ฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอน #3

1708 Words
ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อไปมากกว่านั้นเสียงเฮฮาก็ดังขึ้นจนโปรดปรานต้องเงยจากจานอาหารและกลุ่มสาว ๆ ที่นั่งในโต๊ะเดียวกัน ร่างกายสูงชะลูดของชายหนุ่มผมดำขลับที่เดินเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแบบที่โปรดปรานเองจะจำได้ไม่มีวันลืม อีกฝ่ายสวมสูทสีเทา แต่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้านในเพิ่มขึ้นจนเห็นอกหนารำไรให้ดูเป็นกันเองมากขึ้น ข้างกายมีลูกคู่อีกสองคนที่มักจะแซวโปรดปรานตอนสมัยมัธยมว่าอวบบ้างอะไรบ้าง ​ก็แหงล่ะกวินกับเคนเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าปีศาจร้ายนั่นนี่นา! ​โปรดปรานละสายตาออกจากอีกฝ่ายภายในไม่กี่วินาที กระดกแก้วสุราที่แพรวชงให้ขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้วก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ​อืม...บางทีเธออาจจะใจเต้นแรงเพียงเพราะกลัวจะต้องกลับไปเป็นทาสของไอ้ปีศาจบ้านั่นแน่ ๆ ​“เธอไม่เข้าไปทักเขาหน่อยเหรอโปรด ฉันจำได้นะว่าพวกแกตัวติดอย่างกับแฝดสยามแน่ะ กินข้าวด้วยกันแทบทุกวันเลย” แพรวพูดยิ้ม ๆ แขนของอีกฝ่ายถองเธอเบา ๆ จนเธอต้องแกล้งยิ้มแหยออกมา ​อยู่ด้วยกันเพราะหนีไม่พ้นน่ะสิ! ​“ไม่ดีกว่า แค่นั้นก็มีคนเข้าไปทักเยอะแล้วล่ะ แหะ ๆ” เธอหัวเราะแห้ง ๆ ยกแก้วในมือขึ้นจิบอีกครั้ง ใบหน้าของเธอเริ่มขึ้นสีระเรื่อจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เริ่มซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือด แต่ถึงอย่างนั้นโปรดปรานก็คิดว่ามันเป็นเพียงเครื่องมือเดียวในตอนนี้ที่ทำให้เธอเลิกคิดเพ้อเจ้อไปได้สักครู่หนึ่ง ​โปรดปรานหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ถูกรายล้อมด้วยเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ทั้งชายและหญิงเต็มไปหมด สิรดนย์ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนเสมอแม้จะยิ้มน้อยต่อยหนักก็ตาม ​ซึ่งนั่นก็ดีแล้วล่ะ เพราะเธอเองไม่อยากให้สิรดนย์รู้สักเท่าไหร่ ว่าเธอเองก็มาร่วมงานนี้เหมือน ​ยังไม่ทันที่เสียงความคิดในหัวจะคิดจนจบ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั่นก็หันมาสบกับเธอราวกับจับวาง โปรดปรานเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะรีบหันใบหน้าหนีทันที ครั้งนี้เธอรู้สึกได้เลยว่าเจ้าใจไม่รักดีนั้นเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก ​มือเรียวลูบอกตนเองเบา ๆ ก่อนจะยกแก้วของตนเองที่แพรวนั้นเติมให้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ขึ้นจิบอีกครั้งด้วยความรู้สึกเก้อเขินพิกล ​มันไม่มีอะไรหรอกน่า! ​“โปรดใช่ไหม ชนแก้วหน่อยดิ” ใครสักคนที่อาจจะเป็นเพื่อนร่วมชั้น หรือไม่ก็เพื่อนร่วมห้อง ที่โปรดปรานเองก็จำไม่ได้เช่นกันเดินเข้ามาคุยด้วยรอยยิ้มพิกลไม่น่าไว้ใจ เธอยิ้มตอบตามมารยาทก่อนจะชนแก้วกับอีกฝ่ายแล้วกระดกดื่ม ในขณะที่แพรวกับกุ้งก็ได้แต่แซวเธอที่มีหนุ่ม ๆ มาขอแลกเบอร์บ้าง ขอชนแก้วบ้างไม่ขาดสาย ไม่ต่างจากมธุรสเลยแม้แต่น้อย ​แต่ถ้าเลือกได้ผู้ชายคงชอบผู้หญิงตัวเล็กน่ารักแบบมธุรส มากกว่าผู้หญิงสูง 160 แบบเธอล่ะมั้ง ​โปรดปรานชักจะมึนจริง ๆ เสียแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าแพรวนั้นใส่อะไรลงในแก้วของเธอบ้าง แต่เธอรู้ได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เธอดื่มไปมากกว่าเจ็ดแก้วแล้วด้วยซ้ำ ​หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อภาพเริ่มเบลอ ๆ ก่อนความรู้สึกเย็นวาบจะทำให้เธอนั่งหลังตรงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ​“ไงแพรว ยังเป็นหัวหน้าอยู่เปล่า” ​ใช่ นั่นเสียงสิรดนย์ ​จากที่มึน ๆ ง่วง ๆ กลายเป็นตาสว่างวาบในทันที โปรดปรานพยายามโฟกัสสายตาตนเองให้มองแต่แก้วที่อยู่ในมือ เธอโคลงมันไปมาก่อนจะแสร้งยกขึ้นจิบแล้วมองไปทางอื่น ​“เออเป็นหัวหน้า โคตรแปลก” แพรวว่าขำ ๆ เธอยกแก้วขึ้นชนกับสิรดนย์ด้วยรอยยิ้ม อันที่จริงนอกจากเพื่อนสองคนที่อีกฝ่ายอยู่ด้วยตลอดกับโปรดปราน ก็คงมีแพรวนั่นล่ะที่เขาคุยด้วยมากที่สุดรองลงมา ​“อ้าวดนย์? ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมางานนี้ด้วย” มธุรสกล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจ เธอยิ้มให้อีกฝ่ายเสียหวานหยดย้อยจนแม้แต่คนอย่างโปรดปรานก็ยังดูออกว่านี่มันมากเกินกว่าพอดีไปสักหน่อย ​“อืม พอดีกวินมันส่งข้อความมาชวน เลยมาน่ะ” เสียงทุ้มตอบ ก่อนจะตวัดสายตาหันกลับมามองโปรดปรานอีกครั้ง “แล้วพวกเธอสบายดีกันใช่ไหม ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย” ​“สบายดีสิ แหมดนย์ก็ เมื่ออาทิตย์ก่อนยังเพิ่งทานดินเนอร์ด้วยกันอยู่เลย” มธุรสพูดในขณะที่เคนก็ผิวปากแซวเพื่อนตนเองอย่างสนุกสนานทันที ต่างจากตัวคนถูกแซวเองนั่นล่ะที่ได้แต่ส่งสายตาค้อนให้เพื่อนสนิทตัวเอง ​“แพรว ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” โปรดปรานรู้สึกอึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่รอมร่อ เธอกระซิบคนข้างกายเบา ๆ ก่อนจะคว้าเอากระเป๋าของตนเองลุกขึ้น ​“อ้าว ไม่คุยกับดนย์มันก่อนหรอ?” ​“ไม่ดีกว่า จำกันไม่ได้หรอก” หญิงสาวตอบก่อนจะก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังห้องน้ำที่เธอถามพนักงานต้อนรับตั้งแต่ก่อนเข้ามาในงานแล้วว่าอยู่ตรงไหน โดยที่เธอเองนั้นก็ไม่ได้หันกลับไปสนใจสิรดนย์อีกเลย ร่างสูงเหลือบสายตามองแผ่นหลังของโปรดปรานหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่เมื่อจะก้าวตามไปก็ถูกรั้งเอาไว้เสียก่อน ​“นี่ดนย์ นั่งคุยกันก่อนสิ” มธุรสว่า ดึงอีกฝ่ายให้นั่งลงแทนที่ของโปรดปราน “ฉันเพิ่งเล่าให้เพื่อนฟังไปเองว่าพ่อแม่ของพวกเรากำลังวางแผนทำธุรกิจร่วมกัน” เธอว่ายิ้ม ๆ หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองมาเปิดภาพถ่ายที่ครอบครัวของเธอและสิรดนย์ถ่ายด้วยกันตอนไปคุยงานคราก่อน ​“จริงเหรอ? ที่โคราชน่ะนะ?” หนึ่งที่ไม่ค่อยได้พูดอะไรเท่าไหร่เงยหน้ามาถามอย่างแปลกใจไม่น้อย มธุรสยิ้มรับก่อนจะพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี ​“อื้ม พอดีพ่อกับแม่ดนย์อยากหาพื้นที่ฟาร์มเพิ่ม แล้วพ่อแม่ฉันก็หาคนมาเช่าซื้อพื้นที่พอดี คุยกันไปคุยกันมา กลายเป็นตกลงจะเป็นหุ้นส่วนกันเสียอย่างนั้น” มธุรสอธิบาย ก่อนจะเปิดภาพต่าง ๆ ให้เพื่อน ๆ ดูด้วยความกระตือรือร้น อันที่จริงตัวเธอเองก็ไม่ได้พบเพื่อนมาเสียตั้งนาน คิดถึงอารมณ์อย่างนี้ไม่น้อยเลย ​พอเติบโตขึ้นแล้วก็มีแต่เรื่องงาน เธอเหนื่อยจะแย่แล้วด้วยซ้ำ ​“อันที่จริง..ฉันแค่ช่วยพ่อดูในส่วนของการบริหารนิดหน่อยเท่านั้นแหละ ไม่ได้ร่วมโครงการจริงจังหรอก” สิรดนย์พูดพร้อมกับดึงแขนของตนเองออกจากการเกาะกุมของหญิงสาวด้วยความนุ่มนวล “ฉันขอตัวก่อนนะรส ยังไม่ได้ทักทีมบาสเลย” ​ก่อนจะส่งรอยยิ้มที่ทุกคนแทบหวีดร้องออกมา เพราะปกติแล้วสิรดนย์ยิ้มง่ายเสียที่ไหน ​จะมีก็แต่มธุรสเองเท่านั้นที่รู้ ​ว่านี่ไม่ใช่ยิ้มที่จริงใจเลยสักนิด ​ร่างสูงทำสีหน้าซังกะตายทันทีที่หลุดจากพวกสาว ๆ เขาลากเคนและกวินเดินไปคุยกับโต๊ะของกลุ่มนักบาสในรุ่นทันทีเพื่อให้ทุกอย่างดูแนบเนียนว่าเขาน่ะตั้งใจจะมาคุย ไม่ใช่หลีกหนีหรืออะไร ​“โตมาแล้วใครจะคิดว่าหุ่นจะเฟิร์มวะ นั่งทำงานทั้งวี่ทั้งวันไม่ได้ไปยิม ลงพุงหมดละกู” หนึ่งในเพื่อนร่วมชมรมอย่างภาคพูด ก่อนทุกคนจะหัวเราะขบขันอย่างเห็นด้วย “แต่ยกเว้นไอ้ดนย์นะ รายนั้นไม่ว่าจะกี่รูปภาพก็ฟิตตลอด กูชักอิจฉาอยากเปิดธุรกิจบ้างแล้วว่ะเพื่อน” ​“มึงก็เปิด แค่นั้นเลย ง่าย ๆ” ​“ง่ายกับผีมึงสิ” ​ครานี้เป็นสิรดนย์บ้างที่หลุดหัวเราะเมื่อภาคมันทำหน้าบึ้งตึงลงไปในทันที เขารู้อยู่แก่ใจว่าการเปิดธุรกิจไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลยจริง ๆ กว่าจะมาถึงขนาดนี้เขาก็ผ่านการคิด การทดลอง การลงทุน และการศึกษาต่าง ๆ มากมาย เสียเวลาไปตั้งเท่าไหร่ ​แต่สิรดนย์ก็ภูมิใจกับมันมากจริง ๆ นั่นล่ะ ​“ถ้าเปิดเองมันยาก ก็หาบริษัทดี ๆ แล้วซื้อหุ้นเขา ไม่เห็นจะยาก” ​“เออ ไว้กูจะลองคิดดูละกัน แล้วนี่กวินกับเคนมึงหุ้นกับดนย์ด้วยปะวะ?” ​“จะเหลือเหรอ” กวินตอบ ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าเหวอ ๆ ของคนถามแล้วหันไปแท็กมือกับเคนไม่ต่างจากสมัยมัธยมด้วยซ้ำ ภาคส่ายหัวเบา ๆ เมื่อพบว่าไอ้สามคู่หูนี้ มีไอ้กวินกับไอ้เคนกระมังที่ยังทำตัวเหมือนเด็กไม่มีเปลี่ยน ​เสียงพูดคุยยังคงดังอย่างต่อเนื่อง สิรดนย์เมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนของตนเองเริ่มคุยกันติดลมบน เขาก็ค่อย ๆ เดินหลีกออกมาจากฝูงคนแล้วเดินตรงไปยังทางไปห้องน้ำทันที ​ยัยอวบตัวแสบ! คิดจะหนีฉันเหรอ ​“เธอไม่มีวันหนีฉันพ้นแน่ ๆ โปรดปราน” ​สิรดนย์หลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าตื่น ๆ ของอีกฝ่ายยามที่สบตากันเมื่อครู่ โปรดปรานสวยขึ้นมาก ผิวขาวละเอียด รูปร่างสมส่วนไม่สมกับฉายาที่เขาตั้งให้แม้สักนิด แต่ถึงอย่างนั้น แววตาและท่าทางของเธอยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ​ไม่ต่างจาก 11 ปีก่อนเลยแม้แต่น้อย ​เช่นเดียวกันกับใจของสิรดนย์เหมือนกัน ที่ไม่ได้แปรผันไปเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD