บทที่ 5

2065 Words
เช้าวันต่อมา เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ภาพตัดอย่างกะทันหัน เนื่องจากทานมื้อเย็นเสร็จสรรพ แล้วดันผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า *สีหน้าของคนอ่าน (=_=) ฮ่าๆ ไม่ได้อยากจะแกงนะ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เพราะเมื่อวานเธอใช้เวลาในการเดินทางมาทั้งวัน พอได้ทานอาหารจนอิ่มแปล้ ก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้ง ให้เธอกลับเข้าไปนอนบนเตียงที่เพิ่งจัดเสร็จได้ แอบกระซิบว่าพอทุกอย่างเข้าที่แล้ว ก็ดูไม่แย่เท่าไหร่ ถึงจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เท่ากับตอนที่อยู่ในเมือง แต่ที่นี่ก็มีข้อดีหนึ่งข้อ ที่เธอสัมผัสได้ ก็คือบรรยากาศในยามเช้า ยกให้เป็นนัมเบอร์วันของการตื่นนอน เพราะใครจะไปคิด ว่าการตื่นด้วยเสียงนกร้อง แทนนาฬิกาปลุก จะทำให้คนเรามีความสุขได้ ยิ่งได้เดินออกมาสูดอากาศนอกบ้านแล้วไม่ต้องพูดถึง เธอรู้สึกได้เลย ว่าสภาพจิตใจมันดีขึ้นมากจริงๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจก่อนหน้านี้ แต่ที่นี่ก็ถือว่าเป็นบ้านสวนที่บรรยากาศดีมาก สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องคิดอะไร ทว่าต้องคิด เพราะนี่ไม่ใช่ชีวิตของเธอ ‘ยัยมินตรา!’ มัวแต่ดื่มด่ำกับธรรมชาติกลางป่า จนลืมไปว่าตัวตนที่แท้จริง ที่ใช้เข้ามาอยู่ที่นี่ เป็นแม่อุ้มบุญให้กับเจ้าพ่อมาเฟีย แต่ว่า… เอ๋~ เมื่อคืนนี้ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้มาหาที่บ้านนี่หน่า หรือว่ามาแล้ว? แต่พอเห็นเธอนอนสลบหมดสภาพ เลยเลือกที่จะกลับไป หากเป็นอย่างหลัง เธอจะชิ่งนอนทุกคืน “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณญาณี” เสียงของคุณป้ากลิ่นหยดเอ่ยทัก เธอจึงรีบหันไปตอบ “อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะ คุณป้า” “คืนแรกเป็นยังไงบ้างคะ หลับสบายหรือเปล่า?” คุณป้าถามต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยที่สองมือขาวอวบ ถือตะกร้าหวายใส่เครื่องหอม แล้วข้าวของเครื่องใช้จำเป็น สำหรับผู้หญิงติดมือมาให้เธอด้วย เพราะเมื่อคืนเธอขอชุดที่เอาไว้ใส่เปลี่ยนกับเสื้อผ้าที่พกมา กับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายสำหรับผู้หญิงเล็กน้อย แต่ไม่คิดว่าจะได้รับเร็วขนาดนี้ “อ้อ ดิฉันเอาของใช้ที่คุณขอมาให้ด้วยค่ะ” พอเห็นว่าเธอมองของในตะกร้า คุณป้าจึงรีบส่งให้ “คุณท่านฝากมาถามนะคะ ว่าคุณต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม หากต้องการสามารถให้แจ้งได้เลยค่ะ” ประโยคนั้น ทำให้มินตราถึงกับชะงัก เพราะไม่คิดว่า ‘ท่านพญาเสือ’ จะใส่ใจกับความต้องการของผู้หญิง ยิ่งได้เห็นลุคเจ้าพ่อมาเฟียเมื่อคืน เธอก็ยิ่งมองในแง่ลบ เพราะเกรงกลัวในความอำมหิต “มะ เมื่อคืนนี้ คุณท่านมาหาที่บ้านเหรอคะ?” “ไม่ได้มาค่ะ แต่คุณท่านให้ดิฉันคอยดูแลคุณ” ฟู่ว~ รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ได้มาหา แสดงว่าความใส่ใจอาจจะมีแค่ผิวเผิน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะเธอไม่ได้ต้องการสานสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้น แต่เธอต้องการที่จะหาทางเข้าหาพี่นนท์ เพื่อที่จะบอกความรู้สึก ว่าเธอจริงจังกับเขาแค่ไหน หากเขามีความรู้สึกเดียวกัน เราอาจจะได้สานต่อ และข้อดีของการที่เขาลาออกจากวงการบันเทิง คือ เขาสามารถแต่งงานกับใครก็ได้ โดยที่ไม่ต้องแคร์ ว่าจะเสียโอกาสในด้านการแสดง เพราะเขาประสบความสำเร็จไปแล้ว นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกมีความหวังในรักแรก [ฉันกำลังสาบานกับตัวเอง ว่าถ้านังเพื่อนหัวรั้นยังไม่ติดต่อกลับมาภายในวันนี้ ฉันจะโทรไปฟ้องพี่ติณห์ และพลิกแผ่นดินหาแก] ปลายสายพูดโพล่ง โดยที่คนฟังยังไม่ทันได้เปิดปากพูดอะไร แต่ก็พอเดาได้ ว่าอีกฝ่ายคงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถึงได้ยอมวิ่งสี่คูณร้อยเกือบครึ่งชั่วโมงมาเรือนไทย “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ ฉันโอเค” แค่เหนื่อยเป็นหมาหอบแดกตอนวิ่งมาที่นี่ (ขอไม่นับ) [โอเคที่ว่า แกเจอคนของแกหรือยัง?] “ไม่เชิงเจอกัน แต่ฉันเห็นแล้ว ว่าเขามาอยู่ที่นี่จริงๆ” [แล้วพญาเสือนั่นละ แกเจอเขาหรือยัง?] “บ้านหลังเล็กไปนิด แต่ฉันก็อยู่ได้นะ” [What? แกกำลังตอบไม่ตรงคำถามนะ] “เห็นเขาแล้วเหมือนกัน” [ก็แค่นี้ แล้วเป็นไง หน้าตาโอเคไหมแก?] “ทำไมต้องถาม เขาไม่ได้สำคัญขนาดนั้น” [เอ้า! ฉันก็แค่ถาม เผื่อเกิดอะไรขึ้นกับแก ฉันจะได้บอกข้อมูลกับตำรวจ ในกรณีที่แกถูกฆ่าหมกป่า อะไรทำนองนั้น] ฟังดูแล้ว มัสคงไม่ได้ประชดหรอกเนอะ ไม่ได้ประชดเล้ย “อย่าประชดฉันสิ” [หึ! ถ้าแกกลับมา ฉันถึงจะเลิกประชด] “โอเค ฉันขอเวลา” [กี่วัน กี่เดือน กี่ปี กี่นาที แจ้งให้ละเอียด] “ไม่เอาหน่า ฉันขอเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น” [ไม่เอาหน่า ปีเดียวแกคงท้องป่องไปแล้ว] มัสยังคงประชดประชันไม่เลิก เพราะไม่เห็นด้วย ที่เธอเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในสถานะนี้ แต่ถ้าไม่ลองทำอะไรที่มันสุ่มเสี่ยง ก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อกับพี่นนท์ยังไง ในเมื่อเขาปิดการใช้งานทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ หรือไลน์ที่เราเคยติดต่อกันก็ถูกลบทิ้งไป จนเธอนิ่งเฉยกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ “ถ้าป่องเพราะคนที่ฉันรัก ฉันโอเคนะ” [Shut the fuck up!] “ฉันรู้ว่าแกโกรธ แต่ช่วยเข้าใจหน่อยนะ” [เหอะ! ฉันหมดคำจะพูดกับแก] “งั้นฉันวางสายก่อน” [If you want to die, hang up.] “โอเค ฉันไม่วาง แต่แกอยากรู้เรื่องอะไรอีก?” [รูปร่างหน้าตาของพญาเสือ บอกมาให้ละเอียดเลย] “อ่า บอกก็ได้ เขา…สูงเหมือนเปรต ตัวใหญ่กล้ามโตเหมือนเดอะฮัก ผิวสีเข้มเหมือนต้นไม้ ชอบแสดงสีหน้าฉุนเฉียวตลอดเวลา เหมือนตัวละคร ในหนังการ์ตูนเรื่องหนึ่ง” [สาบาน ว่าที่แกบรรยายมาทั้งหมด คือ มนุษย์?] “ใช่ เขาเป็นมนุษย์” [มนุษย์บ้าบออะไร ฉันไม่เห็นนึกภาพตามได้เลย!] ปลายสายเริ่มวีนใส่ เเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน “โธ่~ แกก็รู้ ว่าฉันไม่ชอบมองใครหล่อกว่าพี่นนท์” [แสดงว่าหล่อกว่า?] “ไม่ พี่นนท์หล่อกว่า” [เหอะ! ช่างหัวแม่มันสิวะ] “เฮ้!” [ฉันไม่ถามแกแล้ว ถามไปก็เสียอารมณ์เปล่าๆ] “แล้ว…” [แกต้องโทรหาฉันทุกวัน ไม่อย่างนั้น ติณห์รู้เรื่อง!] “ฮะ! ตะ แต่ฉันต้องเดิน…” [ไม่ว่าจะยังไง แกต้องโทรมา ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะลากตัวแกกลับมา เข้าใจไหม ยัยเพื่อนหัวแข็ง!] “มะ…ติ๊ด!” เรียบร้อย มัสชิ่งตัดสายไปแล้ว เพื่อนจะรู้บ้างไหม ว่าระยะทางจากบ้าน มาจนถึงจุดที่มีสัญญาณ มันค่อนข้างไกล ไหนจะต้องใช้เวลาในการเดินอ้อมกลับไปอีก อย่างต่ำ เธอต้องมีเวลาสองชั่วโมงในการเดิน เพราะถ้าให้วิ่งทุกวัน มีหวังได้ขิตก่อนมีสามีแน่นอน หนึ่งชั่วโมงต่อมา “เปลี่ยนเป็นเดินก็ไม่ได้เหนื่อยเท่าไหร่” เจ้าของร่างเพรียวบางพูดกับตัวเอง เพราะทางที่เดินผ่านมา เป็นทางอ้อมติดกับธรรมชาติ และมีรั้วเหล็กล้อมรอบตลอดแนว เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่มีคนภายนอกบุกรุกเข้ามาในเขตหวงห้าม และเท่าที่สังเกตดู คนภายในจะมีแต่แม่บ้าน กับคุณลุงคนสวน ไม่มีชายฉกรรจ์ปิดหน้า ออกมาเดินเพ่นพ่าน สร้างความหวาดหวั่นในเวลานี้เลย กรึบ~ หญิงสาวเปิดประตูกลับเข้าไปในตัวบ้านไม้สัก กะว่าจะจัดของที่อยู่ในกระเป๋าเป้ ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นหีบเหล็กสีทอง ที่วางอยู่ข้างโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งก่อนหน้านี้มันไม่มี “นั่นหีบอะไร?” มินตราตั้งคำถาม ก่อนจะเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าหีบเหล็ก ที่มีความสูงประมาณครึ่งน่องขา แล้วเอียงคอมองสิ่งนั้นด้วยความสงสัย หากเป็นคนอื่น คงไม่กล้าเปิดโดยพลการ แต่ในเมื่อถูกยกเข้ามาในห้องนอน เธอเลยกล้าก้มลงไปเปิดดู แอ๊ดดด~ เสียงเปิดแอบทำให้เสียวสันหลังวาบ แต่พอเปิดแล้ว ข้างในกลับมีแค่ผ้าไทย ผ้าถุง และผ้าไหม ที่ถูกตัดเย็บอย่างละเมียดละไม ให้ออกมาในรูปแบบชุดไทยสำหรับสาวชาวป่า “ว้าว~” หญิงสาวถึงกับอุทานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะจำได้ว่าเคยสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์นี้ ตอนที่อยู่บ้านของคุณย่า แต่นั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว เลยจำไม่ได้ว่าใส่ออกมาแล้วเป็นยังไง “ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ค่อยกลับมาลองใส่” พูดจบ ร่างเพรียวบางก็ชันตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับหยิบผ้าถุงสีกากีติดมือมาด้วย ก่อนจะไปอาบน้ำสไตล์สาวชาวป่า