ภายในห้องทำงาน ณ โรงแรมสาขาใหญ่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ภีมพลอ่านทวนรายงานการประชุมถึงสอบรอบ กว่าจะมีสมาธิจับใจความได้ พยายามสะบัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านอื่นๆ ออก อยากหันมาโฟกัสกับงาน แต่ค้นพบว่าทำไม่ได้ เรื่องของอารยายังรบกวนจิตใจเขามาสองวันเต็มๆ แล้ว
ก๊อก ก๊อก! เลขานุการส่วนตัวชื่อคุณแนนผลักประตูเข้ามา ส่งแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายของโรงแรมแต่ละสาขา ในช่วงไตรมาศที่ผ่านมา นี่ก็เป็นแฟ้มสรุปรายงานเช่นกัน “ขอบคุณมากครับ มีอีกไหม”
“ไม่มีแล้วค่ะ แนนจัดการปริ้นรายงานทุกอย่างรวมมาในนี้แล้ว คุณภีมอ่านทั้งหมดแล้วเซ็นกำกับให้แนนหน่อยนะคะ จะได้นำไปเก็บรักษาค่ะ”
เจ้าของโรงแรมนำทุกแฟ้มมาเปิด กวาดสายตาอ่านคร่าวๆ ก็พยักหน้ารับ ไม่มีอะไรจะถาม ณ ตอนนี้ แต่เลขาก็ยังไม่ไปไหน ยังยืนอยู่ที่เดิม
“เอ่อ… ส่วนเรื่องที่คุณภีมให้จัดการ แนนว่าไม่ต้องติดประกาศก็ได้มั้งคะ ทำไมคุณภีมไม่ลองจ้างคุณหนูอาย…” เสนอไปแล้วแทบรูดซิปปากไม่ทันเมื่อเจ้านายตวัดสายตาดุๆ ขึ้นมามอง แนนรีบพูดต่อ “ได้ค่ะ เดี๋ยวแนนจะลงรับสมัครในเน็ตตอนนี้เลยค่ะ รับรองว่าพร้อมเริ่มงานภายใน 1-2 วันค่ะ”
“ครับ ฝากจัดการด้วย” ขานรับเสียงห้วนๆ ก้มลงอ่านรายงานต่อ ฝ่ายเลขานั้นใส่เกียร์หมาเดินออกจากห้องอย่างเร็ว กลัวจะถูกเจ้านายหล่อทว่าสุดแสนจะดุต่อว่า ทั้งที่เขาก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ดุขนาดนั้นนะ ทำไมคนอื่นถึงกลัว
“คุณแนน วันนี้มีงานอะไรอีกไหมผมว่าจะกลับเร็วหน่อย” คล้อยหลังราวหนึ่งชั่วโมงโทรออกไปถามเลขานุการ เมื่อมีงานแต่ไม่สำคัญจึงสั่งให้เก็บไว้ก่อน นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ภีมพลออกจากห้องทำงานลงไปยังชั้นล่าง พนักงานหลายคนยกมือไหว้ตลอดทาง ลูกค้าในโรงแรมเองก็ค่อนข้างเยอะ น่าจะมีกรุ๊ปทัวร์มาลงจึงวุ่นวายนิดๆ เขาตรงไปที่ฝ่ายเอชอาร์ดูแฟ้มนักศึกษาฝึกงาน
“มีมาสมัครกี่คนเหรอครับ เฉพาะสาขานี้” ถามขณะรอพนักงานรวบรวมใบสมัครรวมถึงประวัติการเรียนมาให้ พนักงานคนนั้นเองก็ดูเหมือนจะเกร็งๆ และตกใจไม่น้อยที่เจ้าของโรงแรมถึงกับลงมาถามด้วยตัวเอง
“ราวๆ ห้าสิบค่ะ ทางออนไลน์ยี่สิบสองนอกนั้นก็เป็นวอคอินค่ะ เปิดรับสมัครแค่เดือนเดียว ตอนนี้ปิดรับสมัครไปแล้วค่ะ ดิฉันคัดเลือกไว้แล้ว โควตาการรับจะมีตำแหน่งฟ้อน ครัว แม่บ้าน เด็กยกกระเป๋า ฟร้อนสอง นอกนั้นตำแหน่งละหนึ่งคนค่ะ” รายงานคล่องแคล่วพลางส่งเอกสารนักศึกษาฝึกงานทั้งห้าให้เจ้านาย ภีมพลนำมาเปิดดูพบว่าทุกคนประวัติโอเคกันหมด แต่ทำไมถึงไม่มีชื่อารยา ทั้งที่เลขาของเขาบอกว่าเห็นอายเข้ามาสมัครไว้แล้ว
“ผมรบกวนขอดูประวัติทุกคนที่วอคอินเข้ามาสมัคร” ส่งเอกสารห้าคนนั้นกลับคืน สีหน้าเจ้าของโรงแรมยังคงขรึมเช่นเดิม ไม่ยิ้มแย้มเลยสักนิด
“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” ย้อนกลับไปค้นหาเอกสารต่อ ไม่สำคัญด้วยสิก็เลยค่อนข้างวางปนกับงานชิ้นอื่น เหงื่อแทบซึมกันเลยทีเดียว หัวหน้าเอชอาร์ถามน้องในแผนกให้มาช่วยกันหา พบว่าเอกสารกองอยู่จุดเดียวกันหมด
“มีแค่นี้ใช่ไหม นักศึกษาที่เข้ามายื่นใบสมัครเอง”
“ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่น้องๆ ที่ยื่นเข้ามาช่วงท้ายจะไม่ได้งานกันค่ะ เพราะคนที่ยื่นเข้ามาก่อนจะได้รับพิจารณาตำแหน่งงานก่อน และทราบผลทันที”
“แล้วคนที่ไม่ได้รับคัดเลือกคุณแจ้งผลเขาหรือยัง” พลิกหาชื่ออารยากระทั่งเจอ ก่อนตวัดสายตาดุๆ ไปถามพนักงานโรงแรมระดับหัวหน้า
“เอ่อ… ไม่ได้แจ้งกลับค่ะ แต่จะแจ้งก็ต่อเมื่อน้องๆ โทรศัพท์เข้ามาติดตามสอบถามผลการคัดเลือก” ส่งยิ้มแบบใจดีสู้เสือไปให้เจ้านาย ฝ่ายนั้นมองบนใส่มาก ส่งเอกสารกลับคืนหลายชุดถือติดมือไปแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้หัวหน้าเอชอาร์ยกมือทาบอก หายใจคล่องคอมากขึ้น
ภีมพลเดินเร็วไปยังลานจอดรถ ก้าวเท้ายาวมองทางสลับกับก้มลงอ่านประวัติคร่าวๆ และตำแหน่งที่ต้องการสมัคร ถ้าไม่แจ้งผลแบบนี้กว่าอารยาจะรู้ตัวว่าไม่มีที่ฝึกงานก็คงเข้าช่วงโค้งสุดท้ายของการหางานแล้วล่ะมั้ง
เขาขับรถออกไปรอที่หอพักของอารยา พยายามโทรหาทว่าไม่มีการตอบรับ ตั้งใจโทรหาแต่กลับไม่เปิดเครื่องซะงั้น แล้วมาบ่นใส่หาว่าเขาไม่สนใจ เด็กบ้าเอ๊ย! ภีมพลหงุดหงิด ขับรถออกตามหาที่มหา’ลัย เผื่อจะเจอตัว
เขาใช้เวลาขับรถวนหาหลายนาทีมาก จนกระทั่งไปเจอตัวที่พลาซ่าใจกลางมหาลัย กำลังต่อรองอะไรไม่รู้กับเจ้าของร้านรับซ่อมโทรศัพท์ แต่เจ้าของร้านส่ายหน้าหลายครั้ง สักพักเห็นเดินหน้าเศร้าออกมา ดูหงอยๆ ชอบกล
อารยาเดินหน้าเศร้าออกมาคนเดียว แต่กลับมีผู้ชายหน้าไหนไม่รู้เข้ามาชวนคุย ถามตอบสองสามประโยคหล่อนจะเดินแยกตัวออกมา หัวคิ้วภีมพลขมวดนิ่งเป็นเส้นตรงมาก ค่อนข้างไม่พอใจ กลัวหล่อนจะมีแฟนแล้วไม่สนใจการเรียน ภีมพลหาจอดรถเทียบข้างถนนก่อนจะตามลงไปเรียกให้มาขึ้นรถ
“ไปไหนคะ แล้ว… อาภีมมาได้ยังไง” ถามเขาเสียงเหนื่อยๆ