แรกๆ ผู้จัดละครและทีมงานทุกคนก็พอทนไหว ทั้งตามงอน ทั้งโทรหาขอร้องให้ธัญพิชชาได้กลับมาถ่ายละครให้จบเรื่อง และคิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ทว่าแทนที่ธัญพิชชาจะปรับปรุงตัว ทำตามคำขอร้องของผู้จัดละครและพิมพ์มาดาผู้เป็นจัดการส่วนตัว นางเอกสาวกลับบอกปัดโดยไม่สนใจ พร้อมทั้งประกาศลั่นว่า
ใครไม่จ้าง พีชก็ไม่ง้อ
ความอดทนของบรรดาผู้จัดละคร ซึ่งล้วนแต่เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง พอถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ก็ย่อมมีคำว่าสิ้นสุด เมื่อให้โอกาสนางเอกสาวหลายครั้งต่อหลายครั้ง ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมปรับปรุงตัว เคยวีนเช่นไรก็วีนเช่นนั้น เคยมาทำงานสายก็ยังคงมาสายเป็นครึ่งค่อนวันเช่นเดิม ไม่เคยท่องบทละครอย่างไร ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นไม่มีเปลี่ยน สุดท้ายผู้จัดละครที่เคยรุมตอม ไม่ต่างจากแมลงผึ้งโผบินเข้าไปดอมดมดอกไม้สีสวย ต่างก็พากันส่ายหน้าถอยหนีทีละคนสองคน จนแทบไม่เหลือผู้จัดละคร หรือเอเจนซี่ต่างๆ ที่จะติดต่อให้ธัญพิชชาไปเล่นละคร หรือไปเดินแบบ
เมื่อถึงคราว เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผู้จัดละครไม่ป้อนงานให้ งานเดินแบบหรืองานโฆษณาก็เริ่มหดหายไปทีละเล็กทีน้อย บุพการีทั้งสองที่เคยเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ก็มาด่วนจากไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
โลกใบใหญ่อันสวยหรูของธัญพิชชา ที่เคยอยากได้อะไรก็ได้ อยากสวมรองเท้าคู่ละหลายหมื่น อยากสะพายกระเป๋าใบละแสน อยากซื้อรถคันละหลายล้าน ก็มีอันมลายไปพร้อมๆ กับการสูญเสียบุพการีที่รัก ทว่าธัญพิชชาไม่ได้เคราะห์ร้ายเพียงเท่านั้น เมื่อยามตกอับ ผีซ้ำด้ามพลอยเข้ามาอีกระลอก เมื่อความจริงถูกเผยว่าครอบครัวของเธอนั้นซวนเซมาหลายปีแล้ว บิดาของเธอเล่นหุ้น และเก็งกำไรผิดพลาด ทำให้สูญเสียเงินนับสิบๆ ล้าน จนต้องนำคฤหาสน์หรูหรามูลค่าหลายล้านไปจำนองกับธนาคาร ซึ่งแน่นอนว่าบิดามารดาของหญิงสาวไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย จ่ายเงินต้น จวบจน
กระทั่งถูกธนาคารยึดไปขายทอดตลาดในเวลาต่อมา
นอกจากจะสูญเสียบุพการีที่รักไปอย่างพร้อมๆ กัน สูญเสียคฤหาสน์หรูที่เคยอาศัยมาตั้งแต่แรกเกิด รวมทั้งทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรู เครื่องประดับเพชรพลอยต่างๆ ที่เคยใส่โอ่อ่าเต็มตัว ธัญพิชชายังต้องสูญสียบรรดาเพื่อนฝูงที่เห็นแก่กินทั้งหลาย ซึ่งพอหญิงสาวสิ้นเนื้อประดาตัว บรรดาเพื่อนฝูงที่เคยประจบประแจง ประจบสอพลอก็พลอยหายหัวไปตามระเบียบ
แม้บรรดาเพื่อนกินทั้งหลาย จะเลิกคบกับธัญพิชชาทันทีที่รู้ว่าอดีตนางเอกสาวสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ก็คงเหลือเพื่อนแท้อย่างพิมพ์มาดา ซึ่งไม่เคยทิ้งธัญพิชชาในยามที่นางเอกสาวกำลังลำบาก และไม่ว่าจะถูกธัญพิชชาตะโกนด่าทอ ไล่ออกจากห้องชุดสุดหรูสักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่พิมพ์มาดาก็ไม่เคยเดินหนี ไม่เคยทิ้งอดีตนางเอกสาวเบอร์หนึ่งของประเทศไทยแม้แต่ครั้งเดียว
พิมพ์มาดาลุกขึ้นมาทรุดกายลงนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันที่ธัญพิชชานั่งอยู่ ก่อนจะจับมือผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนรักและเป็นทั้งเจ้านายของตนเองมากุมไว้ พร้อมกับเอ่ยบอกเสียงเข้ม
“พีช...อย่าไล่พิมให้เมื่อยปากเลย พีชก็รู้ว่าต่อให้ไล่ยังไง พิมก็ไม่มีทางทิ้งพีชไปในยามนี้”
“แล้วจะอยู่ทำไม พีชเบื่อหน้าพิมแล้ว เบื่อวงการมายา เบื่อทุกๆ คนที่ใส่หน้ากากเข้าหาพีช พอพีชไม่มีเงิน ไม่มีชื่อเสียง พวกมันก็พากันหนีพีชไปหมด พิมก็เหมือนกัน ทำไมไม่หนีพีชเหมือนเพื่อนพวกนั้นแหละ ทำไมไม่ไปเป็นผู้จัดการให้กับดาราคนใหม่ ที่กำลังโด่งดังเป็นพลุแตก พิมจะมาจมปลักอยู่กับพีชทำไมกัน”
ธัญพิชชาร่ายยาวต่อว่าทุกคนที่เคยเข้ามาพัวพันอยู่ในชีวิตของเธอ เพียงเพื่อเกาะเธอกิน เพียงเพื่ออาศัยชื่อเสียงของเธอเป็นบันไดไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง พอเธอตกอับหมดผลประโยชน์ให้พวกเขากอบโกย ก็ถูกถีบหัวส่งไม่ต่างจากหมาหัวเน่า!
แทนที่จะโกรธที่ถูกธัญพิชชาด่าทอไม่มีดี พิมพ์มาดากลับคลี่ยิ้มให้กับเพื่อนรัก ก่อนจะโอบแขนไปรอบบ่าเล็ก พลางเอ่ยตอบในสิ่งที่ธัญพิชชาได้ตัดพ้อต่อว่าออกมา
“ใครจะเป็นยังไง พิมไม่สนใจหรอกนะ ใครจะทิ้งพีช จะเกลียดพีช ก็ช่างหัวเขา แต่พิมไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ไม่มีทางทิ้งพีชไปหรอก พิมจะอยู่เป็นเพื่อนของพีชตลอดไป แม้พีชจะไม่ต้องการพิมก็ตามทีเถอะ แต่พิมอยากบอกให้พีชรู้ว่า ไม่ว่าพีชจะร่ำรวยมหาศาลเหมือนเมื่อหลายปีก่อน หรือพีชจะอับจนไม่มีเงินแม้แต่สลึงเดียว พิมก็จะไม่หนีพีชไปไหน จะอยู่ให้พีชด่า จะอยู่ให้พีชจิกหัวใช้แบบนี้ตลอดไป”
“พิม...”
อดีตนางเอกสาวถึงกับบ่อน้ำตาตื้น ร้องไห้โฮไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ โผเข้าไปสวมกอดผู้ที่เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองไว้แน่น พร้อมกันนั้นก็พึมพำสะอึกสะอื้น ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ที่กำลังเล่นตลกกับเธออยู่เช่นทุกวันนี้
“ทำไมต้องเป็นพีช ที่ประสบปัญหาแบบนี้ ทำไมพ่อกับแม่ต้องด่วนจากพีชไป ทำไมท่านไม่อยู่กับพีชก่อน ทำไมทุกคนถึงเกลียดพีช ทำไมพวกเขาไม่จ้างพีช พิม...พิมอย่าหนีพีชไปไหนนะ พีชไม่มีใครอีกแล้ว...”
พิมพ์มาดาตบเบาๆ ลงไปบนแผ่นหลังของเพื่อนสาว อยากลั่นวาจาตอบในทุกคำว่า ทำไม ของธัญพิชชาว่า ที่ผู้จัดละครไม่ยอมจ้างงานเธอนั่น ก็เป็นเพราะนิสัยที่ไม่เอาไหนของธัญพิชชาเอง แต่เมื่อไม่อาจพูดเช่นนั้นได้ พิมพ์มาดาจึงปลอบในถ้อยวาจาที่ช่วยให้ธัญพิชชารู้สึกคลายความเครียด คลายความทุกข์ได้มากที่สุด
“พีช เรื่องเกิดแก่เจ็บตาย เราห้ามกันไม่ได้หรอกนะ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านไปสบายแล้ว แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างพีช ต้องต่อสู้กับปัญหาทุกอย่างที่กำลังรุมเร้าอยู่รอบตัวของพีชในขณะนี้ ใครเขาไม่จ้างงานพีชก็ช่างเขา พีชมีความรู้ มีความสามารถ พีชหางานอื่นทำก็ได้นี่”
ธัญพิชชาสูดสะอื้น เอ่ยถามเสียงขาดกระท่อนกระแท่น “จะ...จะให้พีชทำงานอะไร...พีชไม่เคยทำงานหนักเลยชั่วชีวิต พีชเล่นละคร เดินแบบ ถ่ายโฆษณาเป็นแค่เพียงอย่างเดียวนะพิม”
พิมพ์มาดาพยักหน้ารับเห็นพ้องในถ้อยคำที่ธัญพิชชาพูดออกมา คุณหนูของตระกูลศิรดาไม่เคยจับต้องงานบ้านให้ฝ่ามือได้หยาบกร้าน ไม่เคยหยิบจับงานหนักมาเลยทั้งชีวิต เพราะเหตุนี้เธอจึงได้หางานที่เบาและค่อนข้างสบายให้เพื่อนสาวได้ทำ
“ถ้าพิมหางานให้พีชทำ พีชจะทำไม งานเบาไม่หนักหนาอะไร แถมยังได้เงินเยอะด้วยนะ”
ธัญพิชชายกมือปาดน้ำตา พลางจ้องมองเพื่อนสาวเขม็ง เมื่อได้ยินเรื่องอาชีพการงาน ที่ฟังดูล่อแหลมเหลือเกิน และด้วยคิดไปไกลว่างานอันแสนสบายได้เงินดี ต้องเป็นงานเอาเนื้อตัวเข้าแลก จึงตวาดต่อว่าผู้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของตนเองทันที
“พิม! ถ้าต้องไปค้ายา ขายตัว หรือทำงานที่ผิดกฎหมาย พีชไม่เอาด้วยหรอกนะ”
พิมพ์มาดาส่ายหน้าช้าๆ ด้วยความระอาคนที่ช่างคิดไปไกล จากนั้นก็เอ่ยตอบถึงหน้าที่การงาน ที่ตนเองได้นำมาเสนอให้อีกฝ่ายพิจารณา
“พีช อย่าเข้าใจผิดคิดว่าพิมจะหางานพวกนั้นให้พีชทำสิ”
“แล้วจะให้พีชทำงานอะไร เลี้ยงเด็ก เลี้ยงคนชรา พีชไม่ทำนะ”
ธัญพิชชาเอ่ยดักคอก่อนที่เพื่อนสาวจะทันพูดจบ และพอเห็นพิมพ์มาดาพยักหน้ารับ บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังเสนองานการเป็นพี่เลี้ยงให้กับเธอ ก็ถึงกับเอะอะโวยวายร้องเสียงหลง
“ไม่เอา! พีชไม่ทำ พีชเกลียดเด็ก เกลียดคนแก่ ยังไงๆ พีชก็ไม่ทำเด็ดขาด”