กริ๊ง... มือถือของไศลทิพย์ดังสนั่น ทำให้เธอตื่นจากภวังค์
“โอ๊ย... ตกใจหมดเลย ใครโทรมาแต่เช้า” เธอรีบหยิบมันขึ้นมาดู
กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊ง... เสียงมันยังดังอย่างต่อเนื่อง
“เบอร์ใครไม่เห็นรู้จักเลย ศูนย์...สอง...”
“รับก็ได้วะ” นิ้กกี้อยู่คนเดียวจนชิน เลยชอบพูดคนเดียว
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันโทรมาจากฝ่ายบุคคลของบริษัทภูผามอเตอร์ค่ะ วันนี้คุณมิกิไม่มาทำงานค่ะ เลยอยากจะโทรมาถามสอบถามว่า คุณมิกิเธอเป็นอะไรไปหรือเปล่า”
“อ๋อ... คงไม่ไปอีกแล้วนะคะ เธอไปแล้วค่ะ เก็บกระเป๋าใบใหญ่มาก...ไปแล้ว” เธอตอบไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แค่นึกถึงคนที่ทำให้มิกิเจ็บช้ำแล้วก็พาลพาโลไปหมด
“เหรอคะ” คนถามมาทำเสียงอ่อย ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ใช่... อีกเรื่องนะคะ ฝากบอกเรื่องไปถึงเจ้านายของคุณด้วย ไม่ต้องตามค่ะ ยังไงก็ไม่มีวันเจอ” นิกกี้พูดทิ้งท้าย ก่อนจะกดทิ้งสายไป ใบหน้าของนิกกี้ดูสะใจ แต่ก็สลดลงไปอีก
“ยายมิกิเอ๊ย แกจะหนีหัวใจตัวเองไปได้อีกเท่าไหร่” ปากว่าแล้วนึกถึงหัวใจของตัวเองที่เคยเจ็บช้ำ เธอหนีหัวใจตัวเองมาเช่นเดียวกัน แต่คำตอบเดียวที่ได้คือ มันไม่มีวันลบเลือนหรือจางหาย
เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า พนักงานบนเครื่องประกาศให้ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ
นิธานหันหน้าไปมองเสี้ยวหน้าของไศลทิพย์ที่มองออกไปข้างนอกหน้าต่าง
เธอเอนเบาะลงไปนิดหนึ่ง โชคดีที่เบาะที่เหลือข้าง ๆ ไม่มีคนนั่ง เขาหันไปมองข้างหลังก็ไม่มีคน รอบข้างก็ไม่มีคน เหมือนโชคเข้าข้าง
“นิกกี้ ทำไมเที่ยวบินนี้ไม่ค่อยมีผู้โดยสารเลยนะ”
เธอค่อย ๆ หันมามองหน้าของเขาและมองไปรอบ ๆ
“จริง...สงสัยใกล้สิ้นเดือนแล้วมั้ง อีกอย่างได้ข่าวไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแล้วช่วงนี้ เริ่มโลว์ซีซันแล้วล่ะ” เธอหันหน้ากลับไปทางเดิม
“นิกกี้...” เขาเรียกชื่อของเธออีกครั้ง
เธอรีบหันมาเผชิญหน้า นิกกี้เริ่มประหม่าเมื่อเห็นสายตาของปืนที่จ้องสบ แววตาของเขาดูอาทร มันรู้สึกได้ถึงความพิเศษที่เขาส่งมาให้
นิกกี้ยอมรับว่าปืนทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง และเธอก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มตอนไหน แต่ตอนนี้หญิงสาวยอมรับโดยดุษณีแล้วว่าชอบเขา หรืออาจจะรักเลยก็เป็นได้
ต่างคนต่างพึงใจในกันและกัน
ตอนนี้เธอกำลังทำใจให้สงบ หัวใจเต้นแรงกว่าเดิมพิกล หญิงสาวชักทำสีหน้าไม่ค่อยถูก เวลาอยู่ที่โรงเรียนก็มีเพื่อนอยู่ด้วย แต่ตอนนี้มีเพียงเขากับเธอเพียงลำพัง มาเที่ยวกันสองคนในบรรยากาศแบบนี้ แม้ในเครื่องบินลำนี้จะเต็มไปด้วยผู้คน แต่ระยะที่นั่งใกล้ ๆ หัวใจก็สั่นไหว ในใจของเธอมันเต้นเป็นจังหวะบอกว่า...รัก
