บท 5
รวมพล
“รักตีนกูหนิ” (รักตีนกูไหม) จอห์นขมวดคิ้วทันที ส่วนปลาส้มใบหน้าแดงระเรื่อพยายามปรือตาขึ้น ยกนิ้วขึ้นมาจิ้มที่ไหล่ของกำแก้วซึ่งหลับอยู่บนตักเธอ
“เอาลูกสะใภ้มาส่ง”
“คือเมาได้ล่ะ?” (ทำไมเมาได้ล่ะ?) ในตอนนั้นเองปาล์มพึ่งได้สังเกตเห็นลูกสาวของตัวเองกำลังฟุบหลับอยู่บนตักของปลาส้ม ในตอนนั้นปาล์มก็รีบเข้าไปอุ้มกำแก้วทันที
“ขายหน้าขายตาแท้น้อลูกสาวกูหนิ” (ขายหน้าขายตาจริง ๆ ลูกสาวพ่อ) กะจะยืนกวนประสาทจอห์นเสียหน่อย เล่นเอาอับอายจนเขาต้องรีบส่งกำแก้วไปไว้ในห้องนอน ปาล์มส่ายหัวน้อย ๆ มองลูกสาวที่ปล่อยตัวเองเมาจนไม่ได้สติ
“เบิ่ดกันลูกพ่อ ห้าบาทมีทอนเด้อแนวหนิ” (หมดกันลูกพ่อ ห้าบาทมีทอนนะแบบนี้)
ปาล์มออกมาหน้าบ้านก็ไม่พบกับจอห์นและปลาส้มเสียแล้ว เขาอดเสียดายไม่ได้จริง ๆ ว่าจะกลับมากวนประสาทจอห์นเล่นอีกสักนิดพอได้ขำเสียหน่อย คงหวงปลาส้มจึงรีบกลับตามเคย
ความจริงเขาไม่ได้ชอบปลาส้มตั้งแต่ได้เจอกับแม่ของกำแก้วแล้ว เพียงแต่เขาอยากแกล้งจอห์นเล่นก็เท่านั้น
เช้าวันต่อมา...
ไทเกอร์ตื่นขึ้นไปจ็อกกิ้งรอบทุ่งนาแต่เช้าตรู่ ขณะที่ฉลามเตรียมหุงข้าวและทำอาหารเพิ่มอีกหนึ่งอย่างไว้สำหรับคนงาน
ส่วนคนงานที่ว่าก็ไม่ใช่ใคร...
“หมู่ 8 เรียกหมู่ 6 ทราบแล้วเปลี่ยน” ฉลามวิดีโอคอลไลน์กลุ่มเพื่อโทรเรียกเหล่าน้อง ๆ ของเขา นั่นคือ ฮันเตอร์ กับ ฮัก ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
ฮักหลังจากที่โผล่เข้ามาในสายก็ตอบทันทีว่า [ทราบ!]
ส่วนฮันเตอร์อยู่ในสายก่อนฮัก สายตาคมกริบมองลึกเข้าไปในภาพของฉลามที่อยู่ในจอ พื้นหลังบนเถียงนาของฉลามดูก็รู้ว่าอยู่นาแน่ ๆ ฮันเตอร์จึงเลือกตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า...
[ไม่อยากทราบ!]
“มีเหตุด่วน พบกันที่นาพ่อใหญ่รงค์ด่วน!” ฉลามรู้อยู่แล้วว่าพวกน้อง ๆ รู้อยู่แก่ใจว่าเขาโทรเรียกทำไม เลยไม่ได้สนใจน้ำเสียงของแต่ละคน
[กู้มันสำปะหลังติ?] (เก็บมันสำปะหลังเหรอ?) ฮันเตอร์เอ่ยอย่างรู้ทัน
“อืม”
[ว่าแล้วดั้วะ] (ว่าแล้วไง!) เจ้าของเรือนผมสีเทาตบหน้าผากดังลั่น ไม่น่ากลับบ้านอาทิตย์เดียวกันกับพี่ฉลามเลย กลับพร้อมกันทีไรต้องไปช่วยงานทุกที
[ใช้ตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นหลาน] ฮักกลอกตาเสร็จก็กดวางสายทันที
เห็นน้อง ๆ วางสายไปอย่างไร้เยื่อใย ฉลามก็ไม่ได้คิดเยอะ เพราะเขารู้ดีว่ายังไงพวกนี้ก็มา เหลือเพียงทำกับข้าวเพิ่มอีกสักนิดไว้เลี้ยงน้องวัยกำลังโตของเขาก็พอ
ผ่านไปสักพัก ขณะที่ทำกับข้าวเสร็จพอดีก็เห็นมอเตอร์ควันดำคุ้นตามาแต่ไกล เจ้าของเรือนผมสีดำช่วงปลายผมสีน้ำเงินคนนั้น
“กำแก้ว...” ฉลามขมวดคิ้ว อย่าบอกว่ายัยเด็กนรกจะมาช่วยเขาทำงานอีกคน?
กำแก้วขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของพ่อ ฝ่าหลุม ฝ่าทางลูกรังมาอย่างยากลำบาก และตามหลังเธอมาติด ๆ ก็คือฮักและฮันเตอร์ที่ขับรถอีแต๋นมาคนละคันด้วยสีหน้าไม่รับมิตร
“มาหยังว่า?” (มาทำไมก่อน?) ทันทีที่คนตัวเล็กจอดรถได้ ฉลามก็เอ่ยถามเพราะกำแก้วถือว่าเป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงามมาก
ก็เห็นเธอชอบบ่นอยู่ทุกครั้งว่าผิวจะเสีย แล้วทำไมถึงยอมมาช่วยเขาเก็บมัน?
“ให้กลับบ่ล่ะ น้าปลาส้มให้เอาเชื้อเพลิงมาส่ง” (ให้กลับไหมล่ะ น้าปลาส้มให้เอาเชื้อเพลิงมาส่ง) คิ้วสวยขมวดเป็นปม คิดว่าเธออยากมาทำงานตากแดดรึไง? ถ้าไม่เกรงใจน้าปลาส้มเธอไม่มีทางมาหรอก
“อยู่ก่อน ๆ อ้ายเว้าเล่น” (อยู่ก่อน ๆ พี่ล้อเล่น) ฉลามรีบโบกมือเรียกกำแก้วเอาไว้ทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินลงเถียงนาไปหากำแก้วเพื่อดูสิ่งที่แม่ฝากมา
ซึ่งตอนนั้นฮักกับฮันเตอร์ก็ขับรถอีแต๋นมาถึงพอดี ฉลามยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ นับว่าสองคนนี้รู้งาน
“เจ้านี่ยากอีหลีเนาะ ยามได๋สิฟ้าวเรียนให้จบ” (พี่นี่ลำบากจริง ๆ เมื่อไหร่จะรีบเรียนให้จบ) หลังจากจอดรถอีแต๋นได้ ฮันเตอร์ เจ้าของเรือนผมสีเทาในชุดเสื้อปุ๋ยสีดำ กระโดดลงมาจากรถพร้อมด้วยเสียงบ่น
มีพี่หรือมีภาระกันแน่
“ยากอีหลี ฮักล่ะฮ้อน” (ลำบากจริง ๆ เลย ฮักร้อน) ฮัก เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินในชุดเสื้อปุ๋ยสีกรมกางเกงขายาวสีซีดเดินมาพร้อมกับโบกพัดในมือ ความเจ้าสำอางนี้ เหมือนกับ เฮง พ่อของเขาไม่มีผิด
ฉลามไม่ได้ถือสาใด ๆ น้องพวกนี้ก็แค่บ่นไปงั้น สุดท้ายก็ต้องช่วยเขาเก็บมันเพื่อหาเงินไปเรียนอยู่ดี ซึ่งก็เป็นอย่างนี้มาตลอดเกือบสี่ปี นับตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจจะเรียนจนกระทั่งถึงปีแปด
“มา ๆ อย่าจ่มหลายมาเติมเชื้อเพลิงก่อน” (มา ๆ อย่าบ่นให้มาก มาเติมเชื้อเพลิงก่อน) ฉลามกวักมือเรียกทั้งสอง ในตะกร้าที่กำแก้วถือมาคือน้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำแข็ง
ซึ่งของสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือสาโทฝีมือของแม่เขาเอง
“…” ทันทีที่ได้ยินคำว่าเชื้อเพลิงฮักกับฮันเตอร์หันหน้าไปสบตากันทันควัน ท่าทีหูผึ่งแบบนั้นอยู่ภายใต้สายตาของฉลามทั้งหมด รอยยิ้มที่มุมปากของผู้เป็นพี่ก็ค่อย ๆ โค้งขึ้น
ค่อยสมกับเป็นน้องชายเขาหน่อย
“ไส?” (ไหน?) ทั้งคู่หูผึ่งรีบเดินมาหาฉลาม จังหวะนั้นทั้งสองถึงได้สังเกตเห็นกำแก้วซึ่งกำลังนำน้ำแข็งที่ซื้อมาใส่กระติก ฮักเห็นก็อดแซวไม่ได้
“พี่สะใภ้หวัดดีครับ” (พี่สะใภ้หวัดดีครับ) สองมือพนมยกขึ้นเหนือหัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้า
“พี่สะใภ้อีหยังของมึงบักน้องฮัก!” (พี่สะใภ้อะไรของมึง ไอ้น้องฮัก) ฉลามได้ยินก็รีบเบรกด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“เอ้า! ระดับโค้ชคือว่าจั่งซั่น?” (อ้าว! ระดับโค้ชทำไมพูดแบบนั้น?) ฮันเตอร์เอ่ยเสริมทัพกับฮักอย่างสามัคคี
“เซาเด้อ อย่าหาว่า ผิดผีคั้ก” (หยุดเลย อย่าหาพูด ผิดผีมาก) กำแก้วแทบอยากปาน้ำแข็งใส่หัวทั้งสอง
สมัยมัธยมต้น กำแก้วต้องขึ้นรถตู้รับส่งนักเรียนคันเดียวกันกับสองคนนี้ ฮันเตอร์กับฮักเลยคุ้นหน้าคุ้นตากับเธอเป็นอย่างดีเพราะทั้งคู่เด็กกว่าเพียง 1 ปีเท่านั้น
“โด่เจ้ ซุมเจ้าเหมาะสมกันปานปอบกับเครื่องในไก่ปานนี้ ยังสิปฏิเสธหยังอีก” (โธ่เจ้ พวกพี่เหมาะสมกันดั่งบอปกับเครื่องในไก่ขนาดนี้ ยังจะปฏิเสธอะไรอีก)
“ปากนี่เนาะ บ่บอกกะรู้ว่าไผสั่งสอนมา” (ปากนี่เนอะ ไม่บอกก็รู้ว่าใครสั่งสอนมา) กำแก้วส่งสายตาไปมองฉลามอย่างตำหนิ หัวหน้าโจกตัวเป้งอยู่นี่แล้ว จะใครได้อีกที่เลี้ยงพวกนี้มา
ฉลามเลือกที่จะไม่ทะเลาะกับกำแก้ววันนี้เพราะเธอมาช่วยงาน เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“พักยกก่อน มาจ้วด” (พักยกก่อน มาดื่ม) ฉลามยื่นจอกให้กับฮันเตอร์คนแรกแล้วตามด้วยฮักและกำแก้วแต่กำแก้วยกมือเบรกไว้ก่อน ฉลามเลยกระดกแทนเสียเลย
จังหวะที่บรรยากาศกำลังดี เสียงไทเกอร์ร้องลั่นขอความช่วยเหลือดังมาแต่ไกล ทั้งสี่คนพยายามมองหาต้นเสียงก็ไม่เจอ จนกระทั่งเห็นฝุ่นตลบที่สวนมันสำปะหลัง
“อีหยังน่ะ?” (อะไรอ่ะ?) ฮักดึงแว่นกันแดดของตัวเองออกแล้วเพ่งมองให้ชัด ๆ
“เฮาต้องแล่นบ่?” (เราต้องวิ่งไหม?) ฮันเตอร์มองไทเกอร์ที่วิ่งตาเหลือกแบบสับตีนแตกสุดชีวิตเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“โอ้ Shit!!” (โอ้ เวร!!)
“มะ! หมา...” เหมือนกำแก้วจะรู้สึกตัวไวกว่าเพื่อน เห็นหมาพันธุ์ปางแก้วที่อยู่ด้านหลังไทเกอร์ เธอรีบวิ่งขึ้นเถียงนาก่อนใครทันที
“เฮ้ย!! บักสิงโตหมาพ่อใหญ่ป๋องตั๊วะน่ะ” (เฮ้ย!! ไอ้สิงโตหมาตาป๋องนี่หว่า)
“แล่นแหมะสู แล่น!” (วิ่งสิพวกมึง วิ่ง!) ฉลามรีบบอกพวกน้อง ๆ ทันที ฮักกับฮันเตอร์ขึ้นไปบนเถียงนาอย่างปลอดภัยในขณะที่ฉลามยังคงอยู่ด้านล่างรอไทเกอร์
“เอ้า อ้ายหลาม เจ้าคือบ่ขึ้นมา!?” (อ้าว พี่หลาม ทำไมพี่ไม่ขึ้นมา!?) ฮักเห็นฉลามถอดเสื้อปุ๋ยออกก็เกิดความสงสัย
ฉลามไม่ได้ตอบคำถามน้อง ๆ เขาเพียงมองไทเกอร์ที่วิ่งเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ พร้อมกับมองเจ้าหมาตัวสีขาวขนปุยที่อยู่ด้านหลัง
ไทเกอร์ไม่ใช่คนในพื้นที่ ที่สำคัญไอ้สิงโตตัวนั้นมันดุยิ่งกว่าอะไร ซึ่งเขาเคยโดนมันไล่กัดอยู่ครั้งหนึ่ง ฉะนั้นเขาจะปล่อยให้ไทเกอร์วิ่งอยู่ด้านล่างคนเดียวได้ยังไง
แม่งเอ๊ย! เขาดันพิเรนทร์พาทายาทหมื่นล้านมาช่วยขุดมัน ถ้าไอ้ไทเกอร์ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา หัวเขากุดแน่!
