ตลาดสดของอำเภอกำลังจอแจไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนที่มาจำจ่ายรวมทั้งหญิงสองวัยที่กำลังเดินเลือกซื้อของในตลาด เมื่อทั้งคู่เดินผ่านร้านผักคนที่อ่อนวัยกว่าจึงได้เอ่ยปากขึ้น
“ ป้าเมี้ยน อยากกินแกงส้มชะอมไข่ เย็นนี้ช่วยทำให้กินหน่อยนะ ” กุ้งนางหันไปบอกเมี้ยนวัยห้าสิบเมื่อเห็นยอดชะอมอวบแล้วอยากกินขึ้นมาทันที
“ ได้สิค่ะ เย็นนี้ป้าจัดให้สุดฝีมือเลย ”‘ เมี้ยนหรือป้าเมี้ยน’คนเก่าคนแก่ของบิดารับหน้าที่ดูแลกุ้งนางตั้งแต่มารดาของหญิงสาวจากไปตั้งแต่เด็กจนโต แม้จะเรียนจบจนมีการมีงานทำ แต่เมี้ยนก็ยังคิดว่าหญิงสาวยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆคำว่า ‘ คุณหนู ’ จึงติดปากแม้หญิงสาวจะเคยขอไม่ให้เรียกเพราะตนเองก็ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดีที่ไหน แต่ป้าเมี้ยนของเธอก็ยืนยันเหมือนเดิมจนบางครั้งก็ถูกจ่อยหลานชายแท้ๆ ของเมี้ยนที่บิดาของกุ้งนางรับไว้อุปการะล้อเลียน เพราะคำว่า ‘ คุณหนู ’ มันไม่เหมาะกับความแก่น แสบของเธอ
“ ว่าแต่คุณหนูอยากได้อะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า ” เมี้ยนหันไปถามหญิงสาวหลังจากได้ยอดชะอมมากำใหญ่
“ ฉันว่าพอก่อนดีกว่ามั้ง ทั้งป้าทั้งฉันไม่มีมือจะหิ้วอะไรแล้ว ” หญิงสาวยกมือที่กำลังหอบข้าวของพะรุงพะรังทั้งสองข้างขึ้น
“ จริงด้วยสิ โธ่! แม่คุณสงสัยจะหนักแย่เลย ว่าแต่ไอ้จ่อยมันหายหัวไปไหนของมันนะ ไอ้นี่! ชอบอู้! แทนที่จะมาช่วยกันหิ้วของกลับหายหัว สงสัยคงจะ... ”
“ ไม่เป็นไรหรอกป้า ไม่ได้หนักหนาอะไร ฉันว่านะบางทีไอ้จ่อยของป้ามันอาจจะไปรอที่รถแล้วก็ได้ ” กุ้งนางแย้งขึ้นเมื่อรู้สึกว่าป้าเมี้ยนกำลังจะร่ายยาว ถ้าปล่อยให้บ่นต่อไปเรื่อยๆถึงบ้านแล้วก็คงไม่หยุดบ่น
“ ถ้าอย่างนั้นเราก็กลับกันเลยดีกว่า แต่..เดี๋ยวค่ะ ป้าพึ่งนึกออกว่าไข่ที่บ้านพึ่งหมดไปเมื่อเช้า ”
“ ถ้าอย่างนั้นป้าไปรอที่รถก่อนนะ ฉันเดินไปซื้อไข่ที่ร้านตาแฉะเอง ”
“ ก็ได้ค่ะ รีบไปรีบมานะคะ ป้าจะได้ไปดูไอ้จ่อยมันด้วย ไม่รู้ว่าไปแอบหลีแม่ค้าอยู่ร้านไหนมันน่านะ! จริงๆสิ ”
หลังจากแยกกับเมี้ยนหญิงสาวก็เดินข้ามถนนมากอีกฝาก ก่อนจะเลี้ยวตรงหัวโค้งถนนซึ่งเป็นบริเวณที่มีคิวรถมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ กุ้งนางต้องหยุดชะงัก ยืนทำหน้าเมื่อยอย่างเซ็งเมื่อเจอกับคู่อริเก่า
“ ไปไหนมาหรือจ๊ะน้องกุ้งนาง ดูสิหิ้วอะไรมาเยอะแยะเชียว ให้พี่เป้ช่วยถือนะ ”
‘ พี่เป้หรือไอ้เป้ ’ ลูกกำนันของตำบลข้างเคียงเจ้าของสัมปทานคิวรถมอเตอร์ไซด์ฉายามาเฟียเสื้อวิน ปาดเข้าหาหญิงสาว มือหนาแย่งถุงในมือ โดยไม่สนใจสายตาดุๆ ของเจ้าของ
“ นึกว่าไปซื้ออะไรมา ที่แท้ก็ชมพู่นี่เอง ” เป้โยนไม้จิ้มฟันในมือทิ้งก่อนจะหยิบผลไม้สีแดงเข้มออกจากถุง
“ ถ้าอยากกินก็เอาไป ยกให้ แล้วหลีกไป !! ถือเสียว่าทำทาน ” หญิงสาวเดินหลีกไปอีกทาง
“ พูดแบบนี้ หาว่าพี่เป็นขอทานหรือจ๊ะ ? ” เป้ตามมาดักหน้าพร้อมลูกกะเบ๊อีกสองคน
“ แล้วแต่จะคิด ถ้าทำตัวเหมือนพวกเปรตอดอยากคอยขอส่วนบุญก็รับไป หลีกไป !! ไม่มีอะไรทำหรือไง ถึงได้สะเออะมายืนเกะกะคนอื่น ” กุ้งนางออกคำสั่ง
“ จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยกับพี่ก่อนสิ ว่าแต่ชมพู่นี่มันน่ากินไม่ใช่เล่นเนอะ สีแด๊งแดงเหมือนแก้มเจ้าของ ” แม้จะระคายหูแต่เป้ยังทำหน้าหนายื่นหน้าเข้าใกล้หญิงสาว
“ เฮ้ย ! พวกเอ็งว่าระหว่างชมพู่กับน้องกุ้งนางของข้า ใครมันจะหวานกว่ากันว่ะ ? ” เป้หันไปถามลูกน้องพร้อมกับโยนชมพู่ในมือให้เจ้าศักดิ์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ศักดิ์รับผลไม้สีแดงมาโยนเล่น แล้วหันไปบอกลูกพี่
“ อยากรู้ว่าใครหวานกว่าใคร พี่เป้ก็ชิมดูก่อนสิ ”
“ จริงด้วยสิ ไอ้ศักดิ์ ! เป็นความคิดที่ดีว่ะ ” เป้ถูกใจกลับความคิดของศักดิ์ หยิบชมพู่อีกลูกแล้วเช็ดกับอกเสื้อตนเองแบบลวกๆ ก่อนจะกัดคำโตเคี้ยวก้วมๆ
“ อือ..หือ หวานจริงๆ ด้วยแฮะ อยากรู้จังว่าน้องกุ้งนางจะหวานเหมือนชมพู่ด้วยหรือป่าว ? ” เป้ยื่นหน้ามาส่งสายตาหวานเยิ้ม จนกุ้งนางหน้าตึงกับวาจาจาบจ้วงถอยหลังไปสองสามก้าวเมื่อเป้สาวเท้าเข้าหา
“ ถอยออกไปนะ ! ” หญิงสาวแหวออกแต่อีกฝ่ายไม่คิดจะฟังสักนิด
“ แหม ! พอมาคนเดียวเข้าหน่อย ถึงกับถอยเลยหรือจ๊ะ สงสัยจะกลัวล่ะซิ มา..มะเดี๋ยวพี่เป้ไปส่งบ้านให้เอง ” เป้โยนชมพู่ในมือที่เหลือทิ้ง ยืดตัวขึ้นพร้อมกับขยับปกเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีแดงสดของตน
“ ไม่ต้อง ! ฉันมีปัญญากลับเองได้ เอาเวลาของพวกแกไปทำมาหากินหรือทำประโยชน์ให้ส่วนรวมจะดีกว่ามั้ง ” กุ้งนางแสยะยิ้มที่มุมปาก
“ เวลาของพี่มีไว้ให้น้องกุ้งนางคนเดียว น่า..นะอย่าทำเป็นเล่นตัวนักเลย ปากร้ายๆ แบบนี้มีใครที่ไหนจะกล้าจีบ นอกจากพี่เป้คนนี้คนเดียว ”
