หลังจากอาการขนลุกทั้งร่าง หล่อนก็นิ่งค้างอยู่เช่นนั้น เกิดมาไม่เคยต้องมือชาย ถึงอีกฝ่ายจะงดงามเพียงใด แต่การปรากฏตัวของเขาในที่รโหฐานได้สร้างความตื่นตระหนกให้หล่อนเป็นอย่างมาก
“คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง!?”
สาวอวบว่าพร้อมผลักหน้าอกกว้างๆ ให้ห่างตัว ก่อนรีบคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาปกปิดร่างกาย
ผิวขาวอมชมพูของหล่อนเย้ายวนใจผู้ชายเสมอ การถูกโจรบ้ากามบุกเข้ามาหาอย่างอุกอาจย่อมขวัญเสียเป็นธรรมดา แต่หญิงสาวก็ตั้งสติ ไม่ตะโกนโหวกเหวก
หากต่อสู้กันตัวต่อตัวหล่อนคงไม่มีทางขัดขืน อีกอย่าง การเข้าไปใกล้เขาอย่างเช่นเมื่อครู่ คงเป็นหล่อนที่ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดท่า เพราะเมื่อมองดูเรือนกายอีกฝ่าย ดวงหน้าสวยหวานพลันหน้าแดงและอุ่นซ่าน...
“คุณโป๊...!!”
หล่อนว่าพร้อมชี้นิ้วอวบๆ ไปยังร่างกายสูงใหญ่ หน้าท้องเขาแบนราบ ช่วงขายาวมีกล้ามเนื้อ ตรงกลางลำตัวหนุ่มรูปงามไม่ได้เผยสัดส่วนลับๆ ให้เห็นเต็มสองตาก็จริง แต่กางเกงขาสั้นเนื้อผ้าบางที่เขาสวมไว้นั้นแทบปกปิดความแข็งขันของลูกผู้ชายไม่มิด
ตอนนี้หล่อนรู้แล้วว่า เด็กหนุ่มคนนั้น ฉีหยางซิ่ว เมื่อเติบใหญ่ เขางดงามราวเทพสวรรค์ ผิวขาวละเอียด สองแก้มแต้มสีแดงระเรื่อ
“โธ่...ตกใจอันใด เมื่อครู่เรายังอภิรมย์บนเตียง เหตุใดตอนนี้ถึงแสดงท่ารังเกียจข้าเพียงนั้น...ภรรยา”
“อร๊าย บ้าบอ! แก้มอุ่นนี่นะ ชะ ช่วยคุณอุ่นเตียง ถะ แถมเรายังเป็น เอ่อ...สามีภรรยากันด้วย”
หัวใจหญิงสาวเต้นโครมคราม ทั้งช็อกและขัดเขิน คนหล่ออะไร ขี้ตู่
เสียจริง
หนุ่มรูปงามถอนหายใจเสียงดังราวสิ่งที่เกิดขึ้นเขาต้องรับมืออยู่บ่อยครั้ง ภรรยาผู้นี้มีหลายสิ่งที่เขาต้องคอยปลอบขวัญ และอธิบายให้นางเข้าใจถึงสิ่งที่ลืมเลือน
“ข้ารู้ ในหัวเจ้าเลอะเลือนอยู่หลายส่วน แต่เรื่องนี้ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองจิ่นสือ และข้าสัญญากับฟ้าดินแล้วว่าจะเป็นสามีที่ซื่อสัตย์ตลอดไป ฉะนั้นโปรดรับรู้หัวใจของข้าดวงนี้เป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว...”
วีรินทร์อึ้งจัด ดวงตากลมโตของหล่อน มองผู้ชายตรงหน้าเสมือนเขาหลุดมาจากโลกอื่น ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย ไม่เคยมีผู้ชายคนไหน ประกาศตัวเป็นสามีหล่อนมาก่อน
“เอาอย่างนี้ เดี๋ยวคุณสามี เอ่อ...ไปรอข้างนอกได้ไหม ภรรยาแสนสวยขอทำธุระส่วนตัวแป๊บนึง เสร็จแล้วจะรีบตามไปขึ้นเตียงอีกหน”
วีรินทร์หาข้ออ้าง เพื่อให้รอดพ้นจากช่วงเวลาชวนสยิว อย่างไร หล่อนก็เป็นผู้หญิง การเอาตัวรอดอย่างชาญฉลาดจากโจรบ้ากาม คือทางเลือกที่ดีที่สุด
“เอ่อ...หากเจ้าไม่ถือโกรธที่เมื่อครู่ข้าทำรุนแรงเกินไป ข้าก็ยินดีจะ...เอ่อ...ค่อยๆ มอบความสุขอันหอมหวานให้เจ้าอีกครา...ที่รัก” ปลายประโยคนั้นคือเสียงที่ทอดหวานชวนให้คล้อยตาม
หญิงสาวหน้าแดงจัด รู้สึกร้อนวูบวาบโดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย ใครใช้ให้ผู้ชายงดงามคนนี้พูดจาสองแง่สองงาม และชวนเข้าหอ ระเริงรักบน
เตียงนอนอย่างเปิดเผย
“ข้ารู้ มันเป็นครั้งแรกของเจ้า ดังนั้น ข้าจะถนอมน้ำใจให้มาก เพื่อมอบความสุขให้เจ้ารับรู้ถึงความรักที่สามีคนนี้พึงมีต่อภรรยาแสนน่ารัก”
วีรินทร์หัวเราะกิ๊ก ถูกผู้ชายหยอดคำหวานไม่หยุดจึงยิ้มหน้าบาน ก่อนทำมือไล่ให้เขาออกไปจากห้องน้ำ
แต่พอคิดได้ว่าฉีหยางซิ่วโผล่ออกมาจากความฝันได้อย่างไรก็เกิดอาการหวาดกลัวจับจิต ถ้าหากเขาเป็นวิญญาณเฮี้ยนตามมาทวงภาพวาดลามกผืนนั้นคืนล่ะ นึกถึงแล้วขนก็ลุกซู่ทั้งสรรพางค์กาย
หญิงสาวตั้งสติ พยายามหาทางเอาตัวรอดอย่างเร่งรีบ และในวินาทีที่ก้าวผ่านกระจกเงาที่เป็นฝ้า หล่อนต้องหยุดกึก
หญิงสาวใช้มือเช็ดกระจกเงาที่เป็นฝ้าด้วยความร้อนรน เป็นวินาทีนั้นที่สาวอวบต้องกรี๊ดลั่น
ใบหน้าซีกซ้ายของหล่อนมีปานแดงแสนน่าเกลียดประทับอยู่ เงาที่สะท้อนในกระจกหาใช่วีรินทร์ที่หล่อนรู้จัก หากเป็นสตรีซึ่งมีรูปร่างผอมเพรียว หน้าอกหน้าใจก็มีอยู่น้อยนิด!
เสียงหวีดร้องของหล่อนดังก้องในห้องน้ำ ดังขึ้นพร้อมๆ เสียงทุ้มห้าวของชายหนุ่มที่ร้องเรียกหาคนรักของเขาด้วยความห่วงหา
“หงเซ่อ...!?!”
ณ เมืองจิ่นสือ
เกือบ 3 ปีแล้วที่รูปภาพเหล่าสาวงามหุ่นอวบอัดแห่งยุคซึ่งไร้อาภรณ์
พร้อมเรื่องราวสุดหวามหวิวถูกถ่ายทอดผ่านฝีมือฉีหยางซิ่ว ผู้ใช้ฉายา เฟิ่งหวงสีแดงเพลิง (ขนนกหงส์ฟ้า)
นอกจากภาพวาด เขาได้ขยายผลงานแต่งหนังสือชุนกง รวมถึงตำรากามสูตรซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดลับๆ ของชายหนุ่มทุกเพศทุกวัย โดยฉากหน้าเขาคือคุณชายซึ่งถูกถีบหัวส่งให้มาอยู่ในเรือนหลังเล็กที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเล้าหมู
ดังนั้น ฉีหยางซิ่วจึงกลายเป็นคุณชายผู้ต่ำต้อย คือคนที่ไร้ซึ่งเกรียติและศักดิ์ศรี สุดท้ายจึงถูกหลงลืม
แต่ใครจะรู้ว่าอีกด้านหนึ่งของฉีหยางซิ่ว หรือ เฟิ่งหวงสีแดงเพลิง เขาได้ถ่ายทอดศิลปะสุดมหัศจรรย์ซึ่งปลุกไฟราคะของชายหนุ่มทั้งแผ่นดินให้ลุกโชน ต้นแบบสาวงามที่อวดทรวดทรงองค์เอวชวนให้สิเน่หา ส่วนหนึ่งคือนางโลมชื่อดังในหอคณิกา
กระนั้น ฉีหยางซิ่วมิใช่ชายรักสนุกที่จะมีสัมพันธ์กับหญิงสาวไม่เลือกหน้า แต่การที่ไม่ค่อยมีเพื่อนมาตั้งแต่เด็กเพราะเติบโตอยู่ที่ผาไร้นามทำให้เขาเก็บตัว
กระทั่งย้ายมาอยู่ที่ เมืองจิ่นสือ โลกเขาก็เปิดกว้าง ทุกครั้งที่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตา เขาจึงเลือกที่ไปเที่ยวเตร่ในหอนางโลม นั่นทำให้เขาได้พบต้นแบบซึ่งนำมาสร้างสรรค์ผลงานในเวลาต่อมา
และผลลัพธ์ในตอนนี้ช่างหอมหวาน เงินทองไหลมาเทมาให้ได้ใช้สอยมิขาดสาย โดยได้เพ่ยเพ่ยคุณหนูตระกูลซือแห่งห้างซือเชี่ยน ซึ่งเป็นคนออกหน้าขายภาพวาดให้เขา
อย่างไรเสีย ถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ความต้องการที่แท้จริงของเพ่ยเพ่ย แม้นางจะทอดสะพานให้อยู่เนืองๆ แต่เมื่อเขาคิดจะเด็ดดอกฟ้า นางก็บ่ายเบี่ยงเล่นตัวจนเขามันเขี้ยว
และคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่นางเดินทางมาพบเขาอย่างลับๆ
“อาเพ่ย เจ้ามาหายามวิกาล มิกลัวท่านเจ้าบ้านซือตำหนิรึ” เขาเอ่ยถึงซือเหวิน พ่อค้าผู้มั่งคั่ง มีห้างใหญ่โตในเมืองแห่งการค้านี้
“ในเมื่อหัวใจเพรียกหาบุรุษรูปงาม เหตุใดข้าต้องใส่ใจผู้อื่น”
สีหน้าและท่าทางนางดูกร้านโลก แต่ดวงตามิต่างจากเด็กสาวในวัยซุกซน นางถือตนว่าเป็นบุตรสาวคนโตของซือเหวิน และยังดูแลกิจการต่างๆ แทนบิดาได้ จึงมิเกรงกลัวคำครหาใคร หมู่นี้ซือเหวินเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ เรียกว่าสามวันดีสี่วันไข้ ดังนั้นห้างซือเชี่ยนจึงตกอยู่ในกำมือนาง
“ในเมื่อมาแล้ว เจ้าต้องการสิ่งใด”
ลูกตาสีน้ำตาลอ่อนของนางจ้องที่มือเรียวสวยของฉีหยางซิ่ว ก่อนไล่สายตาไปยังดวงหน้าเขา ยามนี้แสงเทียนตกกระทบ ขับให้ใบหน้านั้นงดงามและน่าหลงใหล
“คุณชายเป็นผู้มีฝีมือล้ำเลิศ เป็นชายงามที่หายากในแผ่นดิน แต่น่าประหลาดใจ สิ่งที่ข้าต้องการ ท่านมิล่วงรู้...”
เพ่ยเพ่ยยิ้มหวานหยด ก่อนหัวเราะน้อยๆ ด้วยกิริยาน่าชม ใครต่างรู้ว่านางเป็นผู้หญิงที่ชอบเป็นช้างเท้าหน้า อีกทั้งมักมัดใจผู้ชายด้วยเสน่ห์ นางยังมีหัวการค้าล้ำเลิศ โดยเฉพาะการที่เป็นตัวแทนจำหน่ายภาพวาดของ
ฉีหยางซิ่วจนสามารถส่งขายให้กับเหล่าขุนนางรวมถึงคนในราชวงศ์