ได้ถกเถียงกันพอหอมปากหอมคอโรสิตาก็จำต้องยอมกลับบ้านโดยไร้ทนทางถกเถียงด้วยรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ เหมันต์ไม่ได้มองเธอด้านลบหรอกแต่มองติดลบไปเลยมากกว่าเวลาเจอกันทีไรถึงได้เหมือนคนบ้าหาเรื่องกันไม่ว่างเว้น
หากตลอดเวลาห้าปีมีการถ่ายทอดสดชีวิตคู่รักของเธอกับสามีคงได้ติดอันดับคู่กรรมที่ควรไปหย่าร้างกันมากที่สุด ความเข้าใจกันไม่มีเลยแม้แต่น้อย
ถ้าคืนนั้นเธอไม่เมาแล้วเหมันต์ไม่ถูกวางยาปลุกเซ็กบางทีความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาคงไม่ย่ำแย่มากถึงเพียงนี้อาจจะพอเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักที่ดีต่อกันได้ หากวันนั้นคนที่เธอดึงเข้ามาในห้องคืออินทัช ลินิลกับเหมันต์คงได้ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นไปตามแผนการของลินิลตั้งแต่ต้น
อินทัชเพื่อนของเธอคงไม่ต้องมาเจ็บปวดกับผู้หญิงอย่างลินิลจนต้องเป็นม่ายทำได้แค่จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูแต่ไม่มีสิทธิ์อยู่กับลูกสาวอย่างมิราเช่นนี้เพราะหากวันนั้นเป็นเธอกับอินทัชอยู่ด้วยกันเรายังพอพูดคุยกันดีๆ ได้ผิดกับเหมันต์ที่เขาเกลียดชังเธอตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเธอ
โรสิตาเดินออกจากช่องชำระเงินของทางโรงพยาบาลด้วยแววตาเศร้าเล็กน้อย เศร้าเพราะโชคชะตาบวกกับความโง่เขลาพาเธอมาอยู่ในจุดไร้ความสุขนี้ บิดาเธอคงรู้ว่าการแต่งงานแบบจำใจนั้นมันต้องทำให้เธอเจ็บปวดถึงได้คัดค้านในคราแรกซึ่งเธอในตอนนั้นโง่งมคิดไปเองว่าบิดาตั้งใจขัดขวางความรัก
“เฮ้อ พอถอยออกมาทุกอย่างดูชัดขึ้นเยอะเลยยัยโรสเอ้ย อยู่กับผู้ชายคนนั้นได้ยังไงไม่เห็นน่ารักตรงไหนสักนิด ชิ นึกว่าอยู่กับเครื่องจักร” โรสิตาถอนหายใจก่อนจะบ่นกับตนเองพร้อมกับส่ายหัวให้กับตัวเอง
เหมันต์มีดีแค่หล่อเท่านั้นแหละส่วนอย่างอื่นไม่เห็นน่ารักน่าทุ่มเทให้ตรงไหน ผู้ชายหลายคนที่เคยตามจีบเธอยังดีเสียกว่า
“โรส” เสียงทุ้มเรียกจากทางด้านหลังทำให้โรสิตาขมวดคิ้วว่าใครกันมาเรียกเธอในตอนนี้
ร่างสวยในชุดเซตสีขาวกางเกงขายาวทรงกระบอกเสื้อเป็นสายคล้องคออวดแผ่นหลังขาวเนียนจนเกือบถึงเอวหันมามองชายหนุ่มดูท่าทางภูมิฐานสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์สีดำใบหน้าหล่อเหลาดูคุ้นๆ จนโรสิตาอ้าปากค้างเมื่อนึกออก
“อิน อินทัชใช่ไหม” โรสิตามองเพื่อนอย่างแปลกใจปกติเขาไม่ทักเธอ
“หน้าตาไม่น่าจำขนาดนั้นเลยเหรอ” อินทัชมองเพื่อนสาวที่ไม่ได้คุยกันมานานด้วยรอยยิ้ม คราแรกตั้งใจจะมองเลยผ่านเหมือนที่เคยพยายามทำมาตลอดห้าปีแต่พออยู่ใกล้กันแค่เอื้อมจริงๆ เขากลับทนไม่ได้เข้ามาทักเสียนี่
รอโดนด่าได้เลย…
อินทัชคิดในใจเพราะโรสิตาเองไม่ได้คบกับเขานักหรอกมันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เขาแต่งงานรับผิดชอบลินิลเมื่อห้าปีก่อน โรสิตาก็มองเขาเป็นศัตรูมาตลอดและยิ่งเขาหย่ากับลินิลโรสิตาก็ยังไม่ยอมรับเขาเป็นเพื่อน
“หล่อขึ้นจนจำไม่ได้ต่างหากละ อินไม่สบายเป็นอะไรมากไหม” ความผิดในอดีตส่งผลให้โรสิตาเลือกทำดีกับเพื่อนเพราะอินทัชนั้นไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจแต่ถอยห่างไปนั้นเพราะเธอเป็นคนผลักไสเพื่อนออกไปด้วยอคติคิดว่าอินทัชเป็นพวกลินิล
แม้ตอนอีก 10 ปีข้างหน้าก็ยังเป็นอินทัชที่มาให้กำลังใจตอนเธอเสียบิดาไป ตอนนั้นเขาเลิกทำบริษัทขนส่งของครอบครัวผันตัวเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์รายใหญ่จนประสบความสำเร็จ
“เออ ผมรู้สึกไม่สบายน่ะแล้วโรสละเป็นอะไรเหรอ” อินทัชรู้สึกดีใจที่เพื่อนสาวยอมคุยด้วยเช่นวันเก่าก่อน เขาคิดเสมอว่าหากเพื่อนยอมกลับมามองเขาแบบเดิมก็คงดี
“โอ้ หายไวๆ นะคะ ส่วนโรสลื่นล้มนิดหน่อยกำลังจะกลับแล้วล่ะ โรสไปก่อนนะคะอินป่านนี้คนขับรถคงรอแล้ว” รอยยิ้มสวยส่งไปยังชายหนุ่มอย่างจริงใจ
“โรสเดินไหวไหมให้ผมพาไปที่รถรึเปล่า” เขามองท่าเดินไม่ปกติของหญิงสาวอย่างรู้สึกห่วงใย โรสิตาเจ็บตัวแบบนี้ทำไมสามีถึงได้ปล่อยให้มาโรงพยาบาลลำพัง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ โรสค่อยๆ เดินเดี๋ยวเดียวก็ถึงขอบคุณมากนะคะ” ขนาดอินทัชไม่ใช่สามียังรู้จักถามแต่ผัวเธอนี่สิหายหัวไปเลย
ชิ โรสจะจำให้ขึ้นใจว่าผัวไม่มีประโยชน์อะไรเลย…
อินทัชมองตามร่างหญิงสาวนิ่งไม่ยอมละสายตาจนกว่าร่างนั้นจะหายลับไปจากสายตาจึงได้ก้มมองถุงยาในมือที่มีเพียงยาแก้ปวดเท่านั้นและเขาก็ไม่ได้ป่วยแบบที่บอกโรสิตาไป
“นับว่ามาไม่เสียเที่ยว” รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางจอดรถของตนเอง