“โหพูดกับผู้หญิงแบบนี้ได้ไงกัน?”
“แล้วผู้หญิงแบบเธอนี่ยน่าให้พูดดีเหรอ มากอดผู้ชายทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จัก แถมยังขอนอนด้วย...” ฉันมองไพเรทที่มองฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉยแต่แววตาดูถูกสุดๆ เหอะ เกลียดสายตาแบบนี้มากเลยแหะ สายตาเหมือนยัยกันไม่มีผิด ฉันจัดการซดบะหมี่เพื่อต่อชีวิตจนหมดก็เดินไปเก็บของให้เขาที่ฉันรื้อมากิน สักพักไพเรทก็เดินเข้าห้องไป ปล่อยให้ฉันนอนอยู่ที่โซฟา
“จะทำยังไงเพื่อเข้าใกล้หมอนี่มากกว่านี้นะยิ้ม ทำไงดี?”
ร่างของฉันที่พลิกตัวไปมาบนโซฟาคอนโดของไพเรทก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่สะกิดอยู่บริเวณต้นขา ฉันเอามือปัดแต่ทว่าก็ยังรู้สึกแบบนั้น ก่อนจะลืมตาขึ้นเห็นร่างสูงของไพเรทยืนกอดอกมองฉันพร้อมกับส้นเท้าที่สะกิดขาฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ตื่นได้แล้ว ฉันต้องรีบไปทำธุระ”
“นี่คือวิธีปลุกคนนอนของนายงั้นเหรอ? ทำกับผู้หญิงแบบนี้ได้ไงกัน”
“ปกติฉันไม่ทำแบบนี้หรอก เผอิญว่าเธอทำตัวน่าหมั่นไส้... ลุกขึ้นไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ ฉันเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้แล้ว” ไพเรทชี้นิ้วไปที่ห้องน้ำที่อยู่ข้างประตูห้อง ฉันทำหน้าบูดและลุกขึ้นตรงไปที่ห้องน้ำก่อนจะจัดการล้างหน้าถูฟันตัวเอง เสร็จออกมาก็เห็นไพเรทยืนสวมรองเท้าผ้าใบอยู่
“นายทำงานที่ไหนเหรอ?”
“จะอยากรู้ไปทำไม เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว” ฉันเดินตามแผ่นหลังกว้างของเขาที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงยีนขาดๆ แต่มันโคตรดูดีเลยนะเวลาที่เขาสวมใส่ ไพเรทกับฉันออกมาจากคอนโด ฉันมองเขาเดินไปที่รถสุดหรูปอร์เช่ก็ตาค้าง เหอะ รู้ไหมว่าถึงฉันจะเคยรวยแต่ก็ไม่ได้รวยถึงขนาดขับรถราคาแพงแบบนี้หรอกนะ ไพเรทเปิดประตูรถและมองสบตากับฉันอีกครั้ง
“แล้วก็อย่าเที่ยวไปขอนอนกับผู้ชายที่ไหนล่ะ ยัยไซน์ไลด์”
“นะ นาย!” ไพเรทสวมแว่นตาสีชาและขึ้นรถขับออกไปจนฉันแดดิ้นไปกับคำพูดของเขา จะไม่ให้แดดิ้นได้ไงเล่า ก็เล่นพูดขึ้นมาคนที่เดินเข้าออกคอนโดก็มองฉันด้วยสีหน้าตกใจน่ะสิ อายุแค่นี้เป็นไซน์ไลด์แล้ว เนี่ยล่ะที่ได้ยิน! ฉันเดินเข้าซอยมาถึงบ้านของอีกัน (ขอเรียกแบบนี้นะ) ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งกว่ารู้ว่าครอบครัวถูกฟ้องล้มละลายอีก ฉันยืนไขกุญแจอยู่แต่ทว่าเงาที่ทาบทับร่างฉัน มันสะท้อนประตูทำให้ฉันตกใจหันไปมองก็พบกับร่างสูงโปร่งของผู้ชายคนหนึ่ง เขามีสีหน้าเรียบเฉย แถมยังดูหล่อมาก ทำไมฉันเจอแต่คนหล่อกันนะ
“เธอคือเพื่อนของกันงั้นเหรอ?”
“เอ๋ ชะ ใช่แล้วนายเป็นใคร?” ดูจากชุดที่ใส่ เขายังสวมชุดนักเรียนอยู่เลยนะ หมายถึงสวมชุดเครื่องแบบโรงเรียนนานาชาติไง ชุดแบบนี้ฉันเคยเห็นเป็นชุดสูทสีน้ำตาลอ่อน เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกปลดกระดุมลงมาสามเม็ดเผยอกขาวนวล ทรงผมรองทรงที่เป็นสีดำน้ำตาลซึ่งมันทำให้เด็กคนนี้ดูดีมาก มากจริงๆ นะ
“ฉันรอเธอทั้งคืน หายไปไหนมา”
“ห้ะ! รอฉัน รอทำไม?”
“ก็ฉันอยู่ที่นี่” เฮ้ย เป็นไปได้เหรอ? อยู่ที่นี่เนี่ยนะ อีกันไม่เห็นบอกอะไรฉันเลยว่ามีคนอยู่ด้วย หรือฉันลืม?
“จะเปิดประตูได้ยัง ฉันอยากอาบน้ำ”
“ได้ๆ ขอโทษนะ” ฉันเปิดประตูบ้านเข้าไป เขาก็เดินสวนฉันและถอดรองเท้าโยนทิ้งไปที่ชั้นวาง ก่อนจะโยนกระเป๋าและถอดเสื้อสูทออก
“เธอเป็นเพื่อนกัน ชื่ออะไร?”
“เออ ยิ้ม พี่ชื่อยิ้ม” เขาหันมาสบตากับฉัน ซึ่งแรงดึงดูดไม่ต่างจากไพเรทเลยนะเด็กคนนี้ เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินหายไปในครัวและกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำหนึ่งใบที่กำลังดื่มอยู่ ฉันก็ได้แต่ยืนมึนงงทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นใคร? ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร? แต่รู้อย่างเดียวว่าเป็นรุ่นน้องฉันแน่นอน
“ปืน”
“ปืนเหรอ? เอาไปทำอะไรอะ มันผิดกฎหมายนะ”
“ฉันชื่อปืน เป็นน้องชายกัน อยู่ที่นี่...” ฉันเบิกตากว้างและพลันคำพูดของอีกันก็โผล่เข้ามาที่ว่ามีน้องชายอยู่ด้วย และฉันก็ไม่คิดว่าน้องชายของอีกันจะโตขนาดนี้ เพราะฉันก็ไม่เคยเห็นและไม่เคยเจอด้วย
“เออ ยินดีที่ได้รู้จักนะ พี่มาขออาศัยอยู่ด้วยพอดีที่บ้านมีปัญหานิดหน่อย ฝากตัวด้วยนะ”
“อือ อย่าทำตัววุ่นวาย”
“...”
“อย่าสร้างปัญหา เพราะฉันเบื่อกันไปคนหนึ่งแล้ว อย่าให้ต้องเบื่อเธอไปด้วย”
“พี่ว่าสรรพนามเราต่างกันนะ พี่เป็นพี่ปืน ปืนก็ต้องเรียกพี่สิ มาเรียกเธอแบบนี้มัน...” ปืนเอียงคอมองฉัน ก่อนจะเดินตรงมาใกล้ฉันซึ่งเขาสูงพอๆ กับอีตาไพเรทเลยนะ เด็กสมัยนี้สูงจังแหะ
“ฉันจะเรียกแบบนี้มีปัญหาหรือไง ห่างกันแค่สองปี ฉันไม่นับว่าเป็นพี่หรอก”
“เออ ก็ได้แล้วแต่ปืนเถอะ” เขาสบตากับฉันและเดินขึ้นห้องไป ปล่อยให้ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อันที่จริงฉันรู้สึกดีมากๆ นะที่ได้เจอผู้ชายถึงสองคนเป็นคนที่หล่อลากดินมาก แต่ทำไมนิสัยถึงได้ดูคล้ายกันและน่าอึดอัดแบบนี้ล่ะ ไพเรทก็หน้านิ่งแต่ปากมอมรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่คุยกัน ส่วนปืนก็ดูนิ่งพูดไม่เยอะ แต่คุยกันแล้วอึดอัดอะ
“เฮ้อ... ทำไมฉันจะต้องมารับมือผู้ชายแบบนี้ด้วยเนี่ย มันอึดอัดนะ!”