พอถูกเพื่อนสนิทคะยั้นคะยอมากเข้า ฟ้าครามจึงจำต้องตกลงรับปากว่าจะมาร่วมงานเลี้ยงด้วย แต่กว่าจะมาถึงร้านอาหารหรูซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงได้ก็ปาไปสองทุ่มกว่าแล้ว เพราะหญิงสาวต้องขึ้นรถเมล์หลายต่อ กว่าจะมาถึงร้านอาหารแห่งนี้ได้
และเพราะสภาพการแต่งตัวมอซอ เสื้อผ้าดูบ้านๆ เก่าๆ ไม่ได้หรูหราด้วยชุดเดรสสวย
งามเหมือนเพื่อนคนอื่น พนักงานในร้านอาหารเกือบไม่ให้เธอเข้ามาร่วมงานเลี้ยง ดีที่ว่าเธอโชว์หลักฐานเป็นบัตรนักศึกษาว่าเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้และคณะเดียวกันกับคิวากร พิพัช พนักงานในร้านจึงยอมให้เข้ามาร่วมงานเลี้ยงได้ในที่สุด
พอเข้ามาในงานเลี้ยงแล้วก็ต้องทำตัวลีบราวกับไม่มีตัวตน รีบเดินตรงดิ่งไปหาเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ได้กวักมือเรียกเธอ และแน่นอนว่าเพื่อนสนิททั้งสอง ประภาพรและอัจฉราได้เลือกนั่งอยู่ตรงมุมมืดด้านในสุดของร้านอาหารเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของบรรดาเพื่อนคนอื่นๆ ที่ล้วนแต่เป็นลูกคนรวยทั้งนั้น
“ฟ้า...ทางนี้”
ประภาพรเอ่ยเรียกพร้อมกับโบกมือขึ้น เพื่อให้ฟ้าครามซึ่งกำลังสอดสายตามองหาเธอกับอัจฉราอยู่ได้เห็นถึงตำแหน่งที่พวกเธอได้นั่งรออีกฝ่ายอยู่นานเกือบสองชั่วโมงแล้ว
ฟ้าครามคลี่ยิ้มในทันทีที่มองเห็นเพื่อนสนิททั้งสองคน ร่างบางรีบสอยเท้าเร็วๆ ตรงไปหาเพื่อน ไม่ทันได้ทรุดตัวลงนั่งก็เจอคำถามแกมต่อว่าจากอัจฉรา
“ทำไมมาช้านักละฟ้า งานเลี้ยงเริ่มตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว”
“เราเพิ่งสอนพิเศษเสร็จ แล้วรถก็ติดมาก กว่าจะนั่งรถเมล์มาถึงร้านได้ก็ต้องขึ้นรถเมล์ถึงสองต่อ”
ฟ้าครามคลี่ยิ้มบางๆ ขณะทรุดตัวลงนั่งและตอบคำถามของอัจฉรา สีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย อยากบอกเพื่อนทั้งสองว่าเธออยากกลับไปนอนพักที่หอพักหลังจากสอนพิเศษเสร็จแล้ว ไม่อยากมาร่วมงานเลี้ยงแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ไม่กล้าบอกให้อีกฝ่ายต้องเสียใจ
อัจฉราพยักหน้ารับ พลางพยักพเยิดไปยังโต๊ะอาหารซึ่งมีการเตรียมอาหารหลากหลายชนิดรวมทั้งเครื่องดื่มให้เลือกดื่มกินแบบบุฟเฟ่ต์ แล้วบอกกับคนที่เพิ่งมาถึงว่า
“ฟ้าหิวหรือยัง ไปตักอาหารมากินสิ มีอาหารเยอะมาก อยากกินอันไหนก็ตักได้ตามสบาย”
“ไม่ต้องตักมาเผื่อพวกเรานะ พวกเรากินแล้ว”
ประภาพรบอกฟ้าคราม ซึ่งแน่นอนว่าพวกเธอกินอาหารรสชาติเลิศจนอิ่มหนำสำราญแล้ว เพราะมาถึงร้านอาหารตั้งแต่หกโมงเย็น
ฟ้าครามพยักหน้ารับก่อนจะดันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยอมรับตรงๆ ว่าหิวมาก เพราะตั้งแต่บ่ายจนถึงเวลานี้ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย และขณะกำลังจะเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มีอาหารจัดเรียงไว้เป็นแถวยาวให้ผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยงเลือกตักกินได้ตามความต้องการ ก็มีอันต้องชะงักฝีเท้า เพราะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกใครบางคนจับจ้องมองอยู่ พอเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองหาก็ต้องยิ้มเจื่อนๆ ให้ เพราะดวงตาคมกริบที่กำลังจ้องมองเธอเขม็งก็คือ ‘คิวากร’ นั่น
เอง
“ไม่น่ามางานเลี้ยงเลยเรา”
ฟ้าครามหน้าเสียถอดสีซีด รีบก้มหน้างุดหยิบจานมาตักอาหารใส่ด้วยมืออันสั่นเทา นึกโทษตัวเองที่ดันรับปากประภาพรและอัจฉราว่าจะมาร่วมงานเลี้ยงด้วย เพราะแค่เธอเดินเข้ามาในร้านก็ถูกบรรดาเพื่อนร่วมแก๊งของคิวากรเยาะเย้ยแล้ว
ไม่จำเป็นต้องได้ยินถ้อยคำเยาะเย้ยถากถาง แค่เพียงสายตาของบรรดาเพื่อนร่วมแก๊ง รวมทั้งตัวคิวากรได้จ้องเขม็งมาที่เธอแล้วพากันหัวเราะร่วนด้วยความสนุกสนาน ฟ้าครามก็รับรู้ได้ว่าเธอกำลังตกเป็นหัวข้อการนินทาของพวกเขาและพวกเธอเหล่านั้น
ถึงแม้จะหิวจนไส้กิ่วมากเพียงใด จู่ๆ ลำคอก็เกิดอาการตีบตันทำท่าจะกลืนอาหารไม่ลง จึงตักอาหารมาแค่เพียงนิดเดียวแล้วรีบเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ นั่งหันหลังให้กลุ่มของคิวากร แล้วบอกกับเพื่อนทั้งสองว่า
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วฟ้าจะกลับเลยนะ”
“อ้าว! ทำไมกลับเร็วนักละ ฟ้าเพิ่งมาถึงเอง”
อัจฉราร้องถามหลังจากฟ้าครามได้บอกถึงความต้องการ และประภาพรก็เอ่ยทักท้วงอีกคน
“นั่นนะสิ ทำไมกลับเร็วจัง ฟ้าไม่รอกลับพร้อมกับพวกเราหรือ”
ประภาพรยังไม่เปิดโอกาสให้ฟ้าครามได้ตอบคำถาม ก็บอกตัวถึงไฮไลท์ของงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ว่า
“รู้ไหมว่าคิวาเขาจ้างนักร้องวงร็อคให้มาเล่นมินิคอนเสิร์ตในคืนนี้ด้วย”
“ใช่! ไม่รวยจริง ทำไมไม่ได้ เพราะนักร้องคนนี้มีคิวแน่นตลอดทั้งเดือน แต่คิวาก็สามารถฉกตัวเขาให้มาเล่นมินิคอนเสิร์ตในคืนนี้ได้”
อัจฉราและประภาพรต่างก็รอเวลาที่นักร้องวงร็อคชื่อดังของเมืองไทยจะเดินทางมาถึงและเปิดมินิคอนเสิร์ต ซึ่งเพื่อนคนอื่นๆ ก็รอเวลานี้เช่นเดียวกัน
และต่างก็อดอึ้งไม่ได้ที่คิวากรสามารถลัดคิวให้นักร้องคนนี้มาเล่นคอนเสิร์ตให้พวกเธอได้โยกหัวในค่ำคืนนี้ได้ เพราะนักร้องคนนี้นอกจากคิวแน่นตลอดทั้งปีแล้ว ค่าตัวก็แพงเอาการ
“เรามีสอนพิเศษตอนเจ็ดโมงเช้า ถ้ากลับดึกเรากลัวว่าจะตื่นไปสอนไม่ทัน บ้านเด็กอยู่ไกลจากหอของเรามาก”
ฟ้าครามจำต้องโกหกเพื่อนสนิททั้งสอง ซึ่งเหตุผลหลักที่ไม่อยากอยู่ในงานเลี้ยงต่อเพราะไม่อยากเป็นตัวตลกให้แก๊งก๊วนของคิวากรและตัวคิวากรหัวเราะเยาะเธอราวกับเป็นตัวตลก ซึ่งทั้งอัจฉราและประภาพรก็เชื่อสนิทใจ เพราะเพื่อนทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าเธอรับสอนพิเศษด้วย
“ถ้ายังงั้นก็แล้วแต่ฟ้า เรากับอัจฉราจะอยู่จนกว่างานเลี้ยงจะเลิก จริงไหมเธอ!”
ประภาพรหันไปตีต้นแขนของเพื่อนเบาๆ ขณะเอ่ยถาม และอัจฉราก็ยิ้มร่าพยักหน้ารับในทันที
“ใช่แล้ว งานเลี้ยงไม่เลิก เราไม่กลับ ดื่มฟรี กินฟรี มีนักร้องมาเปิดคอนเสิร์ตให้ดูฟรีๆ ด้วย หาได้ที่ไหนละ”