บทที่ 1.(ดัดนิสัย)
ดอกรักในมือมาร
บทที่ 1.(ดัดนิสัย)
Perm Talk.
"โน่น... ลูกชายคนดีของมึงกลับมาโน่นแล้ว จัดการให้กูเลยนะแสนดี"
ทันทีที่ผมเปิดประตูก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน เสียงของเสี่ยปลื้มพ่อบังเกิดเกล้าสุดที่รักของผมก็ดังขึ้นทันที สายตาของตาลุงนั่น(เรียกพ่อว่าลุงซะงั้น) ที่มองมายังผมมีความค้อนปนหมั่นไส้หน่อย ๆ
"เดี๋ยวหนูคุยเองเสี่ยนั่งฟังเฉย ๆ ก็แล้วกัน" คุณนายแสนดีเมียของตาลุงนั่นหรือแม่ของผมพูดขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าผม
"มานั่งนี่สิเสี่ยเปรม แม่กับพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย"
แม่พูดเสียงเรียบ แต่สายตาของท่านนี่สิออกแนวบังคับ ทำให้ผมต้องจำใจเดินลากขาเข้าไปนั่งตรงข้ามกับทั้งสองคนอย่างไม่มีทางเลี่ยง
"ทำไมพ่อกับแม่ตื่นเช้าจังวันนี้"
ผมเอ่ยถามทันทีที่หย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาเเล้ว ก่อนจะเอนตัวราบไปกับพนักพิงพร้อมกับหลับตาเพราะความง่วงเริ่มถามหา
"นี่มันจะสิบโมงแล้วเหอะไอ้เสือ มันไม่เรียกว่าเช้าแล้ว"
พ่อของผมอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นพ่อก็หยิบซองจดหมายสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะหลายซองโยนมาตรงหน้าผม
"ดูซะ! แล้วบอกฉันทีว่าฉันควรจะทำยังไง ปัญหาพวกนี้มันถึงจะหมดไป"
"เสี่ย...ไหนว่าให้หนูพูดไง? "
"มึงลีลา เชื่องช้าไม่ทันใจกูไง" พ่อหันไปมองค้อนแม่ เพราะพ่อรู้ทันว่าถ้าปล่อยให้แม่พูดเอง ป่านนี้คงยังไม่เข้าเรื่องสักที
ผมหยิบจดหมายเหล่านั้นขึ้นมาเปิดดูที่ละฉบับ ทั้งหมดล้วนเป็นจดหมายทวงค่าเสียหายจากผับต่าง ๆ ที่ผมไปเที่ยวและเมาอาละวาดมาทั้งนั้น
"ก็ไม่เห็นต้องทำยังไง จ่ายไปก็จบ" ผมบอก แล้วโยนจดหมายพวกนั้นลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี
"แต่ฉันว่ามันไม่จบ! เดือนนี้แกเมาแล้วไปมีเรื่องกลับมาให้ฉันกับแม่ของแกต้องปวดหัวนับครั้งไม่ถ้วน แค่อาทิตย์นี้ปาเข้าไปสี่ครั้ง ฉันคอยตามเช็ดตูดให้แกไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ได้เชื้อนักเลงจากใครมา?"
พ่อพูดอย่างเหลืออด พร้อมกับมองหน้าผมอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด
"แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง ถ้าพ่อเป็นผม ถ้าพ่อไปเที่ยว กำลังนั่งกินเหล้าอยู่ดี ๆ แบบชิล ๆ แต่อยู่ ๆ ก็มีคนมาหาเรื่องพ่อจะทำยังไง?"
ผมย้อนถามตาลุงขี้บ่นอย่างเหนื่อยหน่าย(และถ้าให้ผมเดาพ่อคงไม่ได้แค่ต่อยตีอย่างที่ผมทำแน่ แต่คงเอาปืนเป่าหัวไอ้พวกนั้นไปแล้ว)
อีกอย่าง ที่ผมมีเรื่องมันเป็นความผิดของผมคนเดียวซะเมื่อไหร่ ไอ้พวกที่มาหาเรื่องส่วนใหญ่ก็เป็นไอ้พวกขี้แพ้ไม่ยอมจบ เจอหน้าผมที่ไหนเป็นได้ยื่นหน้ามาหาเท้าของผมทุกครั้งไปไม่เคยเข็ดจำ ไอ้ผมมันก็เป็นประเภทไม่ขอบขัดศัทราใครซะด้วยสิ ก็เลยจัดให้แบบชุดใหญ่พังกันไปทั้งคนทั้งผับ ก็เท่านั้นเอง...
"แต่ฉันคิดออกแล้วว่าควรจะทำยังไง ฉันมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด..."
ผมหันไปมองหน้าพ่อทันทีอย่างสงสัย ในขณะที่พ่อยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ รู้สึกไมไว้ใจพ่อของตังเองขึ้นมาทันทีเลยเหอะ
"คืนนี้เเกเตรียมเก็บเสื้อผ้าไปอยู่ที่ไร่ได้เลย พรุ่งนี้พ่อจะให้ไอ้เมฆมารับแต่เช้า"
"พ่อ! "
"เสี่ย! "
ผมกับแม่ถึงกับร้องเสียงหลง และพร้อมใจกันหันไปมองหน้าพ่ออย่างพร้อมเพียง
"เสี่ย! ลูกจะไปอยู่ที่ไร่ได้ยังไง ใครจะคอยดูแล" แม่เอ่ยถามอย่างไม่เห็นด้วย ก่อนหันมามองหน้าผมอย่างเป็นกังวล
"ได้สิ มันต้องอยู่ได้ ตอนนี้ที่ไร่กำลังจะขายผลผลิตออกตลาด เสี่ยเปรมจะต้องไปดูแลและควบคุมทางนั้น"
"แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะ?"ผมย้อนถาม นี่มันชีวิตผม ผมมีสิทธ์ที่จะคัดค้าน จะให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับป่ากับไร่ใครมันจะไปยอม
"ถ้าแกไม่ไป ฉันจะถอดชื่อแกออกจากหุ้นทั้งหมดของบ่อน นั่นหมายถึงว่าแกจะไม่ได้รับเงินเดือนหรือเงินปันผลจากบ่อนอีกเลย และทุกอย่างจะตกเป็นของยัยชาพี่สาวของแกคนเดียว"
ผมถึงกับอ้าปากค้างรอบที่สอง ตาลุงนี่บ้าไปแล้ว!
"พ่อทำแบบนั้นไม่ได้! ผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด! "
"ฉันทำได้ และกำลังทำอยู่นี่ไง แกจะต้องไปอยู่ที่ไร่เพื่อดัดนิสัยนักเลงของแกให้ดีขึ้น จนกว่าฉันจะพอใจแล้วฉันจะอนุญาติให้แกกลับมา ให้มันรู้ไปสิว่าพ่ออย่างฉันจะสั่งลูกอย่างแกไม่ได้"
พูดจบพ่อบังเกิดเกล้าจอมเผด็จการก็ลุกขึ้นสะบัดตูดเดินขึ้นชั้นบนไปโดยไม่ลืมลากแขนแม่ให้ลุกตามไปด้วย
และนั่น ก็คือเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ที่ทำให้ผมต้องมายืนมองท้องทุ่งหญ้าที่ล้อมรอบด้วยรั้วไม้แข็งแรงรอบ ๆ บริเวณไร่อย่างสุดแสนจะเซ็งชีวิตอยู่ในขณะนี้
ใครจะไปคิด ว่าคนอย่างผม หรือที่ใคร ๆ ต่างพากันเรียกว่า 'เสี่ยเปรม' ตามคนเป็นพ่อ จะต้องมาใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ชาวสวน บรรเทิงกันล่ะทีนี้
Perm End.