กฤตภพถอนริมฝีปากออกอย่างหงุดหงิดและเสียดายเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าอัญชนาทำมารยาใส่เขาหรือเปล่า มารยาหญิงหลายร้อยเล่มเกวียน น้ำตาก็เป็นอุบายอย่างหนึ่งที่ผู้หญิงทำให้ผู้ชายใจอ่อนมาเยอะแล้ว เขาไม่มีทางหลงกลหล่อนง่ายๆ หรอก เขารู้ว่าวันนี้อัญชนาต้องเตรียมแผนการต่างๆ ไว้ในใจอยู่แล้ว แผนการที่จะทำให้เขาต้องแต่งงานกับหล่อน
“อะไรกันคุณ แค่นี้ก็ร้องไห้ ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้อย่าเอามาใช้กับผมอีกนะ ผมไม่มีทางใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงที่มาร้องขอให้ผมแต่งงานด้วยหรอก นี่ขนาดจูบยังร้องไห้แบบนี้ แล้วนี่ถ้าผมทำอะไรคุณมากกว่านี้ คุณจะไม่ร้องไห้ลั่นห้องจนถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายหรอกเหรอ แบบนี้ผมไม่แต่งงานด้วยหรอกนะ ผมไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง มันน่าเบื่อ เข้าใจมั้ย!”
ร่างหนาลุกยืนขึ้น รีบแต่งตัวให้เข้าที่ มองเธออย่างเหยียดหยาม และกำลังจะเดินไปที่ประตู อัญชนามองแผ่นหลังของเขาด้วยหัวใจที่ร้าวราน ทำไมเขาถึงได้ร้ายกาจแบบนี้ ผู้ชายไม่มีหัวใจ เธอเกลียดเขาที่สุด แต่เธอก็ต้องร้องขอทั้งน้ำตา แม้ว่าจะถูกเขามองมาอย่างดูถูกเหยียดหยามจนไม่เหลือศักดิ์ศรีก็ตาม
“คุณกฤต”
เสียงเรียกชื่อของเขาขณะที่มือเรียวใหญ่กำลังจะบิดลูกบิดเปิดประตูออกไปจากห้อง เท้าสองข้างต้องชะงัก มือเรียวลู่ลงข้างลำตัว ก่อนที่จะหันมาสบตาหญิงสาวอีกครั้ง
“ฉันจะไม่ร้องไห้ให้คุณเห็นอีก ฉันสัญญา แต่ได้โปรด...แต่งงานกับฉันเถอะนะ ฉันจะอยู่กับคุณให้ครบกำหนดสองปี หลังจากนั้นฉันจะหย่าให้คุณ และระหว่างที่ฉันอยู่กับคุณ คุณจะทำอะไรก็ได้ ฉันขอแค่อย่างเดียว ช่วยพยุงเคเคไดมอนด์ของครอบครัวฉันให้กลับมายืนหยัดได้เหมือนเดิมฉันก็พอใจแล้ว ที่เหลือคุณจะให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้น”
มือบางปาดน้ำตาออกจากแก้ม กัดริมฝีปากแน่นเพื่อให้น้ำตาหยุดไหล จนมันเหือดแห้งไปในที่สุด
ร่างสูงใหญ่หันมามองด้วยแววตาเรียบเฉย นี่เหรอคือผู้หญิงที่ไม่คิดจะเป็นเจ้าสาวของเขา หล่อนเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ทำไมพ่อแม่ของหล่อนถึงอยากยัดเยียดลูกสาวตัวเองให้กับเขานัก เศรษฐีคนอื่นรวยๆ ก็มีมากมายทำไมถึงไม่ไปเอามาเป็นลูกเขย ทำไมผู้ชายโชคร้ายคนนั้นต้องเป็นเขาด้วย เขาไม่เข้าใจจริงๆ
“ทำไมผู้ชายคนนั้นต้องเป็นผมด้วยล่ะอัญชนา ทำไมคุณถึงไม่ไปหาสามีรวยๆ คนอื่น คุณเองก็ไม่ได้พิศวาสผม ส่วนผมก็ไม่คิดนึกชอบคุณ เราต่างก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษต่อกัน ทำไมคุณยังต้องอ้อนวอนขอร้องผมอีก ผมไม่เข้าใจ”
ทำไมนะ พอเขาพูดแบบนี้ตรงๆ หล่อนกลับรู้สึกเสียวแปลบๆ ในหัวใจ ทั้งๆ ที่หล่อนไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้ด้วยซ้ำ มันเป็นเพราะอะไรกัน
“เพราะพ่อแม่ของฉันกับพ่อแม่ของคุณเป็นเพื่อนรักกัน และพ่อกับแม่ของฉันต้องการคุณเป็นลูกเขย ที่สำคัญพ่อของฉันกำลังไม่สบาย ท่านเป็นโรคความดันโลหิตสูงเครียดไม่ค่อยได้ ส่วนแม่ของฉันก็เพิ่งตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ฉันไม่อยากให้ท่านทั้งสองเครียดไปมากกว่านี้”
อัญชนาพยามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดฤทธิ์เมื่อนึกถึงอาการป่วยของพ่อกับแม่ของเธอ แค่กลัวว่าท่านอาจจะจากไปก่อนเวลาอันควร แค่นี้หัวใจของเธอก็เหมือนถูกบีบอย่างแรงจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
กฤตภพถอนหายใจหลายครั้ง มองหน้าผู้หญิงที่เคยพูดจาและมองเขาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามมาก่อนอย่างเบื่อหน่าย เพื่อพ่อแม่หล่อนยอมทำได้ทุกอย่างจริงเหรอ อยากจะรู้นัก
“แต่งตัวสำรวจตัวเองหน้ากระจกให้เรียบร้อย แล้วลงไปรอผมที่รถ ผมสั่งงานลูกน้องเสร็จแล้วจะตามลงไป ไม่ต้องถามว่าจะไปไหน เวลานี้คุณต้องทำตามที่ผมสั่งเท่านั้น เข้าใจนะ”
เขามองเธอด้วยสายตาทรงอำนาจ ออกคำสั่งกับเธอเหมือนเธอเป็นแค่ลูกน้องของเขา แต่ที่แย่ไปกว่านั้น คือหล่อนไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆ นี่สิ
แล้วนี่เขากำลังคิดจะทำอะไร เขาจะพาเธอไปไหน อัญชนาเดาไม่ถูกเลย ตกลงเขาจะยอมแต่งงานกับเธอหรือเปล่า สมองของเธอว้าวุ่นไปหมด แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ถาม ร่างบางได้แต่ลุกออกจากเตียงและทำตามที่เขาสั่ง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปรอเขาที่รถ
อัญชนาต้องมานั่งรถสปอร์ตคันหรูของเขา ในขณะที่ความสงสัยเข้าจู่โจมในหัวจนแทบจะระเบิด กฤตภพพาเธอขับรถออกไปไกลจากโรงแรมหรูมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่บอกว่าจะพาเธอไปไหน อยากถามแต่เขาก็ห้ามไว้ล่วงหน้าแล้ว ร่างบางจึงได้แต่นิ่งเงียบไปตลอดทาง
แล้วรถสปอร์ตสีแดงวาววับก็เลี้ยวเข้าภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ท่ามกลางความงุนงงของหญิงสาวที่นั่งรถมาด้วย กฤตภพไม่พูดอะไร เขาเปิดประตูรถลงมาโดยไม่ได้เดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้อัญชนา แต่หล่อนก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วว่าเขาจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับเธอ
ร่างบางเดินตามคนตัวโตเข้าไปในร้าน ก่อนที่จะได้ยินเขาสั่งอาหารกับพนักงานในร้านไม่กี่นาทีก็นั่งลงที่โต๊ะ
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม ฉันไม่ได้หิวข้าวนะ”
อัญชนาปากแข็ง ทั้งที่ท้องของหล่อนร้องประท้วงมาตั้งหลายนาทีแล้ว
“แต่ผมหิว และคุณก็ต้องกินเป็นเพื่อนผมด้วย ถ้าคุณไม่กินก็นั่งแท็กซี่กลับไปได้เลย ผมไม่ได้บังคับ”
เขาพูดหน้าตาเฉย ไม่ได้แคร์ความรู้สึกของหล่อนเลยสักนิด แต่หญิงสาวจะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อสถานะของเธอตอนนี้ต้องง้อเขานี่
อัญชนาเม้มปากตัวเองแน่นอย่างเก็บกด นี่ถ้าหล่อนไม่ห่วงพ่อกับแม่ของหล่อนละก็ ชาตินี้ผู้หญิงอย่างเธอก็ไม่มีวันจะยอมอ่อนข้อให้เขาเด็ดขาด หญิงสาวจำได้ว่าตั้งแต่เกิดมาเธอก็ยังไม่เคยต้องงอนง้อผู้ชายคนไหน เขาเป็นคนแรกที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในที่นั่งลำบากแบบนี้
“คุณนี่มันเผด็จการชัดๆ”
‘คอยดูนะ ฉันจะหาทางเอาคืนคุณให้ได้!’
อัญชนามองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่เขาก็ไม่ได้มองหน้าเธอสักนิด ร่างหนาเอาแต่นั่งทานข้าวเมื่ออาหารจานพิเศษมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ท่าทางเขาคงจะหิวจริงๆ แต่เธอก็หิวเหมือนกันแหละ
อย่าว่าแต่เขาเลยที่เอาแต่ก้มหน้าทานข้าว เธอเองก็เหมือนกัน พอคำแรกถูกกลืนลงคอถึงได้รู้ตัวว่าหิวมาก จนข้าวในจานเกลี้ยงเกลา
ถ้าตาไม่ฝาดหล่อนสาบานได้ว่าเห็นเขาแอบหัวเราะเธอเล็กน้อยเบาๆ ตอนที่เขาเห็นเธอก้มหน้าก้มตาทานข้าวไม่หยุดอย่างกับคนหิวโซ
‘ผู้หญิงปากแข็ง หิวข้าวจะตายอยู่แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าไม่หิว’
กฤตภพมองจานข้าวของคนตรงหน้าแวบหนึ่ง ก่อนที่จะเรียกบ๋อยมาเก็บเงิน และเดินออกไปแบบไม่ชวนคนที่นั่งตรงหน้าเลยสักคำ
‘ผู้ชายอะไรเย็นชาที่สุด!’
อัญชนาบ่นอุบอิบในใจ และเดินตามหลังเขาไปโดยไม่พูดไม่จา
อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะพาเธอไปไหนต่อ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอแค่เขาตอบตกลง ทุกอย่างที่เธอยอมก็ถือว่าคุ้ม แต่เธอก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ในตอนนี้ เพราะท่าทางของเขาไม่ได้บอกว่าจะยอมตกลงแต่งงานกับเธอตามที่ร้องขอ
รถสปอร์ตสีแดงคันหรูวิ่งไปตามท้องถนนไกลออกไปเรื่อยๆ จนถึงหัวหิน
‘นี่เขาพาเธอมาที่นี่ทำไมเนี่ย อย่าบอกนะว่าจะพาเธอมานอนค้างที่นี่ ไม่นะ! เขาคงจะไม่ทำอะไรอย่างที่เธอคิดไปไกลหรอกนะ’