“พ่อคะ ไม่ต้องห่วงอัญหรอกค่ะ อัญแค่มาเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน แต่พ่อไม่รู้จักเขาหรอกค่ะ และที่อัญปิดมือถือ ก็เพราะอัญกลัวแบตหมดค่ะ อัญลืมเอาที่ชาร์ตแบตเตอรี่มา ดังนั้นช่วงนี้อัญอาจไม่ได้ติดต่อกับที่บ้านสักพักนะคะ พรุ่งนี้เย็นๆ อัญก็กลับแล้วค่ะ”
“อัญ! เดี๋ยวลูก ยัยอัญ!”
เสียงปลายสายตัดไปแล้วเพราะอัญชนาไม่อยากโกหกต่อ ด้วยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน
อัญชนาโกหกในบางเรื่องเพราะไม่ต้องการให้คนที่บ้านเป็นห่วง แค่พ่อกับแม่ของเธอกลุ้มใจเรื่องธุรกิจที่ไม่เคยจะเล่าความจริงให้ลูกๆ ฟังท่านทั้งสองก็เครียดมากพอแล้ว เธอก็เลยไม่อยากให้ท่านทั้งสองต้องมารับรู้การตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ เพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าวิธีนี้จะทำให้พ่อกับแม่ของเธอสบายใจขึ้นหรือเปล่าถ้าได้รับรู้ความจริงทั้งหมด
ปัญหาทางธุรกิจนายอนุเดชกับคุณหญิงบุษกรไม่เคยเล่าอะไรให้ลูกๆ ฟัง เพราะกลัวว่าลูกสาวทั้งสองจะทำใจยอมรับไม่ได้ แต่อัญชนาก็แอบได้ยินเรื่องกลุ้มใจที่พ่อกับแม่ทั้งสองคุยกันจนได้ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง
แต่ทั้งคู่ก็ไม่รู้หรอกว่าอัญชนาแอบเข้ามาได้ยินในสิ่งที่พวกเขาสองคนกำลังคุยกันถึงปัญหาที่ร้านเคเคไดมอนด์กำลังจะถูกฟ้องล้มละลายในไม่ช้านี้ ถ้าไม่มีเงินจำนวนมหาศาลไปใช้หนี้ธนาคารภายในเวลาสามเดือนนี้
ที่บ้านพักตากอากาศหัวหิน
อัญชนาถูกใช้ให้ไปทำความสะอาดห้องนอน และลงมาทำอาหารเย็นให้กับเขา กฤตภพ หิรัญภักดี เจ้าของบ้านผู้แสนเย็นชา อัญชนารู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ว่าทำไมทั้งบ้านจึงดูเงียบเชียบผิดปกติ สายตาคู่สวยพยายามที่จะมองหาแม่บ้านหรือว่าคนใช้ที่น่าจะอยู่ในบ้านแต่ก็หาไม่เจอ
ด้านในบ้านส่วนใหญ่ถูกจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและดูสะอาดสะอ้าน ห้องครัวก็มีทุกอย่างครบครัน แต่คนใช้หายไปไหนหมด ทั้งบ้านตอนนี้มีเพียงเธอกับเขาเท่านั้นที่อาศัยอยู่
กฤตภพอยากจะรู้ว่าลูกคุณหนูไฮโซอย่างอัญชนาจะทำงานบ้านงานเรือนเป็นกับเขาหรือเปล่า เพราะถ้าไม่...หล่อนทำอะไรไม่เป็นเลย เขาก็คงไม่รับพิจารณาที่จะให้หล่อนมาเป็นเมียของเขาหรอก และสิ่งที่เขาจะพิสูจน์ต่อไป ยิ่งสำคัญมากที่สุด เพราะถ้าหล่อนไม่ผ่าน นั่นก็หมายความว่า เขาจะไม่แต่งงานกับหล่อนแน่นอน
ใครจะว่าเขาเห็นแก่ตัวหรือร้ายกาจยังไงก็ช่าง แต่เขาจะใช้วิธีการของเขาในการที่จะตกลงหรือไม่ตกลง เพราะชีวิตโสดของเขามีค่าเกินกว่าที่จะมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่มีดีอะไรเลย
เขารู้ว่าครอบครัวของหล่อนเดือดร้อนมากแค่ไหน แต่หล่อนก็เคยสบประมาทเขาเองนี่ หล่อนพูดเองนี่ว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่มีวันยอมเป็นเจ้าสาวของเขาแน่ แต่วันนี้หล่อนก็กลับคำเสียเอง ที่สำคัญหล่อนทำเพื่อเงินเท่านั้น
ผู้หญิงอย่างอัญชนาไม่ได้แต่งงานกับเขาเพราะอารมณ์พิศวาสเลยสักนิด แล้วมันจะสนุกอะไรล่ะ ถ้าหากเขาไม่แกล้งหล่อนคืนบ้าง จะได้รู้ว่าเวลาที่ถูกคนอื่นสบประมาทตัวเองบ้างหล่อนจะรู้สึกเช่นไร
เพราะว่าเมื่อก่อนครอบครัวของเขาอาจจะไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเช่นทุกวันนี้ แม้แต่ผู้หญิงอย่างอัญชนาก็ยังมองเขาอย่างหมิ่นๆ แถมทำหน้ารังเกียจอย่างกับเขาเป็นไส้เดือนกิ้งกือ ทำท่ารังเกียจเดียดฉันท์จนกระทั่งเขาเรียนจบมหาวิทยาลัย นี่แหละที่เป็นเหตุผลสำคัญที่เขาอยากจะเอาคืนหล่อนให้สาสมใจ
ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว อัญชนายกสำรับกับข้าวออกมาวางไว้ที่โต๊ะอาหาร กฤตภพมองทุกการกระทำของแม่ครัวสาวที่บรรจงเสิร์ฟอาหารแต่ละอย่างวางเรียงไว้บนโต๊ะ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นั่งสิ คุณทานก่อน ผมกลัวว่าคุณจะใส่ยาพิษลงไป เพราะผู้หญิงอย่างคุณท่าทางไว้ใจได้เสียเมื่อไหร่ล่ะ”
อัญชนาก้มหน้านิ่งไม่คิดต่อกรกับเขา เถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ ผู้ชายอย่างกฤตภพเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง ความเห็นอกเห็นใจสักนิดก็ไม่มี ความเป็นสุภาพบุรุษไม่ต้องพูดถึง คนอย่างเขาคงจะสะกดมันไม่เป็นด้วยซ้ำ
ร่างบางตักข้าวเข้าปากสองสามคำ พยายามเคี้ยวและกลืนลงไปอย่างยากลำบาก นี่ล่ะน้า คนโบราณเขาถึงได้บอกว่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก จะกลืนอาหารลงคอทั้งทีก็ยังต้องพยายาม ไม่รู้ว่าจะมองหน้ากันแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่
“เอาละ ทีนี้ผมอนุญาตให้คุณจะพูดจะถามอะไรก็ได้ เพราะค่ำคืนนี้ผมไม่อยากอยู่ร่วมชายคากับคนใบ้ โดยเฉพาะคนใบ้หน้าบึ้งๆ อย่างคุณ”
อัญชนาไม่ตอบว่าอะไร หล่อนยังรับประทานอาหารเงียบๆ ไปเรื่อยๆ นานๆ ทีถึงจะเงยหน้าสบตาเขาทีหนึ่ง จนกฤตภพเป็นฝ่ายอดไม่ได้เสียเองที่ต้องทนอยู่กับความเงียบที่น่าอึดอัดแบบนี้
“คุณมีชื่อเล่นมั้ย” กฤตภพถามหล่อนห้วนๆ
“มี” อัญชนาตอบสั้นๆ แล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ
“จะให้ผมเรียกคุณว่าอะไร”
“เรียกอัญเฉยๆ ก็ได้”
“โอเค ต่อไปนี้ผมจะเรียกคุณว่าอัญ ส่วนคุณก็เรียกผมว่าคุณกฤต และคุณต้องแทนตัวเองว่าอัญด้วยนะ ห้ามแทนคำว่าฉัน เพราะผมไม่ชอบ” เขาบอกคล้ายกับออกคำสั่งจนอัญชนาแอบนึกค้อนเขาอยู่ในใจ
‘คนอะไรเผด็จการชะมัด ชอบบังคับคนอื่นอยู่เรื่อย’
สายตาสวยหวานมองคู่สนทนาตรงหน้าด้วยความเอือมระอา และต้องถอนหายใจเบาๆ เมื่อต้องทำตามที่เขาบอก หล่อนขี้เกียจขัดใจเขาตอนนี้ ยิ่งมองหน้าเขาหล่อนก็ยิ่งอึดอัด แต่เมื่อถูกจ้องนานๆ หญิงสาวก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียเฉยๆ
“อัญอิ่มแล้วค่ะ” อัญชนาบอกเขา และเตรียมตัวจะลุกออกจากโต๊ะ
“เดี๋ยวสิ นั่งเป็นเพื่อนผมก่อน ผมไม่ชอบนั่งทานข้าวคนเดียว”
“ค่ะ”
ร่างบางนั่งลงอย่างเสียไม่ได้
แล้วกฤตภพก็นั่งทานข้าวต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอิ่มจึงได้สั่งให้อัญชนาเอาถ้วยชามไปล้างและอาบน้ำพักผ่อนได้ ส่วนตัวเขายังคงเดินเล่นเลาะชายหาดไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจว่าอัญชนาจะหนีไปไหน เขาไม่ได้แคร์หล่อนอยู่แล้วว่าหญิงสาวจะอยู่หรือว่าจะไป และไม่ได้คิดที่จะแต่งงานกับหล่อนเลยด้วยซ้ำ
เวลานี้เขาไม่คิดที่จะแต่งงานกับใครทั้งนั้น เขาแค่สามสิบต้นๆ ยังไม่อยากมีห่วงผูกคอ เขายังอยากใช้ชีวิตอิสระตามที่หัวใจปรารถนา ยังไม่อยากเป็นพ่อบ้านที่คอยดูแลเมียกับลูกๆ
แต่กรณีของอัญชนามันแตกต่างออกไป การแต่งงานครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นถ้าหล่อนทำตามข้อเสนอของเขาทุกอย่าง
ที่สำคัญเขาต้องการใช้ชีวิตโสดอย่างที่เคยเป็นมา อัญชนาไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของเขา เขาสามารถที่จะไปไหนมาไหนกับใครก็ได้ทั้งนั้น สามารถใช้ชีวิตชายโสดอย่างที่เคยเป็น ถ้าหล่อนยอมรับทุกอย่างได้ เขาก็อาจจะยอมตกลงแต่งงานกับหล่อนตามที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเคยคุยกันเอาไว้
ก็แค่สองปีที่ต้องแต่งงานกับหล่อน เพื่อช่วยกู้ธุรกิจที่กำลังจะล้มละลายของครอบครัวหล่อนกลับคืนมา และช่วยกู้หน้าการเป็นภรรยาสักสองปีแล้วค่อยหย่า
มันก็คงจะไม่เลวร้ายจนเกินไปที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนนี้ คนที่เขาไม่เคยคิดที่จะให้หล่อนมาเป็นเมียของเขาจริงๆ อย่างมากอัญชนาก็เป็นได้แค่เพียงเมียบำเรอให้กับเขายามที่เขาต้องการหล่อนแค่นั้น
ในชีวิตนี้เขาไม่อยากรักและจริงจังกับผู้หญิงคนไหนอีก ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยรักใคร เขาเคยรักผู้หญิงคนหนึ่งมาก่อน หล่อนชื่อ ศศิวิมล สุขสันติเจริญ หล่อนสวยมาก และมีชื่อเสียง เพราะหล่อนเป็นถึงนางแบบที่ขายดีที่สุด ค่าตัวแพงที่สุดเมื่อสามปีที่แล้ว
ศศิวิมลแอบไปคบกับหนุ่มลูกครึ่ง ที่ทำงานสายงานเดียวกันจนได้เสียกันในขณะที่ยังคบกับเขาอยู่ แต่พอจับได้หล่อนก็ท้องเสียแล้ว เขารู้ว่าลูกในท้องไม่ใช่ลูกของเขา และเขาก็คาดเดาถูกชายชู้คนนั้นก็แสดงตัวออกมาทันทีว่าเป็นอะไรกับหล่อน