนขอดย่าหลานคู่นี้อยู่ในใจ เมื่อสักครู่ยังพูดอยู่หลัดๆ ว่าจะฟาดก้นเอาให้ลาย โทษฐานที่ชอบวิ่งลงบันไดบ้าน แต่พอคุณหนูราฟาลเล่นละครทำตาแดง ตีหน้าม่อย อ้อนใส่แค่เพียงนิดเดียว แกรนม่าเกรซก็ตีหลานไม่ลงซะแล้ว
ส่วนคุณหนูราฟาลก็ช่างฉลาดเหลือร้าย พอรู้ว่าตนเองจะถูกลงโทษในเรื่องที่แกล้งพี่เลี้ยงให้วิ่งหนีซะกระเจิง ก็รีบประจบประแจงกอดคุณย่า หอมแก้มคุณย่าเป็นการใหญ่ เพื่อให้คุณย่าหลงลืมเรื่องการทำโทษตนเอง
และหลังจากประจบประแจงคุณย่าพอหอมปากหอมคอแล้ว ราฟาลก็เอ่ยถามถึงบิดาทันที
“แกรนม่าครับ ราฟาลคิดถึงแด๊ดดี๊ ทำไมแด๊ดดี๊ต้องไปต่างประเทศบ่อยจังเลยครับ ราฟาลไม่ได้เห็นหน้าแด๊ดดี๊เกือบสองอาทิตย์แล้วนะครับ”
“แด๊ดดี๊น่าจะกลับบ้านวันนี้แหละลูก เมื่อวานแด๊ดดี๊โทรมาบอกย่าว่าทำงานเสร็จแล้ว และกำลังจะไปขึ้นเครื่องบิน ป่านนี้แด๊ดดี๊ของราฟาลคงกำลังนั่งรถมาจากสนามบินนะลูก” มาดามเกรซเอ่ยบอกราฟาลตามที่ลูกชายได้โทรศัพท์มาบอกตั้งแต่เมื่อวาน
เพราะกำลังขยายธุรกิจจัดจำหน่ายดอกไม้อันเลื่องชื่อของประเทศเนเธอร์แลนด์ นั่นก็คือดอกทิวลิปไปตามห้างสรรพค้าชั้นนำทั่วทวีปยุโรป เลยเป็นเหตุให้ผู้เป็นบิดาของราฟาลต้องเดินทางออกนอกประเทศบ่อยครั้ง จนแทบไม่มีเวลาอยู่ดูแลลูกน้อยในวัยที่กำลังซุกซนอย่างราฟาล
และในขณะที่คุณย่า คุณหลานกำลังบ่นถึงผู้กุมบังเ**ยนธุรกิจระดับพันล้านของตระกูลอัลเคอร์เมสส์ บุรุษหนุ่มผู้ตกเป็นหัวข้อในการสนทนา ตกเป็นเป้าหมายของความคิดถึงของมาดามเกรซและราฟาล ก็ก้าวเท้าช้าๆ ทว่ามั่นคงหนักแน่นเข้ามาภายในบริเวณคฤหาสน์หรูหรา อันเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษตระกูลอัลเคอร์เมสส์
เจ้าของนัยน์ตาสีสนิมคมกล้า รับกับโครงหน้าอันหล่อเหลา กระชากใจสาวๆ ทั้งประเทศ เดินเข้ามาทันได้ยินประโยคคำพูดของผู้เป็นลูกชายเข้าพอดี ซึ่งคำพูดที่ราฟาลบอกว่าคิดถึงแด๊ดดี๊ ทำให้ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาได้ด้วยความสุขใจ
“เอ๋...ได้ยินแว่วๆ ว่าคนแถวๆ นี้บ่นว่าคิดถึงแด๊ดดี๊ ไม่รู้ว่าใครกันนะที่คิดถึง และอยากเจอหน้าแด๊ดดี๊สุดหล่อ”
คีธ อัลเคอร์เมสส์ ผู้กุมบังเ**ยนธุรกิจส่งออกดอกไม้อันดับหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ แกล้งเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงห้าวทุ้ม จากนั้นก็ยืนกอดอกรอรับลูกชายที่กำลังวิ่งเข้ามาหาตนเองอย่างรวดเร็ว
พอได้ยินเสียงของบิดา เจ้าหนูจอมแซบของมาดามเกรซ ถึงกับเบิกตาโตฉีกยิ้มกว้าง นาทีต่อมาก็ผละออกจากอ้อมกอดของคุณย่า แล้ววิ่งไปหาบิดาอย่างรวดเร็ว พอเข้าไปได้ในระยะใกล้แล้วก็กระโดดทั้งตัวเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นบิดา
“เย้ๆ ดีใจจังเลย แด๊ดดี๊ของราฟาลกลับบ้านแล้ว”
ราฟาลตะโกนลั่น บ่งบอกถึงความดีใจอย่างยิ่งยวด ลำแขนเล็กทั้งสองโอบกอดไปรอบลำคอ แล้วซบหน้านิ่งกับอกกว้างอันแสนอบอุ่นของผู้เป็นบิดา ที่ตนเองนั้นคิดถึงทุกวี่ทุกวัน
“ไหนบอกว่าดีใจที่แด๊ดดี๊กลับบ้าน แต่ไม่เห็นราฟาลทำอะไรให้แด๊ดดี๊เลย”
คีธเอ่ยถามยิ้มๆ พร้อมกับเอียงแก้มรอรับกำลังใจจากลูกน้อย ซึ่งเป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่ ที่ช่วยให้เขามีแรงต่อสู้ ฝ่าฟันกับอุปสรรคที่ขวากหนาม
ราฟาลรู้งานดี พอผู้เป็นพ่อเอียงแก้มรอ ก็รีบหอมแก้มซ้ายขวาของพ่อฟอดใหญ่ ก่อนจะเอียงแก้มของตนเองให้พ่อได้หอมบ้าง
“ถึงคิวแด๊ดดี๊หอมราฟาลแล้วครับ”
“ไม่มีปัญหาครับ”
คีธรับคำกลั้วหัวเราะ พร้อมกับกดจมูกลงไปบนพวงแก้มของลูกชายอย่างหนักๆ เป็นการแกล้งลูกชายเล่น แต่ไม่ได้หอมแก้มซ้ายขวาเหมือนที่ราฟาลหอมตนเอง ชายหนุ่มหอมแค่แก้มซ้ายข้างเดียว จากนั้นก็ผละใบหน้าออกทำเป็นไม่สนใจ แต่เจ้าหนูราฟาลไม่ยอมเสียเปรียบง่ายๆ ก็ในเมื่อเขาหอมแก้มพ่อไปตั้งสองครั้ง เรื่องอะไรจะให้พ่อหอมแก้มเขาแค่เพียงครั้งเดียว