เพราะบริเวณห้องน้ำ ไม่มีรั้วกั้น มีแต่ป่าด้านหลัง ที่เป็นต้นไม้ ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก…! ละสายตาจากโอ่งมังกร ขึ้นไปดูต้นเสียงบนกำแพง ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก…ตั๊กแก! เสี้ยววินาทีที่เงยหน้าขึ้นไปสบตากับสิ่งมีชีวิตตัวนั้น มันก็กระโดดเข้าหาอย่างไม่ลังเล แม้ว่าเธอจะเป็นคนจิตแข็ง ไม่ค่อยกลัวสัตว์แปลก แต่ถ้ากระโดดใส่แบบนี้ เป็นใครก็กรี๊ด! กรี๊ดดดดดด! มินตรากรีดร้องลั่น ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องน้ำ โดยที่นุ้งผ้าถุงเพียงผืนเดียว แต่ก่อนที่เธอจะหนีเข้าป่า เพราะสติเตลิด ก็มีใครบางคนเดินออกมาจากห้องนอน ชนกับเธอพอดี ผลัก! แรงกระแทกทำให้มินตราเกือบหงายหลัง แต่เธอมือไว จึงเอื้อมไปจับเสื้อคลุมของคนตรงหน้า แล้วใช้แรงทั้งหมดที่มี ในการกระโดดกอดอย่างถือวิสาสะ ซึ่งอีกฝ่ายยังสามารถทรงตัวได้ ทำให้เธอไม่ล้มและเขาก็ไม่ล้มตามเธอเช่นเดียวกัน ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก ตั๊ก…! เสียงนี้อีกแล้ว ละ แล้วตัวมันอยู่ที่ไหน (-0-!?) หญิงสาวไล่สายตามองไปยังจุดที่เกิดเสียงร้อง และเห็นว่าตัวต้นเสียงอยู่ในผ้าถุงขอเธอเอง และมันอยู่ตรง…นม! “อะ เอามันออกไป” เธอพูดเสียงสั่น ขณะที่ตามองสิ่งที่ขยับอยู่ใต้เนื้อผ้า “….” อีกฝ่ายเงียบ ก่อนจะปล่อยตัวเธอลง (แบบไร้เยื่อใย) กรี๊ดดดดดด! มินตรากรีดร้องอีกครั้ง เมื่อตุ๊กแกเริ่มวิ่งไปตามเนื้อตัว แต่เธอไม่กล้าจับมันด้วยมือของตัวเอง เลยตัดสินใจเปลื้องผ้าถุงลงไปกองที่พื้นดิน แล้วใช้มือคนที่อยู่ตรงหน้า จับตุ๊กแกออกไปจากท้องน้อย ที่อีกนิดจะถึงเนินสามเหลี่ยมแล้ว “เอามันออกไปสิ!” ทว่ามันไม่ง่าย ตรงที่อีกฝ่ายยื้อแขนเอาไว้ ไม่ยอมจับ “ขอร้องละ ช่วยเอามันออกไปที!” เธอเงยหน้าขอร้องเจ้าของท่อนแขนที่เต็มไปด้วยลายสัก แต่พอเห็นว่าเขาคือ ‘ท่านพญาเสือ’ ก็รีบปล่อยแขนโดยอัตโนมัติ แล้วก้มมองสภาพตัวเองที่เปลือยเปล่าอย่างน่าอาย หมับ! ระหว่างที่เธอกำลังคิด ว่าจะมุดดินหรือวิ่งหนีเข้าป่า คนตรงหน้าก็เอื้อมมือมาจับตุ๊กตาตัวใหญ่ อย่างไม่เกรงกลัวว่ามันจะกัด แต่เธอไม่มีเวลามาชื่นชมในความกล้าหาญนี้ เพราะเธอกำลังยืนโป๊ ต่อหน้าผู้ชายที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก! พรึบพรับ~ คนตัวเล็กรีบหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยความเร็วแสง ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ใส่กางเกง ก็มีมือแกร่งมาดึงข้อแขนเรียวจากทางด้านหลัง แล้วลากตัวเธอไปนอนบนเตียง ก่อนที่อีกฝ่ายจะปลดเปลื้องกางเกงผ้าสีดำ ลงไปกองอยู่บนพื้นห้อง “ถอดทำไม!?” มินตราตั้งคำถาม พร้อมกับเบื้อนหน้าหนีไปทางอื่น “จะทำลูก มันก็ต้องถอดกางเกงไม่ใช่หรือไง?” “ฮะ! มะ มันต้องไม่ใช่ตอนนี้สิ” เธอรีบปฏิเสธเสียงสั่น ก่อนจะชันตัวลุกขึ้นจากเตียง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD