"ออกมา…จะซ่อนตรงนั้นอีกนานไหม?" ฉันค่อย ๆ โผล่หัวออกมาอย่างช้า ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ กับสามคนที่ยืนเป็นหุ่นปั้น ใช้สายตาคู่คมช้อนมองจนขนกายฉันลุกซู่ไปหมดทั้งตัว
"ใครสั่งให้เข้ามาในนี้" เสียงอันน่าเกรงขามเอ่ยถามจนสะดุ้ง ฉันเริ่มปรายตามองรอบ ๆ ถึงได้เห็นว่าตรงที่ฉันยืนอยู่เป็นหน้าโกดังเก่า ๆ ที่ดูเหมือนกำลังจะร้างเข้าทุกที
ตอนวิ่งมาก็ไม่ได้สังเกตอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรงนี้ยังมีโกดังตั้งอยู่และมีเจ้าของที่น่ากลัวขนาดนี้
"อะ เอ่อ…พอดีฉัน…" พูดอะไรไม่ออกเลยแฮะ ปกติก็ไม่ใช่คนที่จะกลัวอะไรง่าย ๆ เจอนักเลงมาก็หลายรูปแบบ แต่ทำไมกับคนนี้ฉันถึงไปต่อไม่ถูกแบบนี้
"น่ารำคาญ…" ขณะที่ฉันกำลังอึกอักอีกคนก็พูดสวนพร้อมกับล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่รอคำตอบ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่ต้องสนใจ แต่สิ่งที่เขาพ้นออกมาเมื่อครู่กำลังทำให้ความกลัวที่มีเริ่มหายลดลงจนหายไป แทนที่มาด้วยความโกรธแทน เพราะไม่เคยมีใครใช้คำว่า 'รำคาญ' กับฉันมาก่อน
"ว่าไงนะ ว่าใครน่ารำคาญวะ!?" ฉันช้อนสายตาอย่างเอาเรื่อง รีบถลาจะเข้าไปกระชากคอเสื้อแม่งจนลืมไปว่าลูกน้องของเขา…มีปืน
เท้าเรียวชะงักกึกลางอากาศเมื่อเห็นสองคนข้างหลังเลิกเสื้อขึ้นแล้วก้าวมาบังตัวเจ้านายของเขา ขณะที่ฉันก็ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังกลับมาช้า ๆ เพราะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงตายตรงนี้
"หึ ปากแบบนี้ไม่แปลกใจทำไมถึงโดนพวกนั้นรุมกระทืบ" เรียวปากหนาว่าจบก็เหยียดยิ้มมุมปาก ไล่มองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยสายตาที่กำลังดูหมิ่นดูแคลนจนฉันได้แต่กำมือแน่นเพราะทำอะไรมันไม่ได้
ความคิดที่จะเข้าไปขอบคุณในตอนแรกหายวับไปกับตา เหลือแต่เพียงความเคียดแค้นที่กำลังสั่งสมจนต้องกำหมัดแน่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"ปากคุณก็ไม่ต่างไปจากฉันนักหรอก หมาไม่ต่างกัน" ฉันด่าไว้ทิ้งท้ายก่อนที่จะรีบสับเท้าหนีอย่างไว อยู่ทำไมให้ตายเร็วล่ะ ทำเขาโกรธจัดขนาดนั้นคงไม่ส่งลูกน้องวิ่งตามมาเก็บฉันหรอกนะ
"ฟู่วววว~" ฉันถอนหายใจยาวเมื่อรอดจากสถานการณ์ไปได้อย่างหวุดหวิด ทั้งตีนจากคู่อริของไอต้นกล้า รวมไปถึงกระบอกปืนดำเมี่ยมที่เหน็บข้างเอวของพวกมาเฟียป่าเถื่อนพวกนั้น
"แก้วตาเป็นไงบ้าง" ทันทีที่เดินมาถึงแผงขายของตัวเองป้าณีก็รีบเดินเข้ามาหา ก่อนที่จะพลิกแขนซ้ายขวาเพื่อหาแผลตามร่างกายของฉัน
"นี่แก้วตานะป้า ไม่มีใครทำอะไรง่าย ๆ หรอก" ฉันยักคิ้วใส่ราวกับไม่ได้ผ่านสถานการณ์อะไรมา เอาจริง ๆ ก็ชินกับอะไรพวกนี้แล้ว ไอต้นกล้ามันสร้างเรื่องให้ไม่เว้นแต่ละวันไม่ต้องไปวิ่งออกกำลังกายที่ไหนร่างกายฉันก็แข็งแรงได้เทียบเท่ากับนักกีฬาโอลิมปิกเลย
"ป้าเห็นไอปั๊กไหม มันได้มาที่นี่หรือเปล่า?"
"นู้น…แอบอยู่ตรงนู้นน่ะ" ฉันมองไปตามนิ้วเรียวของป้าณีที่ชี้ไปที่ตัวการของเรื่อง จนเด็กวัยสิบขวบลูกของแม่ค้าในตลาดโผล่หัวขึ้นมายิ้มแห้งให้ ขณะที่ฉันก็ยิ้มมุมปากหนึ่งข้างกระดิกนิ้วให้มันเดินมาหาใกล้ ๆ ตัว
"แหะ…เจ๊…"
"ไง…มีอะไรจะแก้ตัว"
"ผะ ผมรีบนี่หนาเจ๊ ไม่ทันได้สังเกตหรอกว่าใครพวกใครบ้าง เห็นพี่ต้นกล้ากำลังจะถูกทำร้ายก็รีบมาบอกเจ๊เลย"
"แกกำลังจะทำให้ฉันถูกกระทืบตายหลังตลาด"
"แต่เจ๊ก็รอดมาได้ ผมรู้ว่าลูกพี่ผมเก่งอยู่แล้ว"
"เหรอ…ไอปั๊ก!" ฉันขึ้นเสียงใส่เด็ก ใจหนึ่งก็โมโหที่มันเกือบทำให้ชีวิตฉันไม่รอด แต่อีกใจมันก็เป็นเด็กที่หวังดีกับฉันคนหนึ่ง เป็นเหมือนน้องชายอีกคนก็โกรธมันไม่ลงเหมือนกัน
"ผมชื่อปลั๊ก ไม่ใช่ปั๊ก…เรียกเป็นพันธุ์หมาเลยเจ๊"
"ก็กูจะเรียกแบบนี้"
"ผมก็ยอมแค่เจ๊คนเดียวนั้นแหละ" มันก็พึมพำไปตามประสาเด็ก
"แล้วไอต้นกล้าอะ"
"พี่ต้นกล้ากลับบ้านไปตั้งนานแล้ว"
"เออก็ดีแล้ว แกจะไปไหนก็ไปไป เกะกะหน้าร้าน" ฉันปัดป่ายมือไล่ไอปั๊ก จนมันเล่นหูเล่นตาใส่ฉันคว้าส้มไปหนึ่งลูกก็รีบวิ่งหนีไป กวนตีนจริง ๆ
"ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกที่แท้จริง" ฉันถอนหายใจอย่างน่าเบื่อเมื่อสายตาดันเหลือบไปเห็นคนที่กำลังใกล้เดินเข้ามา
ชายหนุ่มสองคนลูกเจ้าของตลาดที่กำลังเดินไล่เก็บค่าเช่าที่ทีละคน ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีจ่ายให้ แต่เพราะหัวหน้ามันชอบมาวอแวจนน่ารำคาญต่างหากฉันถึงไม่ชอบใจ
"ป้าฉันฝากเงินให้มันนะ ไปเข้าห้องน้ำก่อน" ฉันรีบเดินเข้าไปหาป้าณีพร้อมกับฝากเงินค่าเช่าที่ไว้ ส่วนฉันก็เตรียมจะหนีมันไปอีกทางเพราะไม่อยากอยู่สนทนาให้อารมณ์เสียไปมากกว่านี้
"น้องแก้วตา~" แต่เท้ายาวที่กำลังจะก้าวหนีก็ต้องชะงักเมื่อไม่ทันความไวของไอกัลป์ที่เรียกไว้แล้วมายืนดักขวางหน้าฉันไว้ก่อน
"กูกับมึงอายุเท่ากัน" ฉันกรอกตาใส่แล้วเดินกลับไปนั่งที่แผงขาย ยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่แล้วก็ไม่รู้จะหนีต่อไปทำไม ฉันเอาเงินที่ฝากป้าณีไว้กลับมาใหม่แล้วรีบยัดใส่มือของมันแล้วออกปากไล่ทันที
"ได้เงินแล้วก็รีบไป กูจะขายของ"
"ทำไมมึงไม่พูดกับกูเพราะ ๆ มั้งวะ กูอุตส่าห์พูดดีด้วย"
"มึงยังไม่ชิน?" ฉันกับไอกัลป์เราอายุเท่ากัน เรียนมัธยมที่เดียวกันมันก็ขยันตามติดฉันตลอด ทั้งที่ฉันออกตัวว่าไม่ชอบมันขนาดไหนแต่ก็ยังตื้อน่ารำคาญไม่เลิกเหมือนเดิม
"กัลป์เจ็บมากนะที่แก้วตาพูดแบบนี้"
"มึงเลิกน้ำเน่า แล้วออกไปได้แล้วไป กูจะขายของโว้ย"
"งั้นกูเหมา"
"ไม่ต้อง กูทำมาหากินของกูเอง ไม่ต้องมาทำตัวใจป๋า"
"เมื่อไหร่มึงจะรับความช่วยเหลือจากกูบ้างวะ อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกันนะเว้ย"
"ไว้กูจนตรอกวันไหนกูจะขอมึงช่วย"
"แม่งก็พูดแบบนี้ตลอด" ว่าจบมันก็รีบเดินออกไปด้วยใบหน้าไม่พอใจ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ทำตัวใจป๋าแบบนี้กับฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดนฉันปฏิเสธทุกครั้งจนฉันนับถือในความพยายามของมันแต่ก็นั้นแหละยังไงฉันก็มองมันเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้อยู่ดี