แม้จะกังวลว่าจะแสบแผลในปากแต่ก็อยากจะลองอาหารตรงหน้า ด้วยสีสันและกลิ่นหอมที่ลอยกระทบจมูกมันช่างยั่วน้ำย่อย บวกกับความหิวเพราะตั้งแต่เช้ามีแค่กาแฟตกถึงท้องเพียงแก้วเดียว แล้วไหนจะต้องออกแรงเล่นไล่จับกับยัยตัวแสบตรงหน้าอีก ยิ่งเห็นกำนันแสนซดน้ำแกงเสียงดังโฮก ยิ่งทำให้อยากลองรสชาติฝีมือเมี้ยน พอน้ำแกงสัมผัสลิ้นก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะรับรู้ถึงความแซบของรสชาติที่อร่อยแปลกลิ้น
“ กุ้งนาง ไม่เห็นเรากินอะไร ลองต้มแซบสักหน่อยไหม ” แสนหันไปถามบุตรสาวที่เอาแต่มองคนโน้นคนนี้โดยที่ไม่ยอมแตะอะไรสักนิด
“ ไม่ล่ะ เชิญพ่อกับปลัดตามสบายเถอะ วันนี้รู้สึกไม่ค่อยหิว ” คนถูกถามรีบสั่นหน้าปฏิเสธจนผมกระจาย
“ เมี้ยน! วันนี้ฝีมือใช้ได้จริงๆขอบอก ไม่ยักรู้ว่าเอากบมาต้มแซบก็อร่อยไปอีกแบบ ”
กำนันแสนยกนิ้วหัวแม่มือให้ ออกปากชมเมี้ยนเปราะ ทำให้แม่ครัวเอกยืนยิ้มแก้มแทบปริ เพราะปกติกำนันก็ไม่เคยออกปากชมเรื่อง
รสมือ วันนี้ลองทำเมนูเปิบพิสดารดูบ้างกลับอร่อยถูกปาก ‘สงสัยคงชอบกินอะไรแปลกๆ’
“ ไม่ใช่กบหรอกกำนัน ฝนไม่ตกมาหลายวันจะไปหากบได้ง่ายๆ ที่ไหน พอดีไอ้จ่อยมันจับอึ่งอ่างข้างตุ่มน้ำหลังบ้านมาได้สองตัว ฉันก็เลยเอามาต้มให้กำนันลองชิม อร่อยใช่ไหมจ๊ะ ? ”
“ พรืดดด!! ” คราวนี้ทั้งกำนันและปลัดหนุ่มถึงกับพ่นน้ำแกงพรวดออกมาพร้อมๆ กัน
“ หา! เอ็งว่าอะไรนะ นังเมี้ยน! ไหนเอ็งลองบอกข้าให้ชัดๆ อีกทีสิว่า ไอ้ตัวที่อยู่ในชามนี่มันเป็นตัวอะไรกันแน่!! ? ” กำนันแสนหันไปตะคอกแม่ครัวเอกเสียงดัง
“ แหม! กำนันก็ทำเป็นคนหูตึงไปได้ ฉันบอกว่า.. ไอ้ต้มแซบชามนั้น มันไม่ใช่กบหรอก แต่มันเป็นอึ่งคงจะแซบจนสำลักน้ำแกงกันเลยซิท่า ”
“ แหวะ! กูอยากจะอ้วก ” อาการผะอึดผะอมของในท้องตีขึ้นมาทันที จนต้องวิ่งไปที่หน้าระเบียงโกงคอเอาของเก่าของใหม่ออก จนหมดไส้หมดพุง
เมื่อรู้สึกโล่งท้องก็หันมากะจะเล่นงานเจ้าตัวแสบทั้งหลาย แต่ก็มองไม่เห็นใครแล้ว นอกจากปลัดหนุ่มที่นั่งทำน่าพะอืดพะอมที่โต๊ะอาหารเพียงคนเดียว
ทุกวันแรมสิบห้าค่ำซึ่งตรงกับวันพระ ชาวบ้านจะพากันมาทำบุญตักบาตรที่วัด รวมถึงคณะของแสนที่กำลังลำเลียงของคาวหวานขึ้นไปบนศาลา ในขณะที่รถของธนาก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานวัดพอดี
“ สวัสดีครับ กำนัน ” คนที่อ่อนกว่ายกมือไหว้แต่สายตากลับมองเลยไปอีกคนที่ยืนอยู่หลังแสน พาให้นึกถึงดินเนอร์เมนูเด็ดของหญิงสาวเมื่อหลายวันก่อน เขามั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือยัยตัวเล็กแน่
“ อ้าว! สวัสดีคุณปลัด มาทำบุญด้วยหรือครับ ไม่ยักรู้ว่าคนหนุ่มก็ชอบเข้าวัดเข้าวากับเขาด้วย ”
“ พอดีอยากจะมาไหว้พระก็เลยให้ลุงพร้าวพามา ไม่รู้ว่าวันนี้เขาทำบุญกันด้วย ” ธนาคุยกับพ่อ แต่สายตามองเลยไปที่ลูกสาว ที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ความจริงเขาก็ไม่อยากมองหน้าหญิงสาวนักหรอก แต่เป็นเพราะชุดเดรสลูกไม้สีหวานหรือหน้าใสๆ ที่แต่งเติมสีอ่อนๆ เพียงแค่นั้นก็ช่วยให้หญิงสาวน่ามอง จนทำให้ธนาไม่อาจละสายตาได้ มันช่างแตกต่างจากที่เคยเจอเมื่อครั้งก่อนๆหนัก หล่อนช่างมีอะไรให้คาดไม่ถึงจริงๆ ‘ เหมาะแล้วที่เธอจะเป็นของแปลกสำหรับฉัน ’
“ อย่างนั้นหรอกรึ..ดีเลย ผมกับลูกกำลังจะไปตักบาตรบนศาลา ปลัดจะไปทำบุญด้วยกันก็ได้ “ แสนเอ่ยปากชวน นึกชื่นชมชายหนุ่มที่รู้จักเข้าวัดเข้าวา
“ จะดีหรือครับผมไม่ได้เตรียมอะไรมาใส่บาตรเสียด้วยสิ ”
“ ไม่เป็นไร นังเมี้ยนเตรียมอาหารมาใส่บาตรทั้งเยอะ กุ้งนาง… พาปลัดไปใส่บาตรก่อนนะ เดี๋ยวพ่อตามขึ้นไป ”ประโยคหลังกำนันแสนหันไปสั่งลูกสาวที่หน้าตูมขึ้นมาทันที
“ เอ่อ.. แล้วพ่อจะไปไหนล่ะ เรื่องอะไรต้องให้ฉันไปใส่บาตรกับเขาด้วย ทำไมพ่อไม่ไปใส่เสียเอง ” กุ้งนางหันไปถามบิดา เรื่องอะไรจะให้ไปตักบาตรทำบุญร่วมชาติกับเขา ตายไปแล้วมิต้องไปเจอกันในชาติหน้าอีกหรือ
“ ทำไม ? แค่ชวนปลัดไปทำบุญด้วยกัน มีปัญหาอะไรนักหรือ บอกไว้ก่อนเลยนะ! คดีที่ผ่านมายังไม่ได้คิดบัญชี เพราะฉะนั้นอย่าขัดใจ ” แสนชี้หน้าลูกสาวอย่างคาดโทษ จนกุ้งนางทำต้องแก้มป่องอย่างไม่พอใจ เพราะเห็นธนามองมาที่ตนพร้อมกับยกยิ้มเหมือนเยาะ
“ แล้วใครว่าฉันขัดใจพ่อล่ะ ก็แค่อยากรู้ว่าพ่อจะไปไหนเท่านั้นเอง ” หญิงสาวเสียงอ่อนลงแม้จะรู้สึกไม่พอใจธนาเท่าไรก็ตาม
“ พ่อเห็นผู้ใหญ่แม้น ว่าจะไปทักสักหน่อย มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ดู! ทำหน้าเข้าสิ ขอร้องนะ! อย่าก่อเรื่องอะไรอีกเด็ดขาด ที่นี่ในวัดนะโว้ย! ” แสนมองหน้าตูมของบุตรสาวพาลให้นึกถึงวีรกรรมของเจ้าตัวแล้วอดตำหนิไม่ได้