บท 3 Sure!

1599 Words
บท 3 Sure! @ทุ่งนาตารงค์ “Are you sure we can camping here?” (คุณแน่ใจเหรอว่าเราสามารถแคมป์ปิ้งที่นี่ได้) ไทเกอร์มองเถียงนาของตารงค์ด้วยสีหน้าฉงนใจ กวาดสายตาไปรอบ ๆ พบเข้ากับป่ามันสำปะหลังและทุ่งนากว้างใหญ่ “ชัวร์สิ” ฉลามพยักหน้าหงึก ๆ ท้องไส้ก็หิวข้าวไปหมด ขอบคุณที่นาของตาเขามีไก่บ้านหลายตัว ถึงคราวพวกมันต้องชะตาขาดแล้ว “มึงไปกางเต็นท์ก่อนไป เดี๋ยวกูจะหาแนวดินเนอร์” กล่าวจบฉลามก็ไปหาข้าวเปลือกมาหลอกล่อไก่ทันที จะดินเนอร์อะไรก่อน? ข้าวเช้ายังไม่กินเลยด้วยซ้ำ ที่ติดตัวมามีเพียงกระติบข้าวเหนียวของน้าขนมที่ห่อมาให้และกับข้าวเล็กน้อย หลอกล่อไก่ไม่นานนักฉลามก็จับไก่ได้หนึ่งตัวเขาจัดการเชือกไก่ไม่รอช้า เสียงไก่ร้อง เรียกความสนใจของไทเกอร์ที่กำลังกางเต็นท์จนเขาต้องวิ่งไปดูฉลามด้วยสีหน้าแตกตื่น "What’s going on?” (เกิดอะไรขึ้น?) “มืนตาบ่ กู killing ไก่” (ลืมตาไหม กูกำลังฆ่าไก่) ฉลามที่กำลังโมโหหิวได้ยินคำถามโง่ ๆ จากเพื่อนก็พลอยรู้สึกหงุดหงิด จากนั้นก็ฟาดหัวไก่ไปที่เสาเถียงนาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไก่ได้ตายไปแล้วจริง ๆ ทุกสิ่งที่ฉลามทำอยู่ในสายตาของไทเกอร์ทั้งหมด เขาทั้งตกใจทั้งแปลกใจเมื่อไม่เคยเจอสิ่งนี้มาก่อน “โหดร้ายจริง ๆ” “นั่น! อย่ากินเด้อมึงเด้อ” (นั่น! อย่ากินเชียวนะมึง) ฉลามเห็นเพื่อนกล่าวตำหนิตัวเองก็วางแผนเตรียมจัดการไทเกอร์รอแล้ว หลังจากทั้งคู่ต่างคนต่างหน้าที่ทำงานเสร็จก็ปูเสื่อนั่งกินข้าวด้วยกัน ฉลามชิมน้ำแกงจนน้ำลายไหลสู่พื้นไปหลายหยด กลิ่นหอมสมุนไพรอบอวลไปทั้งหม้อ เขาตักแกงสองถ้วยเพื่อให้ไทเกอร์กับเขาคนละถ้วย “เฮ้” ไทเกอร์มองถ้วยแกงของตัวเองไม่มีเนื้อไก่สักชิ้นก็ร้องเสียงหลง ใบหน้าหล่อเหลาดั่งลูกคุณหนูทั่วไปเงยหน้าสบตาเพื่อปริบ ๆ เป็นเชิงถาม “ก็เมื่อกี้มึงว่ากูโหดร้ายไงเพื่อน มึงสงสารไก่ก็กินแต่น้ำแกง มันถูกต้องแล้ว” ฉลามเอ่ยแย้ง เขาตักไก่ชิ้นโตเคี้ยวตุ้ย ๆ หลับตาพริ้มรับรสของเนื้อไก่ แม้ความจริงจะเหนียวดั่งหนังสติ๊ก แต่เขาก็ยังแสร้งทำสีหน้าฟินราวกับได้กินอาหารเลิศรส “kidding น่า~” (ล้อเล่นน่า~) ไทเกอร์ส่งสายตาออดอ้อนทันที ฉลามมองหน้าเพื่อนแสนซื่อ เขาก็ไม่ได้แล้งน้ำใจ ฉลามตักเนื้อไก่ให้ไทเกอร์หนึ่งชิ้นด้วยความเมตตา “...” ไทเกอร์กัดเข้าคำแรกเต็มไปด้วยสีหน้าสงสัย ยิ่งเคี้ยวไปสักพักคิ้วก็เริ่มขมวดเป็นปม นี่เขากำลังเคี้ยวอะไรอยู่ จุดสิ้นสุดมันอยู่ที่ตรงไหน กระเพาะของเขาจะได้ใช้กระบวนการย่อยอาหารเมื่อไหร่? “เป็นได๋ด็อก So good บ่เพื่อน?” (เป็นไงด็อก ดีไหมเพื่อน?) ฉลามแอบกลั้นขำ ไม่น่าหิวจนตาลายคว้าไก่ชนมาเลย ช่วยไม่ได้มันอยากเชื่องที่สุดเอง “มันกลืนได้ไหม?” ไทเกอร์พยายามเคี้ยวอยู่นาน ทำยังไงก็ไม่แหลก “เตะเข้าโกเลยเพื่อน” เห็นสีหน้าเพื่อนที่จบปริญญาเอกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฉลามก็แอบหัวเราะในใจ เรียนจบสูงไม่ช่วยอะไรไทเกอร์เลย สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ด้วยการคายออกมา “กินน้ำเฉย ๆ ก็ดีแล้ว...” ไทเกอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ไทยมานาน กลับบ้านเพียงปีละครั้งและอยู่ไม่กี่วัน แต่เขามั่นใจว่าที่นู่นพ่อครัวทำอาหารไทยให้เขากินตลอด ไม่เคยมีเนื้อไก่อะไรที่เหนียวขนาดนี้มาก่อนแน่ ๆ ตอนนี้มีเพียงไข่เจียวกับน้ำพริกบางอย่างที่แม่ของเขาห่อมาให้ ไทเกอร์มองอย่างลังเลไปที่กระติบข้าวซึ่งเขาไม่เคยกินมาก่อน “What’s that?” (อะไรอ่ะ?) “นี่บ่? Sticky rice ไง” (นี่เหรอ? ข้าวเหนียวไง) ฉลามชี้ไปที่กระติบข้าวก่อนเปิดฝาออกมาเจอข้าวเหนียวนุ่ม ๆ ก็รู้สึกอุ่นใจไม่น้อย มีข้าวเหนียวรองท้องกินกับน้ำพริกก็ยังดี “กินยังไง?” “เฮ้อ” ฉลามล่ะเพลียกับเพื่อนรัก ทุกครั้งที่เพื่อนมาที่นี่ก็มักพาไปตกเบ็ด หว่านแหทั่วไป เขาพึ่งเคยได้มากินข้าวแบบบ้าน ๆ กับไทเกอร์แบบนี้ครั้งแรก ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าลุงเสือเลี้ยงไอ้ไทเกอร์คนนี้มายังไง “ยูก็ take sticky rice แล้วก็ปั้น ๆ and then จ้ำ สิ โอ๊ยน้อ! คนแห่งปึกอังกฤษอยู่” (ยูก็เอาข้าวเหนียวขึ้นมาแล้วก็ปั้น ๆ แล้วก็จิ้มสิ โอ๊ย! คนยิ่งโง่อังกฤษอยู่) ฉลามกุมขมับพยายามอธิบายเพื่อนอยู่นาน “Jump?” (กระโดด?) ไทเกอร์เลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อได้เข้าใจผิดคิดว่า ‘จ้ำ’ ที่ฉลามพูดถึงหมายถึงกระโดด กินข้าวเหนียวทำไมต้องกระโดด? ฉลามไม่รู้ว่าเพื่อนเข้าใจผิดเพี้ยน เขายกหม้อแกงไก่ขึ้นไปต้มบนเถียงนาอีกรอบเพื่อให้ไก่เปื่อยจะได้กินง่าย ในขณะที่ไทเกอร์หยิบกระติบข้าวเหนียวมาวางบนตักด้วยสีหน้างงงวย “ฉลาม Jump? Seriously?” (ฉลาม กระโดดเหรอ? จริงจังไหม?) “Of course!” (แน่นอนสิ!) ฉลามตะโกนกลับด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดน้อย ๆ ไม่กินข้าวเหนียวแบบนั้นแล้วจะทำยังไง? จะทำเป็นซูชิอะไรก็ทำไปเถอะ เขาหยิบถ่านใส่จนเต็มเตาแล้วเติมน้ำใส่แกงไว้เล็กน้อยก่อนจะเดินลงไปยังเต็นท์เพื่อกินข้าว “เฮ้ยยยย!” ฉลามแทบล้มทั้งยืนเมื่อเห็นเพื่อนรักกำลังอุ้มกระติบข้าวกระโดดอยู่กับที่ราวกับผีจีนในทีวี “อีหยังอี้กกกก!” (อะไรอี้กกกก!) “You told me ‘Jump’” (ยูบอกไอกระโดดอ่ะ) “บักด็อกกกกก!” ฉลามตบหน้าผากดังแปะ มันคนละจ้ำไหมเพื่อน? “เบิ่งเด้อเพื่อน สิเฮ็ดให้เบิ่งเป็นตัวอย่าง” (ดูนะเพื่อน จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง) เมื่อไทเกอร์นั่งลงฉลามก็ปั้นข้าวเหนียวแล้วจิ้มลงไปในน้ำพริกให้เพื่อนดู “ปั้น ๆ มันแบบนี้นะเพื่อน จากนั้นก็คุ้ยคำโป่ม ๆ แล้วหม่มกั๊บมันไปโลด” (ปั้น ๆ มันแบบนี้นะเพื่อน จากนั้นก็ตักคำใหญ่ ๆ แล้วกัดเต็มคำมันไปเลย) “ออ Got it!” (ออ เข้าใจแล้ว) ไทเกอร์พยักหน้า แล้วก็ไม่ทำให้ดูตั้งแต่ทีแรก หลังจากนั้นไทเกอร์ก็กินตามที่ฉลามบอก เขาเห็นน้ำพริกรู้ได้ทันทีว่าเผ็ดแน่ จึงเลือกที่จะจิ้มน้อย ๆ เน้นกินไข่เจียวเป็นหลัก “มึงยังบ่โปร กินคำน้อย ๆ ก่อน แล้วก็อย่าอืนลึด” (มึงยังไม่โปร กินคำเล็ก ๆ ก่อน แล้วก็อย่ากลืนเลย) ติดคอตายขึ้นมาลำบากเขาอีก “What?” (อะไรนะ?) ไทเกอร์ว่าตัวเองก็พอฟังอีสานออกอยู่บ้าง แต่เมื่อกี้ฉลามพูดอะไรเขาไม่เข้าใจจริง ๆ “Nothing” (ไม่มีอะไร) ฉลามไม่รู้จะแปลอังกฤษให้เพื่อนเข้าใจได้ยังไง จึงเลือกที่จะไม่พูดก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “คิดแล้วบ่ เรียนจบมาสิเฮ็ดหยัง?” (คิดรึยังว่าเรียนจบมาจะทำอะไร?) ฉลามมองหน้าเพื่อนขณะเอ่ยถาม คำถามนี้เขาไม่ได้เพียงถามไทเกอร์เท่านั้น มันยังถามสะท้อนมาถึงใจเขาอีกต่างหาก คาดว่าเรียนจบมาคงต้องไปทำงานที่โรงสีแทนพ่อหรือไม่ก็ทำงานที่โรงงานเหล้าของแม่ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้อยากทำสักอย่าง เขาแค่อยากเป็นคนขี้เกียจที่ร่ำรวย แต่มันเป็นไปไม่ได้ไง! ไทเกอร์เองก็ปวดหัวกับคำถามนี้ไม่น้อย เขาชะงักอยู่กับที่ ในอนาคตคาดว่าเขาต้องไปสืบทอดกิจการของฝั่งปู่แน่ ตอนนี้เขามีน้องชายชื่อจากัวร์กำลังเรียนต่อที่เดียวกัน ไม่เขาก็จากัวร์ต้องถูกบังคับไปอยู่กรุงเทพฯ หรือไม่ก็ทั้งคู่... “ไม่รู้เลย” ไทเกอร์ส่ายหน้า ดวงตาที่สดใสจู่ ๆ ก็หลุบต่ำลง เรียนจบสูงไปก็เท่านั้นอะไรที่อยากทำก็ไม่ได้ทำด้วยซ้ำเพราะเขาต้องอยู่ภายใต้กรอบคำสั่งของปู่ “มึงมีอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำไหม?” เห็นสีหน้าของเพื่อน ฉลามก็พอจะเดาออกกับสถานการณ์อึดอัดใจของไทเกอร์ เขาเลยลองถามดู “อยากใช้ชีวิตแบบยู...” ไทเกอร์เงยหน้าจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของฉลาม เขาเห็นฉลามกล้าเรียนยาวจนถึงปีแปด ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากทำบ้าง และไทเกอร์รู้ดีว่าฉลามไม่ได้เรียนโง่จนถึงกับต้องซ้ำชั้นหลายปีแต่เป็นเพราะเพื่อนของเขาต้องการทำตามใจตัวเองมากกว่า “เหอะ Are you sure?” (เหอะ นายแน่ใจเหรอ?) ฉลามหัวเราะแห้ง มันจะไปยากอะไรกับการใช้ชีวิตแบบเขา ก็แค่ขี้เกียจไปวัน ๆ แต่มันจะลำบากหน่อยแหละเพราะตอนนี้แม่ไม่ตามใจเขาแล้ว “ชัวร์” ไทเกอร์พยักหน้า “คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ งั้นคืนนี้ก็นอนแต่หัววันหน่อยแล้วกันนะ” ฉลามฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ บักไทเกอร์เดี๋ยวมึงก็ได้รู้ว่าชีวิตบักฉลามมันลำบากแค่ไหน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD