ตอนที่ 1
“ดิฉันฝากยายอินด้วยนะคะคุณปัณ น้องยังเด็กนัก อาจจะยังไม่ประสาในหลายๆเรื่อง ค่อยๆบอกค่อยๆสอนกันไปนะคะ อิน...ต่อไปนี้ชีวิตของหนูอยู่ในความดูแลของคุณปัณแล้วนะ ทำตัวดีๆนะลูก ขอให้อยู่กันไปนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองนะ” เพียงเพ็ญกล่าวอวยพรและฝากฝังหลานสาวกับผู้ชายที่เธอเป็นคนเลือกให้มาเป็นหลานเขยเองกับมือ
“ขอบคุณครับ” เจ้าบ่าวซึ่งนั่งรับน้ำสังข์อยู่เคียงข้างเจ้าสาวที่เพิ่งเห็นหน้ากันวันนี้เป็นครั้งที่สอง หลังจากที่เจอกันครั้งแรกในตอนถ่ายพรีเวดดิ้งกล่าวขอบคุณเบาๆ
“ขอบคุณค่ะอาเพ็ญ” อินนัดดายิ้มฝืนๆ กล่าวขอบคุณอย่างเสียไม่ได้ เธอรู้สึกว่างานแต่งงานในวันนี้เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น เพียงเพ็ญน้องสาวแท้ๆของบิดาเธอ แจ้งให้เธอรู้ว่าจะต้องแต่งงานกับชายหนุ่มที่ชื่อปัณณธรเพื่อความอยู่รอดของบริษัท ในวันที่เธอบอกข่าวดีกับผู้เป็นอาว่าเธอกำลังจะได้เป็นบัณฑิตใหม่ ทั้งที่เธออยากให้อาที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่บิดาและมารดาเสียชีวิตเมื่อเจ็ดปีที่แล้วได้ภูมิใจ แต่สิ่งที่ผู้เป็นอาตอบกลับมาในวันนั้นทำเอาเธอช็อกไปอยู่พักใหญ่
“เรียนจบสักที ไม่ต้องต่อโทหรอกนะ อินต้องแต่งงานกับคุณปัณเดือนหน้า”
“อะไรกันคะอาเพ็ญ หนูยังไม่ได้รับปริญญาเลยนะ”
“มันไม่สำคัญหรอกอิน ยังไงหนูก็จบแล้ว ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือหนูต้อง
แต่งงานกับคุณปัณเดือนหน้า เพื่อครอบครัวของเรานะอิน หรือหนูจะยอมให้
บริษัทที่พ่อหนูสร้างมากับมือต้องกลายไปเป็นของคนอื่น”
“แต่..หนูไม่รู้จักคุณปัณอะไรนั่นของอาเพ็ญเลยนะคะ”
“เดี๋ยวก็รู้จักกันเองแหละ คุณปัณเขาจะจัดการพิธีการงานเลี้ยงทุกอย่าง
เอง ถึงวันแต่งอินก็แค่ใส่ชุดเจ้าสาวไปเข้าพิธีเท่านั้นเอง”
“แต่...”
“ไม่มีต่งมีแต่อะไรทั้งนั้น ถือว่าเห็นแก่อาที่เลี้ยงดูเรามาตลอด ตั้งแต่พ่อกับแม่ของอินเสียชีวิตไปเมื่อเจ็ดปีที่แล้วเถอะนะ”
“อาเพ็ญคะ...”
“อาซื้อคอร์สเจ้าสาวไว้ให้แล้ว แต่งงานไปแล้วอินจะต้องทำให้คุณปัณเขารักเขาหลงให้ได้เข้าใจไหม”
อินนัดดาไม่ได้ยินคำอวยพรใดๆจากคนอื่นอีกเลย หญิงสาวจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก้มหน้าเหม่อไม่สนใจที่จะหันไปมองเจ้าบ่าวที่นั่งเคียงคู่กันด้วยซ้ำ สมองมันตื้อและโหวงๆยังไงก็ไม่รู้ ชีวิตที่ไม่สามารถเลือกเองได้...ช่างน่าสงสารนัก
หลังจากแขกเหรื่อของทั้งสองฝ่ายผลัดเปลี่ยนกันรดน้ำสังข์ กล่าวคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวจนครบทุกคน ก็ถึงกระบวนการจดทะเบียนสมรส ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของอาของฝ่ายหญิง และปัณณธรเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
เพียงเพ็ญและชัชชัยมองดูเจ้าบ่าวตวัดลายเซ็นลงบนแผ่นกระดาษด้วยความสมใจ สถานะบริษัทที่ง่อนแง่นจะต้องดีขึ้นเป็นลำดับแน่นอน เมื่อได้ปัณณธรเจ้าของปัณณธรกรุ๊ปมาเป็นทองแผ่นเดียวกัน อินนัดดาเซ็นชื่อในแผ่นกระดาษอย่างไม่ใส่ใจ ดูเหมือนว่าผู้เป็นอาและอาเขยจะกระตือรือร้นชี้บอกจุดที่เธอจะต้องลงลายมือชื่อเป็นพิเศษ หญิงสาวลอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
หลังจากพิธีในช่วงเช้าเสร็จสิ้น อินนัดดาได้ถูกนำไปยังห้องสวีตของโรงแรมที่เป็นสถานที่จัดงาน เพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในช่วงค่ำ หญิงสาวพยักหน้ารับทราบถึงการนัดแนะและกำหนดการณ์ต่างๆจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์ เข้าหูบ้างไม่เข้าหูบ้าง จนเมื่อทุกคนออกจากห้องไปแล้วทุกอย่างรอบกายเงียบสงบ อินนัดดาจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ หญิงสาวเดินไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่เอนศีรษะพิงไปกับพนักโซฟา กลอกกลิ้งสายตาไปมาอย่างเลื่อนลอย
“ฉันว่าเธอน่าจะถอดชุดนั้นออกก่อนนอนดีไหม” ร่างเล็กสะดุ้งนั่งตัวตรงแล้วหันมองไปทางต้นเสียงทันที เจ้าบ่าวของเธออยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันกายผืนเดียว หยดน้ำเกาะพราวตามร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบึกบึน ร่างสูงใหญ่และแววตาดุดันของเขาทำให้อินนัดดาผวาตกใจ
“ฉันไม่ใช่ผีนะ”
“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหละ อยู่ดีๆโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่รู้จักใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมาเจอหน้าผู้คน อายผีสางเทวดาบ้างเถอะ” ปัณณธรเลิกคิ้วเข้มสูง กระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“จะอายใครดีล่ะ อายเมียตัวเองเหรอ ยังไงคืนนี้เธอก็ต้องเห็นฉันเปลือยอยู่แล้ว ซ้อมไว้ก่อนจะได้ชินไง”
“ใครเขาจะอยากเห็นกัน” อินนัดดาหน้าแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัว ด้วยอารมณ์กรุ่นๆ ที่อยู่ดีๆก็ถูกบังคับแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ และคนที่มาแต่งงานกับเธอก็ไม่รู้คิดอะไร ทั้งที่ไม่เคยเจอหน้าไม่เคยรู้จักกัน เขาก็ยังกล้าที่จะมาแต่งงานกับเธอ นี่เขาประสาทดีอยู่หรือเปล่า และนั่นจึงทำให้เธอใช้คำพูดไม่ค่อยดีเท่าไรนักกับเขา
“ไปอาบน้ำสิ จะได้พักผ่อน อีกไม่กี่ชั่วโมงเธอต้องแต่งหน้าทำผมแล้วนะ งานเลี้ยงคืนนี้ยิ่งใหญ่อลังการตามความต้องการของอาของเธอเชียวนะ” น้ำเสียงในประโยคสุดท้ายฟังเหมือนเย้ยหยันในที อินนัดดาลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับคนตัวสูง หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น
“แต่หนูไม่ได้ต้องการสักนิด ที่จริงยกเลิกงานเลี้ยงตอนค่ำไปเลยก็ได้นะ หนูไม่เห็นต้องการ” หญิงสาวติดที่เรียกแทนตัวเองว่าหนูกับทุกคนที่อายุมากกว่า และสำหรับเจ้าบ่าวของเธอที่อายุสามสิบสามปี ซึ่งมากกว่าเธอตั้งหนึ่งรอบ ตามที่อาเพ็ญได้บอกเล่าประวัติให้ฟังคร่าวๆ เขาจึงได้รับสิทธิ์นั้นเหมือนกัน
“แต่อาของเธอต้องการ” อินนัดดาสบสายตากับคนตัวโตนิ่ง
“ที่จริงคุณน่าจะแต่งงานกับอาเพ็ญมากกว่าหนูนะ”