กุ้งนางตารุกวาวด้วยโทษะพูดแบบนี้มันกระแทกใจดำหญิงสาวอย่างแรงแบบนี้มีเรื่องกันเลยดีกว่าไหม ? รู้สึกคันไม้คันมือยังไงพิกล ไอ้พวกปากแมวๆ แบบนี้คงต้องหาอะไรเกาแก้คันแล้วล่ะมั้ง
“ ฉันบอกให้หลีกไปยังไงล่ะ ไอ้เป้! ” กุ้งนางตะโกนออกไปอย่างเหลืออดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจของเหล่ามาเฟียเสื้อวิน
“ จุ๊ๆๆ..พูดไม่เพราะเลย เรียกพี่สิจ๊ะ แบบนี้ เดี๋ยวก็หาผัวไม่ได้กันพอดี ” คำพูดของลูกพี่มาเฟียเสื้อวินมันช่างเป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกน้องเสียจริง เสียงหัวเราะจึงดังลั่นขึ้นอีกครั้ง
คนที่ยืนหน้าตึงตั้งแต่แรกผ่อนลมหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อระงับโทสะ แต่มันก็ยากเย็นเสียเหลือเกินที่จะไม่ให้มีเรื่อง โดยเฉพาะในที่สาธารณะมีคนบุกพล่านในตลาดอย่างนี้ จากที่ตั้งใจจะไม่ให้มีเรื่องเหมือนครั้งก่อนๆ คงต้องพักไว้ก่อน เพราะมันดูจะผิดธรรมเนียมไปสักหน่อย
ผ้าใบสีสวยข้างหนึ่งลอยหวือออกจากเท้าของกุ้งนางไปกระแทกปากหัวหน้ามาเฟียอย่างจัง จนเลือดซึม ทำให้เสียงหัวเราะของทั้งสามเงียบโดยพลัน
“ โอ๊ย ! กุ้งนางมันจะมากไปแล้วนะ ” เป้ยกมือขึ้นลูบปากตนเองรู้สึกว่ามันเจ่อขึ้นมาทันที แต่อะไรก็ไม่เท่าที่ต้องเสียหน้าที่ถูกรองเท้าผู้หญิงกระแทกปากตัวเอง
“ ไงล่ะ ? เห็นว่าอยากชิมนักชิมหนา เป็นไงคอนเวิร์สของฉันหวานถูกปากหรือป่าว ? ” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาถามอีกฝ่ายพร้อมกับท้าวเอวหัวเราะชอบใจ
“ นังกุ้งนาง อย่าคิดนะว่าเป็นผู้หญิงแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไร วันนี้จะได้เห็นฤทธิ์ไอ้เป้มั้ง ยอมมานักต่อนักแล้ว ” เมื่อยามเลือดตกยางออกสรรพนามก็เริ่มเปลี่ยนไป เป้ตรงปรี่เข้าหาหญิงสาวหวังจะสั่งสอนให้หลาบจำ แต่…
“ โอ๊ย ! เจ็บนะโว้ย ! นังตัวแสบ ” ร่างผอมเก้งก้างของเป้เซลงไปนั่งจุกกับพื้น เพราะถูกฝ่าเท้าของกุ้งนางยันเข้าเต็มๆ ที่หน้าท้องก่อนที่เป้จะถึงตัวกุ้งนางเสียด้วยซ้ำ
“ เป็นยังไงมั้งพี่เป้ ? ” ศักดิ์เข้าไปประคองลูกพี่
“ ก็เจ็บสิวะ มึงลองบ้างไหมล่ะ ? ” เป้ตะคอกอย่างหัวเสีย โมโหตัวเองที่ไม่เคยเอาชนะหญิงสาวได้สักครั้ง
“ คราวนี้จะเอายังไงต่อล่ะพี่ ? ” แดงเข้ามาประคองลูกพี่อีกข้างถาม
“ จะเอายังไง ? มึงถามมาได้ ก็ลุมสิวะมึงเข้าไปก่อนเลย! ” เมื่อตัวต่อตัวสู้ไม่ได้ เป้ก็ใช้วิธีหมาหมู่ ทั้งสามจึงย่างสามขุมเข้าหาคนตัวเล็ก กุ้งนางเห็นดังนั้นจึงถอยหลังไปสองสามก้าว