“เกอร์ทางนี้เว้ย!” พูดไปถอดกางเกงไป เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว
“Run away, hide!” (วิ่งหนีไปซ่อนเร็ว!) แม้ไทเกอร์จะกลัวมาก ๆ แต่เขากลัวว่าเพื่อนจะได้รับบาดเจ็บมากกว่า จึงรีบโบกมือไล่ฉลามให้หนีไป
“มึงฟ้าวมาทางนี้ก่อน กูรู้จักมันดีกว่ามึงอีกเพื่อน!” (มึงรีบมาทางนี้ก่อน กูรู้จักมันดีกว่ามึงอีกเพื่อน!) ฉลามตะโกนอย่างหัวเสีย สองขาย่ำอยู่กับที่เป็นการวอร์มร่างกาย
ข้างเถียงนาของเขามีสระน้ำ และไอ้หมาสิงโตตัวนี้เมื่อก่อนมันชอบเล่นน้ำมาก แต่หลัง ๆ มีปมอะไรไม่รู้ทำให้มันกลายเป็นหมาที่กลัวน้ำ ทางหนีเดียวตอนนี้คือสระน้ำนี่แหละ!
ถ้าขึ้นเถียงนามันกระโดดงับขาไทเกอร์ทันแน่!
“เอาบันไดขึ้นแมะสู” (เอาบันไดขึ้นสิพวกมึง!) ฉลามไม่ลืมที่จะเตือนให้น้อง ๆ ยกบันไดเถียงนาขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ไอ้สิงโตขึ้นไปได้
กำแก้วยืนมองคนที่อยู่ด้านล่างก็รู้สึกหวาดเสียวแทน หลังจากฮักเอาบันไดขึ้น ไทเกอร์ก็วิ่งมาถึงฉลามพอดี
“เกอร์ มึงว่ายน้ำเป็นไหม?” เมื่อออกตัววิ่งคู่กัน ฉลามจึงเอ่ยถามเพื่อนทันที จะว่าไปไทเกอร์ถือว่าวิ่งเร็วมากแสดงว่าคงวิ่งเป็นกิจวัตร
“เป็น! แต่ว่าไอกลัวน้ำโคลน”
“ฉิบหาย! งั้นมึงก็แยกตัวไปแล้วปีนขึ้นไปบนเถียงนา”
“ยูจะล่อมันเหรอ?”
“อืม”
“ขอบคุณนะ” พูดจบไทเกอร์ก็ฉีกตัวแยกไปทันที ไอ้หมาสิงโตตัวนั้นจึงวิ่งตามขายาว ๆ ของฉลามแทน
หลอกล่อหมารอให้ไทเกอร์ขึ้นเถียงนาได้ ฉลามก็วิ่งอ้อมไร่มันก่อนจะวนเลี้ยวกลับไปยังสระน้ำแล้วกระโดดลงทันที
ตูมมมม! น้ำกระเซ็นกระจายไปทั่ว ทั้งสี่คนบนเถียงนาถอนหายใจอย่างโล่งอก ฉลามหลังจากโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำก็ฉีกยิ้มอย่างผู้กุมชัยชนะ
“ฮ่า ๆ”
ตูมมมม!
“อ้าว!” ไหนมันกลัวน้ำวะ! ฉลามหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อไอ้สิงโตกระโดดน้ำตามเขาลงมา ‘ฉิบหาย’ คำ ๆ นี้ติดเด่นหราอยู่บนหน้าผากของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย...
“บักสิงโต บักหมา กูสิเท่อยู่แล้ว!” (ไอ้สิงโต ไอ้หมา กูจะเท่อยู่แล้วเชียว!)