“มีอะไร” หญิงสาวทำหน้าเหลอหลากลบเกลื่อนความเขินอาย
สายตาและสีหน้าของปืนซีเรียส ทำให้เธอรู้ว่าเขามีเรื่องในใจจริง ๆ
“ปืนมีเรื่องจะบอก” เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด สีหน้าและแววตามีความหม่นเศร้า
“เรื่องอะไรล่ะ ปืน... ก็พูดออกมาสิ” เธอขยับตัวนั่งหลังตรง
“พ่อกับแม่จะส่งปืนไปเรียนที่เยอรมันน่ะ”
คำตอบของเขาทำให้เธอเงียบเสียงลงไปในทันที ใจหายแวบขึ้นมาดื้อๆ จ้องมองสบตากับคนพูด หัวใจเริ่มแกว่ง ๆ
“อือ... แล้วปืนตัดสินใจยังไง” น้ำเสียงเธอก็แผ่วลงไป รู้สึกใจหาย
“เฮ้อ...” เสียงเขาถอนลมหายใจเบา ๆ ปืนสีหน้าเศร้าเต็มที
“ปืนคงขัดพ่อกับแม่ไม่ได้”
“อือ... ก็ดีแล้วไง อนาคตของนาย ไปเรียนที่นู่นมีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสียหรอก คนบางคนยังไม่มีโอกาส เขายังวิ่งเต้นไขว่คว้าหาหนทางที่จะไปเรียนแทบตาย ปืนโชคดีนะที่ได้ไปเรียน โชคดีมาก ๆ” เธอคิดแบบนั้นจริง ๆ
“แต่...”
“ไปเหอะปืน มันต้องดีแน่ ๆ อยู่แล้ว” เธอแกล้งทำสีหน้าระรื่น ทั้ง ๆ ที่ในใจเริ่มเจ็บนิด ๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่หัวใจเจ็บแปลก ๆ
“นิกกี้ไล่ปืนเหรอ” เขาทำหน้าจ๋อย ๆ รู้สึกน้อยใจขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“เปล่าสักหน่อย” เธอรีบส่ายหน้าพูดปฏิเสธเบา ๆ
แววตาที่ทั้งสองจ้องสบกันนั้น มันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่ต้องเอ่ยปาก เธอรู้ว่าปืนก็มีใจให้เธอเช่นเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่ได้เอ่ยบอกว่าชอบพอกันเท่านั้น
“ปืนขออะไรนิกกี้เรื่องหนึ่งได้ไหม” พูดพลางเอื้อมมือไปจับมือของนิกกี้เอาไว้ แล้วก้มหน้าลงไปหาใกล้ ๆ
ไศลทิพย์หัวใจสั่นหวั่นไหว มันเต้นแรงแทบทะลุออกมานอกอก
“เรื่องอะไร” น้ำเสียงเริ่มสั่น ใบหน้าเริ่มแดงและร้อนออกมาผ่าว ๆ
"นิกกี้รอเราได้ไหม"
"หื้อ...รอทำไม” ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่มันตกใจมากกว่า ไม่คิดว่าปืนจะพูดออกมาตอนนี้
สายตาของเขาทั้งห่วงหาและอาทร เว้าวอนสุด ๆ มันหวานเชื่อมจนคนที่จ้องสบเก้อเขิน และอายที่ถูกเขารบเร้าแบบนี้
“เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ยังไงฉันก็ต้องรอนายอยู่แล้ว" เธอพูดแกมหัวเราะ
ในนาทีนั้นปืนฉกใบหน้าลงมาชิดใกล้ พร้อมกับจุ๊บปากของเธอทันที ก่อนจะประกบแนบ ทั้งสองรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของผิวหน้าและริมฝีปากที่แนบสนิท
เพียงแค่เสี้ยววินาทีนั้น หัวใจของเธอเต้นแรงหนักเข้าไปใหญ่ หน้าเริ่มออกสีแดงร้อนออกมายิ่งกว่าเดิม
นิธานหัวใจก็เต้นโครมครามเช่นเดียวกัน จุมพิตแรก และสัมผัสผิวเนียนนุ่มนิ่มของหญิงสาวเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน
“เพื่อนกัน เขาไม่จุ๊บกันนะ” ปืนพูดขณะที่ยกใบหน้าออกห่าง ใบหน้าของเขาก็ออกสีแดงระเรื่อเช่นเดียวกัน