หมับ พรึบ!
แต่ก่อนจะหนี ก็ถูกดึงแขนเล็กให้กลับลงไปนอนที่เดิม
“คุยกันก่อนได้ไหม”
“ไม่”
ฝ่ายชายปฏิเสธด้วยน้ำเสียงกดต่ำ แล้วขึ้นมาบนเตียง
“ถ่างขา”
“ว่าไงนะ?”
เจ้าของเรือนร่างเพรียวบาง ถึงกับทวนประโยคซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้หูฝาด ทว่านัยน์ตาร้ายลึก กลับแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัว แฝงไปด้วยอำนาจ จนร่างใต้อาณัติต้องกลืนน้ำลาย เพื่อข่มความหัวรั้นของตน จากนั้นก็ค่อยๆ ถ่างขาเรียวสวย ตามคำบัญชาของชายหนุ่มร่างใหญ่
“ยะ อย่ายัดเข้ามานะ”
หญิงสาวเอ่ยปากห้ามปราม ด้วยโทนเสียงสั่นเทิ้ม
แทรกความรู้สึกหวาดหวั่นต่อสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า เพราะช่วงล่างของเราทั้งคู่ตอนนี้ ไร้อาภรณ์บดบังอย่างน่าอาย ทำให้เห็นอวัยวะสำคัญของอีกฝ่ายเต็มสองตา ทั้งขนาดที่ใหญ่ยาวเกินมาตรฐาน และรูปลักษณ์ ที่มีเม็ดตะปุ่มตะป่ำเต็มลำ
”ถ้าไม่ยัดเข้าไป แล้วจะท้องได้ยังไง?”
เสียงทุ้มต่ำเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขามสวนกลับ ก่อนจะใช้มือกดแกนหนา ให้ปลายหัวเห็ดยักษ์ เคลื่อนเข้ามาในร่องกลีบสีหวาน แล้วขยับขยายโพรงอุ่นตามขนาดลำแกร่ง
“จะ เจ็บ!”
ฝ่ายรับทักท้วงทันที ที่เริ่มรู้สึกเจ็บ แต่ว่าฝ่ายรุกกลับเมินเฉยต่อเสียงร้อง มิหนำซ้ำ ยังดึงดันที่จะกดความเป็นชายเข้ามาลึกขึ้น จวนจะถึงครึ่งลำ ทว่าเม็ดตะปุ่มตะป่ำที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนัง ยังคงอยู่ภายนอกไม่ต่ำกว่าสิบเม็ด และกำลังจะเข้ามาในช่องทางคับแคบ ที่ตอนนี้ เริ่มมีน้ำสีแดงเจือปนจางๆ
“โอ๊ย!”
หญิงสาวส่งเสียงร้องลั่น ก่อนจะต่อต้านด้วยการดิ้นพล่านไปมา เพื่อหนีให้พ้นจากความทรมาน ที่เกิดจากการสอดใส่ ทว่ายิ่งดิ้น ความใหญ่ยาวก็ยิ่งแทรกเข้ามาในช่องทางรัก แล้วเสียดสีกับผนังเนื้ออ่อนนุ่ม ที่กอดรัดลำแข็งเอาไว้แน่น
“สมกับเป็นสาวพรหมจรรย์ อะ อืม!”
“ฉะ ฉีกหมดแล้ว อะ โอ๊ย เอามันออกไป”
ความเจ็บแสบทำให้คนตัวเล็ก เริ่มใช้สองมือบอบบางในการขัดขืน รวมไปถึงใช้เล็บที่เพิ่งทำมาได้ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ จิกลงไปบนผิวหนังสีแทน บริเวณต้นแขนที่เต็มไปด้วยลายสัก
“ยิ่งดิ้น จะยิ่งเจ็บ”
ฝ่ายกระทำตักเตือนเสียงเข้ม ก่อนจะล็อกเอวเพรียวบางเอาไว้ด้วยสองมือหยาบกร้าน จากนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนท่อนเอ็นหนา ที่มีขนาดความยาวมากกว่าสิบนิ้ว เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนปลายหัวเห็ดยักษ์ จูบกับปากมดลูกของหญิงสาว
ซึ่งความยาวที่เข้ามา เป็นเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
“ฮรึก…”
“ร้องไห้ทำไม?”
“มันเจ็บ ฮรึก…”
“แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องเจอ เธอไม่ได้ทำใจเอาไว้หรือไง?”
เจ้าของใบหน้าเปื้อนหยดน้ำตาส่ายหัวปฏิเสธ
เพราะไม่ได้ต้องการให้เรื่องราวเลยเถิดจนถึงขั้นนี้
“ทุกอย่างมีแจ้งรายละเอียดอยู่ในเอกสาร ถ้าคิดว่ารับไม่ไหว ก็ไม่ควรตอบตกลง แต่ในเมื่อมาถึงแล้ว ก็ห้ามปฏิเสธ”
หลังจากจบประโยคนั้น สะโพกหนาก็เริ่มเคลื่อนไหวตามใจตนเอง แล้วเพิ่มระดับความเร็วแรงบดขยี้ร่างใต้อาณัติ
ตรั่บ ตรั่บ ตรั่บ!
เสียงเนื้อกระทบกัน ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าการทำเด็ก จะผ่านมาร่วมหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม
ทว่าฝ่ายชายยังคงมุ่งมั่นที่จะปลดปล่อยกามอารมณ์ โดยใช้เรือนร่างของฝ่ายหญิงเป็นที่รองรับ ซึ่งเขาไม่คิดที่จะแสดงความอ่อนโยน หรือปลอบประโลมในครั้งแรก แต่กลับใส่ไม่ยั้ง จัดหนักชนิดที่ว่าฝ่ายหญิงนั้น เกิดอาการตัวสั่นอย่างรุนแรง เพราะไม่เคยรับความรู้สึกนี้ ในด้านการมีเซ็กซ์มาก่อน
“ใกล้แล้ว อะ อืม!”
ฝ่ายกระทำเร่งจังหวะเร็วขึ้น พร้อมกัดกรามจนขึ้นสันนูน ขณะที่ฝ่ายรับกำลังนอนถ่างขาทั้งน้ำตาด้วยสติพร่าเลือน
“อือออ!”
เสียงครางหนักในลำคอ บ่งบอกว่าฝ่ายชายเสร็จสมอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ เขายอมถอดถอนความเป็นชาย ออกจากกลีบกุหลาบแดงก่ำ ก่อนจะชันตัวลุกขึ้นจากเตียง แล้วหยิบกางเกงขึ้นมาใส่ จากนั้นก็เดินออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามอง
กรึบ…
ประตูห้องถูกเปิดหลังจากนั้นไม่นานนัก ก่อนที่หญิงวัยกลางคนจะเดินเข้ามา แล้วแสดงสีหน้าตกใจกับภาพที่เห็น
มินตราไม่อาจยอมรับสภาพของตนเองได้ จึงหลับตาลง แล้วปล่อยหยาดน้ำสีใส ไหลรินผ่านหางตา เพราะสภาพของเธอในตอนนี้ คือสิ่งที่มัสพยายามเตือนมาโดยตลอด และเธอก็เลือกที่จะไม่ฟัง เพราะคิดว่าเอาตัวรอดได้ แต่พอเกิดขึ้นจริง เธอไม่มีโอกาสปฏิเสธ เพราะทุกอย่างมันรวดเร็วเกินกว่าจะตั้งรับ รู้ตัวอีกทีก็ได้เสียสิ่งสำคัญ ให้กับผู้ชายคนนั้นไปแล้ว
เรื่องนี้ คงไม่ต้องโทษใคร นอกจากโทษตัวเอง
มันเป็นความคิดที่โง่มากจริงๆ ที่เธอมาอยู่ที่นี่
“ดิฉันไม่คิดว่าคุณท่านจะทำรุนแรงถึงขนาดนี้”
คุณป้ากลิ่นหยดพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แววตาเปี่ยมไปด้วยความสงสาร พร้อมกับใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่น เช็ดไปตามเรือนร่างอรชร โดยเน้นบริเวณกลางหว่างขา ที่มีคราบน้ำกามปนสีเลือด เปรอะเปื้อนอยู่บริเวณนั้น เป็นจำนวนมาก
“คุณญาณีอย่าโกรธดิฉันเลยนะคะ ถ้าดิฉันจะบอกว่าคุณท่านไม่ได้ตั้งใจ คุณท่านเพิ่งจะออกจาก… (นิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ) คุณท่านเพิ่งจะออกจากคุกมา เลยไม่รู้ว่าการใช้ความรุนแรง ในเรื่องบนเตียงกับผู้หญิง เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ”
“เขาติดคุกกี่ปีเหรอคะ?”
มินตราถามกลับ โดยที่ความรู้สึกยังคงบอบช้ำ
“สิบปีค่ะ”
“โดนคดีอะไรคะ?”
“เรื่องนั้นคุณญาณีไปถามคุณท่านเองดีกว่านะคะ”
“คงไม่อยู่ถามหรอกค่ะ เพราะหนูจะกลับบ้านแล้ว”
“คุณญาณีจะยกเลิกสัญญาเหรอคะ?”
“ค่ะ หนูจะยกเลิก”
“จะดีเหรอคะ ถ้ายกเลิกไปคุณญาณีอาจจะมีปัญหา”
“ถ้าปัญหาคือเรื่องเงิน หนูมีจ่ายเขาค่ะ”
“งั้นให้ดิฉันไปแจ้งคุณท่านเลยไหมคะ?”
“ค่ะ”
มินตราไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ได้ เพราะเธอสูญเสียสิ่งสำคัญให้กับชายอื่นไปแล้ว ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็ดันเป็นน้าชายของเขา อันที่จริง เธอน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก ว่าไม่ควรมาอยู่ที่นี่ ด้วยสถานะที่สุ่มเสี่ยงต่อพรหมจรรย์ เธอยอมรับว่าตัวเองโง่มาก โคตรโง่ โง่ที่สุดในโลก ฉะนั้น เธอจะล้มเลิกมันเดี๋ยวนี้!
“คุณท่านไม่อนุญาตค่ะ”
“วะ ว่าไงนะคะ?”
“ดิฉันขึ้นไปแจ้งเรื่องนี้กับคุณท่านแล้ว แต่คุณท่านไม่อนุญาตให้คุณญาณี ยกเลิกสัญญา ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม”
“แต่หนูไม่โอเคกับความรุนแรง คุณป้าช่วยหนูหน่อยได้ไหมคะ?” มินตรายกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้าง เพื่อให้คุณป้าเห็นใจ ทว่าผลตอบรับกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะคุณป้าไม่สามารถช่วยอะไรได้ ในเมื่อทุกอย่างมันมีแจ้งอยู่ในสัญญา
“งั้นหนูขอยาคุมฉุกเฉินได้ไหมคะ?”
“อุ๊ย! ดิฉันคงให้สิ่งนั้นกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
หญิงวัยกลางคนรีบปฏิเสธ ก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้อง เพราะกลัวว่าเธอจะร้องขอ ในสิ่งที่ทำให้ยิ่งลำบากใจ ซึ่งเธอไม่อยากตั้งท้องลูกให้ผู้ชายคนนั้น จึงฝืนสังขารลุกขึ้นจากเตียง ไปหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าเป้มาสวมใส่ โดยที่ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ติดมือมาด้วย จะได้โทรขอความช่วยเหลือจากเพื่อน
“คุณท่านอย่าใจร้ายกับคุณญาณีเลยนะคะ!”
เสียงของคุณป้ากลิ่นหยด ดังมาจากหลังต้นไม้ใหญ่
ถ้าเดาไม่ผิด ผู้ชายคนนั้นกำลังจะเดินมาที่บ้าน แต่ดันเจอคุณป้าเสียก่อน คุณป้าเลยช่วยห้ามปราม เพราะคิดว่าเจ้านายตัวเอง ไม่พอใจกับการยกเลิกสัญญา ซึ่งเธอก็คิดแบบนั้น จึงได้รีบวิ่งไปด้านซ้ายมือ เพื่อหาที่หลบซ่อนชั่วคราว
“คุณญาณีไม่ได้หนีไปไหนหรอกค่ะ คุณท่านใจเย็นๆ ก่อนนะคะ!” เสียงห้ามปรามของหญิงวัยกลางคน บ่งบอกว่าเจ้านายรู้เรื่องแล้ว ว่าตัวเธอไม่ได้อยู่ภายในบ้าน และเขากำลังพุ่งเป้า เดินตรงมาที่นี่ ราวกับรู้ว่า เธอจะหลบซ่อนที่ไหน
เสี้ยววินาที ที่ร่างใหญ่กำลังเดินดิ่งเข้ามา มินตราต้องคิดว่าจะวิ่งหนีออกไปที่ลานกว้าง หรือจะวิ่งขนานข้างไปกับกรงใหญ่ ซึ่งทั้งสองทาง มีสิทธิ์ถูกพบเห็นได้ในทันที เพราะไม่มีที่กำบัง เธอจึงเลือกทางที่สามโดยไม่ได้คิดทบทวนให้ดีก่อน
แอ๊ดดด…กรึบ~
ประตูเหล็กถูกปิดลงอย่างเบามือ ก่อนที่คนตัวเล็กจะรีบไปหลบอยู่ในพงหญ้า แล้วแอบมองข้างซี่กรง ว่าคนด้านนอกกำลังจะเดินไปทางไหน ซึ่งตอนนี้ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเป็นสีคราม และกำลังจะมืดลงในอีกไม่ช้า ทำให้ผู้ชายคนนั้น มองไม่เห็นว่าเธอหลบซ่อนอยู่ภายในกรงนี้ เพียงแค่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนจะเงียบแล้วเดินกลับไปที่บ้าน
ฟู่ววว~
มินตราถอนหายใจอย่างโล่งอก
พรึบ!
แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงหายใจ จู่ๆ คอเสื้อไหมพรมก็ถูกกระชากจากทางด้านหลัง ด้วยแรงมหาศาล ทำให้ร่างเพรียวบาง ถูกลากออกจากพงหญ้า ไปตามพื้นดินขรุขระ หญิงสาวพยายามหันไปมอง ว่าสิ่งที่ลากอยู่คือตัวอะไร และพอได้เห็นว่าเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ เธอจึงกรีดร้องลั่น เพราะมันกำลังจะลากตัวเธอไปกิน ซึ่งเธอยังไม่พร้อมที่จะเป็นอาหารเสือตอนนี้ เลยพยายามเอาตัวรอด โดยการตะโกนขอความช่วยเหลือ และดิ้นรนสุดชีวิต ซึ่งพละกำลังที่มี ไม่สามารถเอาชนะเสือได้
“กรี๊ดดด! ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”
มินตราตะเบ็งเสียงร้อง เพื่อขอความช่วยเหลือ จนคอแทบแตก ทว่าไม่มีใครตามเข้ามาช่วย เธอจึงต้องดิ้นพล่าน ให้ร่างเพรียวบาง หลุดออกจากเสื้อไหมพรมสีขาว ซึ่งตอนนี้ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดินสกปรก และถูกฉีกกระชากเนื้อผ้าขาดวิ่น
กรร…รรรรรร!
นัยน์ตากลมสวยเบิกกว้าง เมื่อเสือโคร่งตัวนั้น เริ่มส่งเสียงขู่ขวัญสั่นประสาท พร้อมกับแยกเขี้ยว จ้องเขม็งมาที่เธอ อย่างไม่ละสายตา แล้วค่อยๆ เดินถอยหลังไปตั้งหลัก ซึ่งการกระทำแบบนี้ เคยเห็นในสารคดี ตอนที่สิงโตล่ากวาง แต่ไม่คิดว่าเสือโคร่งตรงหน้า จะเห็นเธอเป็นกวางเหมือนในสารคดี
“จะ จะกินคนจริงๆ เหรอ กรี๊ดดด!”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เสือโคร่งตัวใหญ่ก็กระโจนเข้ามาหาด้วยความเร็วแรง ทว่าเหยื่อสาวสามารถหลบได้ ด้วยการกระโดดหนี แต่นั่นก็ทำให้แว่นตาหลุด พร้อมกับโทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือ ซึ่งเธอไม่ได้หันกลับไปสนใจ เพราะคิดว่าเสือตัวนี้ มันเอาจริงแน่นอน เลยรีบมองหาต้นไม้ เพื่อที่จะปีนหนี แม้จะรู้ว่าเสือโคร่งสามารถปีนตามขึ้นไปได้ แต่การยืนโง่ๆ อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้ล่านั้น มันเสี่ยงต่อการที่เธอจะโดนงาบคอ
กรร…รรรรรร!
เสือโคร่งส่งเสียงขู่ขวัญอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเหยื่อกำลังหาทางปีนต้นไม้ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะลูกคุณหนูที่ไม่เคยใช้ชีวิตผจญภัย หรือเอาตัวรอดจากสัตว์ป่ามาก่อน มันทำให้เธอไม่สามารถปีนขึ้นต้นไม้ได้ นั่นทำให้เธอตกเป็นเป้าหมาย อ่อนแอที่สุดในเวลานี้