ฉันจำเป็นต้องแต่งงานกับคุณนะ(ถ้าผมไม่แต่งล่ะ?)

1418 Words
      สิบปีกว่าแล้วที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน แต่วันนี้กฤตภพถูกอัญชนาขอร้องให้มาเจรจาด้วย ชายหนุ่มอยากจะรู้นักว่าหล่อนมีความจำเป็นอะไรนักหนา ถึงยอมลดตัวมานัดคุยกับผู้ชายที่หล่อนไม่คิดที่จะชายตาแลตั้งแต่แรกเห็น แต่เขาก็พอจะรู้เหมือนกันว่าตอนนี้ฐานะทางครอบครัวของหล่อนไม่ค่อยจะมั่นคงนัก หรือเพราะด้วยเรื่องนี้หรือเปล่าที่อัญชนาตั้งใจจะมาคุยกับเขา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาก็อยากจะลองฟังข้อเสนอที่น่าสนใจจากหล่อนดูสักครั้ง          รถสปอร์ตคันหรูราคาแพงลิบสีแดงวาววับแล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ กับรถฮอนด้าแจ๊สสีแดงคันหรูโดยบังเอิญ ทั้งคู่เปิดประตูรถออกมาพร้อมกัน อัญชนาสาบานได้ว่า ตาของหล่อนไม่ได้ฝาดไปแน่ๆ ว่าผู้ชายที่หล่อนเห็นตรงหน้าคือกฤตภพ หล่อนจำแววตาของเขาและริมฝีปากของเขาได้ดี แววตากระด้างเย็นชา ริมฝีปากบางหยักได้รูปแต่ไม่เคยยิ้มนั่น ต้องใช่เขาแน่! แต่ทำไมวันนี้ชายหนุ่มกลับไม่ได้ผอมแห้งอย่างแต่ก่อน ทรงผมก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน          ผู้ชายรูปร่างสูงราวกับนายแบบ ที่กำลังยืนมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณาเช่นกัน ร่างกายของเธอร้อนผ่าวราวกับจะจับไข้ เมื่อสบสายตาที่มีเสน่ห์แสนร้ายกาจของเขานั่น ท่าทางเย็นชาที่ยังสัมผัสได้ว่ามันดูเร้าใจแค่ไหนเมื่ออยู่ภายใต้ท่วงท่าน่าเกรงขามในชุดสูทสีเทามันเลื่อมอย่างมีคลาส กลิ่นน้ำหอมจางๆ แนวสปอร์ตที่ลอยมากระทบจมูกทำให้หญิงสาวแทบจะทรงตัวไม่อยู่เมื่อสูดมันเข้าไป          “คุณมองผมพอหรือยัง ถ้ายังคุณอยากจะไปสำรวจต่อในห้องนอนของผมก็ได้นะ ผมยินดีให้คุณสำรวจทุกซอกทุกมุมเชียวละ” ทั้งแววตาและคำพูดส่อเสียดเป็นนัยๆ ให้รู้ว่าเขาไม่คิดจะให้เกียรติหล่อนเลยสักนิด          นี่เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันนะ ถึงได้พูดจาจาบจ้วงหยาบคายไร้มารยาทผู้ดีแบบนี้ หรือเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นต่อ  หรือเพราะรู้ว่าเธอกำลังเดือดร้อนเขาจึงอยากจะแกล้งเธอให้ได้อายและเจ็บใจเล่น ผู้ชายอะไรช่างร้ายกาจและปากมอมเป็นที่สุด แต่หญิงสาวก็ต้องควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองไว้สุดฤทธิ์ เธอยังมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเขา          “ขอบคุณค่ะที่คุณให้เกียรติฉันถึงเพียงนี้ และจะขอบคุณมากถ้าคุณจะคุยกับฉันต่อในที่ที่เรานัดกันเอาไว้ตามลำพังสองคน”          “ใจร้อนจริงนะแม่คู้ณ”          กฤตภพมองอัญชนาตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ใช่การดูถูกแต่เขากำลังมองหล่อนอย่างทึ่งๆ ต่างหาก ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวที่เขาเห็นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วจะสวยขึ้นจนผิดหูผิดตามากขนาดนี้ หล่อนดูสวยขึ้นใสขึ้นและยังอึ๋มมากขึ้นอีกด้วย ผิวพรรณของหล่อนก็น่าสัมผัส โดยเฉพาะริมฝีปากอิ่มบางสีสตรอว์เบอร์รี่สุกนั่นช่างน่าลิ้มลองยิ่งนัก อยากจะรู้เหมือนกัน ว่านอกจากปากของหล่อนจะช่างเจรจาแล้ว ปากเล็กนั่นยังสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง          “ว่าไงคะ คุณพร้อมที่จะคุยหรือยัง ฉันใจร้อนจริงๆ ค่ะ” หล่อนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย มองเขาด้วยแววตาท้าทาย          “ได้สิ”          ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ วางแขนงอข้อศอกอยู่ในท่าที่เชิญชวนให้หล่อนเข้ามาควง อัญชนาฝืนใจมากที่สุด ร่างบางยืนถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนที่จะหายใจเข้าปอดลึกๆ เม้มริมฝีปากแน่น แล้วยื่นมือออกไปควงแขนเขาด้วยสีหน้าที่พยายามปรับให้ดูเรียบเฉยมากที่สุด          ผู้บริหารหนุ่มพาคู่กรณีของเขาเดินขึ้นไปยังห้องพักส่วนตัวบนโรงแรมสุดหรูของเขา วันนี้จะเป็นวันเดียวที่เขาจะเจรจาต่อรองกับหล่อน โดยที่ทางครอบครัวของแต่ละฝ่ายไม่ได้รับรู้ และเป็นวิธีเดียวที่เขาคิดว่าจะสามารถทำอะไรตามหัวใจของตนเองได้ ถ้าอัญชนาจะร่วมมือกับเขา แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ว่าหล่อนจะเอายังไง และเขายังจำได้แม่นกับคำที่หล่อนเคยสบประมาทเขาเอาไว้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่เขาจะเอาคืนหล่อนแน่นอน          เมื่อเข้ามาในห้องพักสุดหรู อัญชนาก็รู้สึกหวาดหวั่นในใจชอบกล นี่หล่อนประหม่ามากขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย ทั้งที่ก่อนหน้านี้หญิงสาวก็เตรียมใจในการที่จะมาเข้าพบกับเขาในวันนี้แล้ว ว่าหล่อนจะไม่มีทางหวั่นไหวต่อเขาโดยเด็ดขาด แต่พอมาอยู่ต่อหน้าเขาจริงๆ ทำไมหล่อนถึงได้ตื่นเต้นและประหม่าแบบนี้ก็ไม่รู้สิ ก็เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าสายตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอทุกฝีก้าว จนร่างกายของเธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พอเอาเข้าจริงๆ หัวใจที่เคยแข็งแกร่งไม่เคยหวั่นไหวอะไรง่ายๆ ก็มาตกม้าตายเพียงเพราะอยู่ชิดใกล้กับเขา ผู้ชายที่เต็มไปด้วยอำนาจเสน่หาบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ นี่เขาจะรู้มั้ยนะว่าตอนนี้ภายในหัวใจของเธอมันรู้สึกสั่นไหวแปลกๆ          “เชิญนั่งครับ” เขาพูดยิ้มๆ แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์มากที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเจอ นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่นะ          “ขอบคุณ” ร่างบางนั่งลงตรงเก้าอี้ที่แกะสลักเสลาลวดลายได้สวยงามเป็นพิเศษ ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา เขามองเธอแบบนี้อีกแล้ว จนเธอเรียบเรียงคำพูดที่จะคุยกับเขาแทบไม่ถูก          “คุณพูดธุระของคุณมาก่อนแล้วกัน แล้วกรุณาพูดสั้นๆ กะทัดรัด และได้ใจความด้วยนะครับ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่ทว่านัยน์ตาของเขานี่สิมันดูไหวระริกไปมาไม่หยุดนิ่ง และดูเหมือนว่าเขากำลังจ้องมองเธออย่างสำรวจคล้ายกำลังประเมินราคาตัวเธออยู่อย่างนั้นแหละ          “ค่ะ”          แววตาชวนฝันของเขามองริมฝีปากอิ่มเล็กของหญิงสาวนิ่ง รอฟังว่าหล่อนจะพูดอะไรกับเขา อัญชนารู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก นี่เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าสายตาของเขาทำให้เธอเสียสมาธิมากแค่ไหน          “วันนี้ฉัน...ตั้งใจมาคุยเรื่องงานแต่งงานของคุณกับฉัน” หญิงสาวเงียบไปสักพัก เพราะกำลังกลั่นกรองคำพูดที่น่าจะกะทัดรัดและได้ใจความตามที่เขาต้องการมากที่สุด          “ครับ ผมกำลังฟังอยู่” เขามองพวงแก้มที่กำลังแดงระเรื่อขึ้นอย่างเผลอไผล ก่อนที่จะตวัดสายตามามองดวงตาคู่สวยของหล่อนอีกครั้งอย่างตั้งใจ “ฉันต้องการแต่งงานกับคุณ เอ่อ...ไม่ใช่ว่าฉันจะเต็มใจนะคะ คือว่าฉัน...จำเป็นต้องแต่งงานกับคุณ เพราะ...เพราะพ่อกับแม่ของฉัน ท่าน...ท่านกำลังไม่สบาย” หญิงสาวพูดตะกุกตะกักไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก เพราะถูกเขาจ้องมองแทบไม่กะพริบตา ผู้หญิงคนไหนที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้ก็คงจะขาดความมั่นใจเหมือนหล่อนเช่นกัน          “จำเป็นมากเลยเหรอ ทีเมื่อก่อนไม่เห็นพูดแบบนี้นี่ คุณคิดเปลี่ยนใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือตั้งแต่ที่คุณเห็นผมที่ลานจอดรถ” เขาอยากจะรู้นักคุณหนูไฮโซผู้เหย่อหยิ่งจะหยิ่งผยองไปได้สักกี่น้ำ เขายังจำได้ดีในท่าทางเหย่อหยิ่งยโสของหล่อนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หญิงสาวหยิ่งผยองไม่พอ หล่อนยังมีสีหน้าท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์และหยามหมิ่นศักดิ์ศรีของเขาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ในตลอดระยะเวลาหลายปีที่เคยรู้จักกันมา          “ฉันจำเป็นต้องแต่งงานกับคุณเพื่อทดแทนพระคุณพ่อกับแม่ของฉัน ท่านแก่มากแล้ว”          “ฟังดูดีนี่ แต่งงานเพื่อทดแทนพระคุณ ถ้าผมไม่ตกลงล่ะ” เขามองหญิงสาวอย่างหยั่งเชิง “คุณไม่ตกลงไม่ได้นะคะ! ฉัน...ฉันขอร้อง ฉันยอมทุกอย่างเพื่อ...เพื่อให้ได้แต่งงานกับคุณ แล้วแต่คุณจะยื่นข้อเสนอมา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD