“ก็ไม่ให้เรียกลุง หนูก็เรียกพี่แล้วไง จะเอาอะไรอีก” ริมฝีปากอิ่มขยับโต้เถียง ร่างบางบิดตัวดิ้นหนี
“ถ้าเรียกเพราะกลัวฉันหักคอก็อย่าเรียกเลย มันตอแหลเกินไป ฉันไม่ชอบ”
“เหอะ คนวัยทองเขาว่าฮอร์โมนส์เปลี่ยนแปลง อารมณ์เลยขึ้นๆ ลงๆ สงสัยจะจริง” เธอยังหาเรื่องแขวะเขาไม่เลิกรา
“ปากดีนักนะ ยายตัวแสบ” โดมินิกแยกเขี้ยวใส่ ยายเด็กปากเสีย
ดวงตาคมหรี่มองใบหน้าสวยหวานของคนตรงหน้า ดวงตากลมสวยแม้จะมีแว่นตาอันโตบดบังใบหน้า ก็ไม่ทำให้ลดความสะดุดตาลง จมูกโด่งเชิดนิดบ่งบอกว่าเป็นคนดื้อรั้นพอตัว ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดเผยอนิดๆ ชวนให้คนมองรู้สึกร้อนวูบวาบ จนต้องลดสายตาลงไปมองลำคอเรียวระหงมองเลยไปยังทรวงอวบอิ่มซึ่งเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามันไม่เล็กสมตัวเลย แต่อวบใหญ่เกินตัวด้วยซ้ำ ยิ่งยามนี้อยู่แนบชิดจนอกนุ่มเบียดแนบแผงอกหนาของเขา ทำให้รู้ว่าขนาดของมันไม่ธรรมดาเลย โดมินิกกลืนน้ำลายฝืดคอเมื่อสายตาซอกแซกของตัวเองดันมองลอดผ่านช่องว่างของชุดเดรสแบบเกาะอกไปเห็นความขาวผุดผ่องของเนินเนื้อสล้างที่ล้นทะลักออกมา ยิ่งเจ้าของบิดตัวส่ายไปมาแบบนี้ก็ยิ่งเสียดสีกับร่างหนาจนรู้สึกร้อนผ่าววูบวาบขึ้นมา อาการแบบนี้มันเป็นอาการของหนุ่มวัยทองหรือไง
คนที่จ้องมองกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อรู้สึกว่ายิ่งมองยายเด็กนี่ก็ยิ่งน่ากิน โทสะเมื่อครู่เลือนหายไปแต่มีอารมณ์อื่นแทรกแซมเข้ามาแทนที่ เขาละมือออกจากไหล่ข้างหนึ่ง หยิบแว่นหนาออกจากดวงหน้าสวย
“ไม่ใส่แว่นมองเห็นหรือเปล่า”
เขาถามเสียงเบา ดวงตาคมมองใบหน้าอ่อนใสอย่างพินิจ ปลายนิ้วคลึงลงบนรอยกดบนสันจมูกโด่งเล็กนั้นเบาๆ
“มองเห็นค่ะ...”
นภัสรดากะพริบตาปริบๆ งุนงงว่าเขามาไม้ไหน เมื่อกี้ทำท่าอย่างกับจะหักคอเธอทิ้ง ตอนนี้มาพูดเสียงอ่อนเสียงเย็น
“แล้วใส่ทำไม”
เขาถามต่อ มือหนาหย่อนแว่นตาลงในกระเป๋าเสื้อสูท แล้วทาบฝ่ามือประคองแก้มนวลให้หันมามองสบตา ยามไร้สิ่งบดบังใบหน้าของ สาวน้อยดูน่ารักน่าเอ็นดูกว่าเดิมหลายเท่า คนมองลดประกายแข็งกร้าวในดวงตาลงอย่างไม่รู้ตัว
“คุณแม่บอกให้ใส่ จะได้ไม่มีคนมาจีบเพราะมันทำให้ขี้เหร่ค่ะ” นภัสรดาตอบคำถามเสียงแผ่ว รู้สึกแก้มร้อนผ่าวเมื่ออยู่ในอุ้งมือหนา
“ขี้เหร่จริงๆ นั่นแหละ”
ริมฝีปากหยักแย้มกว้าง ราวกับขบขันคำตอบนั้น ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าสาวน้อยนิ่ง แบบที่ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนมาก่อนในรอบหกปี คิ้วดกหนายกขึ้นเล็กน้อยเมื่อภาพบางอย่างวาบผ่านเข้ามาในหัว ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนจำไม่ได้ มีเพียงความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ เหมือนคล้ายว่าเขาเคยสัมผัสใบหน้างามนี้มาก่อน แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อเขาเพิ่งเคยพบเธอครั้งแรก โดมินิกเขม้นมองใบหน้าของ นภัสรดา หกปีแล้วที่เขาไม่เคยโกรธใครมากเท่านี้ นภัสรดาทำให้เขาตบะแตกหลุดมาดอสูรน้ำแข็ง กลายเป็นยักษ์ขี้โมโหไล่จับสาวน้อยปากเสียอย่างบ้าคลั่ง ครั้นพอได้ตัวเธอแล้วกลับไม่อยากปล่อยเธอไปง่ายๆ มีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เขายอมก้าวออกจากกำแพงในใจที่ปิดกั้นตัวเองมาตลอด ดวงตาคมอ่อนแสงลงขณะค่อยๆ ก้มลงไปแตะริมฝีปากบนเรียวปากอิ่มสีแดงระเรื่อนั้นอย่างเผลอไผล
“อ๊ะ ยะ อย่า...” เสียงร้องหายไปในลำคอ เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวประทับลงมา
“แกทำอะไรน้อง ตาโดม!”
เสียงตวาดดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังเพลินกับริมฝีปากนุ่มหวานสะดุ้งโหยง
“คุณแม่...” โดมินิกครางเสียงแผ่ว
เมื่อผละริมฝีปากออกจากเรียวปากอิ่มแสนหวานนั้น แล้วหันมาเจอใบหน้าคุ้นตาของมารดาที่ตอนนี้กำลังตีหน้ายักษ์เท้าเอวจ้องเขาอยู่ ใจก็หล่นไปกองอยู่ตาตุ่มเมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาหันมามองสาวน้อยในอ้อมกอด ใบหน้าอ่อนใสแดงเรื่อ ร่างบางสะบัดตัวจนหลุดจากอ้อมแขน วิ่งเข้าไปกอดมารดาของเขาไว้พร้อมกับร้องไห้โฮน่าสงสารนัก แต่... ใบหน้างามไม่มีน้ำตาสักหยด มีแต่เสียงร้องครางฮือๆ เท่านั้น
“ฉันให้แกดูแลน้อง ไม่ใช่ให้มารังแกน้อง อะไรกันไหนบอกว่าไม่อยากแต่งงาน ไม่สนใจเด็ก แต่ที่แกทำมันตรงข้ามกับที่พูดทุกอย่าง” คุณมาเรียกอดสาวน้อยไว้ ลูบหลังปลอบโยน
โชคดีที่เธอตามมาทัน ไม่อย่างนั้นเจ้าลูกชายตัวร้ายคงลาก สาวน้อยคนนี้ไปทำมิดีมิร้ายไปมากกว่านี้แล้ว ดูเถิด... ปล่อยให้ดูแลครู่เดียวก็มาปล้ำจูบเขาแล้ว ถ้าปล่อยให้อยู่ด้วยกันจะทำอะไรยิ่งกว่านี้ไหม พอคิดถึงตอนนี้คนแก่เริ่มหายโกรธ เมื่อนึกได้ว่าตนเองอยากให้สองหนุ่มสาวลงเอยกัน มาขัดขวางเขามันดูไม่เข้าที แต่ก็ดีที่เห็นคาตาจับได้จะจะแบบนี้ เจ้าตัวร้ายจะได้ไม่มีข้ออ้างเบี้ยวการหมั้นหมาย
“ผม...” โดมินิกอ้าปากจะแก้ตัว แต่ถูกมารดายกมือห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องมาแก้ตัว แกทำแบบนี้แกต้องรับผิดชอบน้อง พรุ่งนี้แกต้องหมั้นกับหนูฟ้า ฉันจะโทรเรียกพ่อแม่หนูฟ้ามาที่นี่ ไหนๆ ก็ต้องรอยายมิเชลฮันนีมูนตั้งเจ็ดวัน ระหว่างนี้แกกับหนูฟ้าก็เรียนรู้กันไป อีกสามเดือนต่อจากนี้ให้หนูฟ้าอายุครบยี่สิบก็แต่งกันเลย”
คุณมาเรียกะเกณฑ์เสร็จสรรพ ไม่ถามความเห็นลูกชายสักคำ โดมินิกได้แต่อ้าปากเหวอโต้แย้งมารดาไม่ทัน เขาหันไปมองนภัสรดาหวังว่าสาวน้อยจะปฏิเสธ แต่คิ้วหนาต้องขมวดนิ่วดวงตาลุกวาบ เมื่อเขาเห็นเธอยิ้มเยาะแลบลิ้นเย้ย ไอ้อาการฟูมฟายน่าเวทนาเมื่อครู่มันอะไรกัน !
ร้ายนักนะ ยายเด็กแสบ หนอย... หลอกให้เขาจูบเธอ เพื่อหวังจับเขาให้อยู่หมัด แม่ของเขาก็เหมือนจะมาถูกจังหวะราวกับวางแผนการนี้ร่วมกัน คนที่ซวยก็คือตัวเขาถูกจับมัดดิ้นไม่หลุด
“หนูฟ้า ป้าขอโทษแทนลูกชายป้าด้วยนะลูก พี่เขามีอาการทางสมองเล็กน้อย ตั้งแต่หลังเกิดอุบัติเหตุนั่นแหละ บางทีความควบคุมของเขาอาจจะต่ำไปนิด หนูก็ให้อภัยพี่เขาหน่อยนะลูก เดี๋ยวอยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็จะชินเอง” ว่าที่แม่สามีแสนประเสริฐ ปลอบโยนว่าที่สะใภ้ในดวงใจ
ว่าที่สามีกุมขมับ มองเห็นความหายนะลอยมาแวบๆ ในสมอง ไอ้ที่เคยได้ยินเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้มักไม่ถูกกัน มันใช้ไม่ได้กับกรณีมารดาของเขากับยายเด็กแสบเลย ดูเถอะท่าทางสนิทสนมกลมเกลียวกันแบบนี้ มันช่างทำให้ลูกในไส้อย่างเขาขยาดกลัวอนาคตที่มาไม่ถึง ขืนแต่งงานไป เขามีสิทธิ์อยู่ในโอวาทของเมียและแม่แน่นอน มีเมียเด็กไม่เท่าไหร่แต่มากลัวเมียตัวน้อยนี่สิ จะเอาหน้าไปไว้ไหน
ไม่ ไม่ ไม่ เขาต้องหาทางกำจัดยายเด็กบ้านี่ ไปให้พ้นทาง !
โดมินิกจำต้องอดกลั้นความโมโหไว้ เขาเดินหนีกลับมายังห้องพักของตัวเอง คิดหาทางจัดการยายตัวแสบก่อนที่จะถูกจับมัดมือมัดเท้าโยนให้เป็นสามีเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
“ยายเด็กปากแดง ฉันไม่มีทางหมั้นกับเธอหรอก” เขาพึมพำอย่างฉุนเฉียว
พูดถึงปาก ภาพปากสีแดงระเรื่อก็ลอยวาบเข้ามาในหัว เมื่อกี้หากมารดาไม่มาขัด เขาคงเตลิดไปไกลแล้ว แค่ได้แตะริมฝีปากนุ่มนิดเดียวหัวใจก็สะท้านไหว อยากจะกลืนกินเธอจนหมดตัว หากเขาจูบเธอนานกว่านี้เขาคง...
“เฮ้ย ! แกเป็นบ้าอะไรไอ้โดม”
โดมินิกสะดุ้งวาบ สบถออกมาเรียกสติของตัวเองให้กลับคืน เมื่อเผลอคิดถึงรสหวานของริมฝีปากอิ่มจนลืมตัวเคลิ้มไปตกภวังค์ราวกับเด็กหนุ่มเริ่มริรัก เขาไม่ได้รักยายเด็กแสบนั่นสักนิด แค่... ติดใจละน่า ชายหนุ่มแก้ตัวให้ความรู้สึกวูบวาบแปลกๆ ของตัวเอง