บทที่ 8

2070 Words
[ทำไมถึงโทรมาเอาป่านนี้?] “แกก็ให้เวลาฉันหน่อยสิ ฉันต้องเดินหาสัญญาณนะ” [ข้ออ้างหรือเปล่า?] “ฉันจะอ้างกับแกเพื่ออะไร?” [I don’t know~] “อย่ามาสร้างประเด็นค่ะ” [ใครกันแน่ที่สร้างประเด็น] “ไม่ใช่ฉันแล้วหนึ่ง” [เหรอจ๊ะ] “นี่ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ” [พูดอะไร พูดว่าแกมีซัมติงกับหนุ่มรุ่นใหญ่เหรอ?] “ฮะ?” มินตราทำหน้างง เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนพูด [แหม่~ คงไปกันได้ดีเลยสิท่า] “คะ คืออะไร ฉันไม่เข้าใจที่แกพูดเลยสักนิด” [What! นี่แกยังไม่รู้เรื่องเหรอ ว่าท่านพญาเสือของแก มีข่าวว่อนอยู่ในโลกโซเชียล ว่ากำลังมีหวานใจซ่อนเอาไว้อยู่] “ฮะ! (อีกรอบ)” [แต่ก็น่าแปลกนะ ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนมาตั้งนาน แต่ดันมาออกงานสังคม จนกลายเป็นกระแสในโซเชียล เอ้อ! แกรู้ยัง ว่าท่านพญาเสือของแกมีเชื้อเจ้าอย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย แต่เขาเป็นคนเดียวที่สละแล้วเลยไม่มียศตำแหน่งในราชวงศ์] “ฮะ! (รอบที่สาม)” [เลิกฮะ เพราะฉันเห็นหน้าตาเขาแล้ว หืม~ หล่อเข้มมาดมาเฟียสุดๆ ขนาดอายุสี่สิบกว่า บอดี้ยังดีงามขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเขายกแกเป็นหวานใจ ฉันจะไปอุ้มท้องแทนแก~] เออ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอตามไม่ทันเลยสักเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหวานใจ ไม่ได้หมายถึงเธอใช่ไหม? [เรื่องเดียวที่ฉันอยากรู้ตอนนี้ แกได้กับเขาหรือยัง?] “(-0-!)” [เงียบแบบนี้แสดงว่า...] “ยังไม่มี!” รีบปฏิเสธทันที [ห้ามโกหก โกหกฉันโกรธ] “(-×-!)” [นั่นไง แกโกหกฉัน ยัยตัวแสบ] “I'm not lying.” [ยิ่งพูด ฉันยิ่งมั่นใจว่าแกโกหก] “ฉันจะวางสายแล้วนะ” [อย่าเพิ่งวาง ฉันยังไม่ได้ถามเลย] “ถ้าถามเรื่องนั้น ฉันไม่ตอบแล้วนะ” [เปล่ายะ ฉันจะถามเรื่องโทรศัพท์] “อ้อ ลืมบอกว่าโทรศัพท์หาย เลยใช้ของคุณป้าที่ดูแล” [โอเค ว่าแต่ของเขาใหญ่แค่ไหนอะ เท่าแขนไหม ติ๊ด!] เป็นการกดตัดสายเพื่อนครั้งแรก ในรอบสิบปี เพราะไม่รู้ว่าจะต้องตอบคำถามนี้ยังไงดี อีกฝ่ายก็ดันจับผิดเก่งซะด้วย จึงตัดปัญหาโดยการตัดสาย จะได้ไม่ต้องคุยเรื่องนั้นอีก “คุณป้าคะ” เจ้าของร่างเพียวบาง แอบยืนอยู่หลังประตูบานใหญ่ ก่อนจะส่งเสียงเรียกหญิงวัยกลางคน ที่กำลังยืนอยู่เพียงลำพังภายในครัว เมื่อคุณป้ากลิ่นหยดได้ยินเสียงเรียก จึงรีบวางมือจากการเตรียมสำรับอาหาร แล้วเดินคลี่ยิ้มมาหาทันที “ขอโทษที่กลับมาช้านะคะ หนูรีบเดินแล้วจริงๆ” มินตรากล่าวคำขอโทษ เพราะเธอต้องใช้เวลาในการเดินมากกว่าปกติ หากไม่รู้สึกแสบสันบริเวณช่วงล่าง จนทำให้ต้องเดินสลับหยุดพักตลอดทาง เธอคงจะกลับมาเร็วกว่านี้ “ไม่เป็นไรเลยค่ะ ว่าแต่คุณญาณีหิวไหมคะ?” คุณป้าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะสีหน้าของเธอ ค่อนข้างแสดงออกชัดเจนว่าเหนื่อยมาก และต้องการที่จะทานมื้อเย็น ซึ่งตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดครึ้มอีกแล้ว “นิดหน่อยค่ะ” เธอตอบกลับ พลางคลี่ยิ้มพร้อมกับส่งโทรศัพท์คืน “แม่ครัวคนอื่นมักจะออกไปซื้อของในตัวเมือง ตอนที่คุณท่านไม่อยู่ คุณญาณีอยากเข้ามาทำอาหารที่อยากทานไหมคะ?” คุณป้ากลิ่นหยดเอ่ยปากชักชวน เผื่อว่าเธอจะเบื่ออาหารสำรับ แล้วอยากทำอย่างอื่นทานเอง ซึ่งอาหารที่อยากทานในตอนนี้คือหลนปูเค็ม แต่สำรับที่นี่มีแต่น้ำพริกอย่างอื่น “หนูอยากทานหลนปูเค็มค่ะ” “จะให้ดิฉันทำให้ หรือคุณญาณีจะทำเองคะ?” “ช่วยกันทำก็ได้ค่ะ หนูอยากทานข้าวกับคุณป้า” มินตราเริ่มตีสนิท เพราะอยากจะทำความรู้จักกับคุณป้ากลิ่นหยดให้มากกว่านี้ ภายนอก คุณป้าเป็นคนจิตใจดี จนเธอไม่อยากปิดบังเรื่องของตนเองนานนัก แต่การบอกไปเลย โดยที่ยังรู้จักกันแค่สามวัน ก็ยังน้อยเกินกว่าจะบอกความจริง “ครั้งแรกที่คุณญาณีบอกว่าทำอาหารสูตรชาววังเป็น ดิฉันก็ไม่คิดว่าจะมีฝีมือถึงขนาดนี้” คุณป้าถึงกับเอ่ยปากชม เมื่อได้เห็นการหยิบจับวัตถุในการทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ บางอย่างหนูก็ยังทำไม่เป็น” มินตราตอบด้วยความถ่อมตน เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้เก่ง แต่มีความพยายามที่จะเรียนรู้ เพื่อทำให้ชายที่แอบชอบ ประทับใจในส่วนนี้ ซึ่งเธอก็ทำสำเร็จ เพราะฝ่ายชายชอบอาหารที่ทำให้ทุกอย่าง เพียงแค่ยังไม่ได้ตอบรับรักเธอเท่านั้น หากเป็นผู้หญิงคนอื่น เจอผู้ชายให้ความหวังโดยที่ไม่แสดงความชัดเจน อาจจะถอดใจไปนานแล้ว เพื่อนของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่คัดค้านในช่วงสามปีแรก เพราะเห็นว่าเธอพยายามทำทุกอย่าง เพื่อผู้ชายเพียงคนเดียว แต่พอเข้าปีที่สิบ เพื่อนก็เริ่มเห็นว่าเธอจริงจังกับผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน จึงเลิกห้าม แล้วปล่อยให้ทำตามหัวใจตัวเอง จนมาถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งมินตรารู้ดี ว่าเพื่อนสาวคนนี้ เป็นห่วงเธอมาก และบางครั้งเธอก็มีความคิดที่โง่เง่า จนทำให้ตัวเองเดือดร้อน แต่การรักใครสักคน เธอก็อยากพยายามให้สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ว่าทำไมถึงไม่ยอมทำแบบนั้นเพื่อให้ได้เขามา แต่เธอเพิ่งจะคิดได้ ว่าบางครั้งก็ควรฟังคำเตือนของเพื่อนบ้าง จะได้ไม่ต้องเกิดความผิดพลาดเหมือนอย่างตอนนี้ “เดี๋ยวดิฉันยกถาดนี้ไปไว้ที่บ้านก่อนนะคะ” คุณป้าพูดขึ้น หลังจากช่วยกันทำมื้อเย็นเสร็จแล้ว “เดี๋ยวหนูช่วยยกอีกถาดตามไปค่ะ” มินตราไม่นิ่งเฉย รีบตักหลนปูเค็มใส่ถ้วย เตรียมยกไปทานที่บ้านไม้สักริมบึง ระหว่างนั้นคุณป้าก็เดินออกไปก่อน “มีใครอยู่ไหมครับ!” เสียงหนึ่งดังมาจากนอกห้องครัว ทำให้เธอหยุดชะงัก “คุณป้า…” เจ้าของเสียงปรากฏตัว ก่อนจะหยุดชะงักเช่นเดียวกัน “มิน?” “พะ พี่นนท์” (-0-!) “ทำไมมินถึงมาอยู่ที่นี่?” พี่นนท์เอ่ยถาม พร้อมกับเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า “อะ เออ คะ คือว่ามิน…” เจอกันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้มินตราตอบคำถามไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะพูดความจริง หรือสร้างเรื่องโกหก เพื่อปกปิดความผิดพลาด ที่เธอดันไปมีความสัมพันธ์กับน้าชายของเขา “มินไม่ได้ตามพี่มาใช่ไหม?” เฮือก! ทำไมผู้ชายที่เธอชอบ ถึงได้ฉลาดขนาดนี้นะ “เออ มินแค่มาทำงานกับคุณป้าค่ะ” แล้วทำไมเธอถึงได้โง่ สร้างเรื่องโกหกพี่นนท์แบบนั้น “คุณป้า? หมายถึงคุณป้ากลิ่นหยดเหรอ?” “ใช่ค่ะ คุณป้ากลิ่นหยดเป็นคุณป้าของมินเอง” มินตรายังคงสร้างเรื่องโกหก เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ ข้อดีเพียงข้อเดียว ของการไม่เปิดเผยตัวตนกับชายหนุ่มที่แอบชอบ ว่าเป็นลูกเต๋าเหล่าใคร หรืออยู่ในตระกูลใหญ่แค่ไหน ทำให้เขาไม่รู้ว่าเธอมีญาติพี่น้องเป็นใครบ้าง นั่นจึงทำให้เรื่องโกหกที่เพิ่งจะสร้างขึ้นมา มีความน่าเชื่อถือ (มั้ง) ฮือออ! เอาจริง ไม่มั่นใจเลย ว่าตัวเองจะโกหกสำเร็จ “ไม่น่าละ อาหารที่มินทำถึงถูกปากพี่” อะ อ้าว พี่นนท์เชื่อด้วยเหรอ ถามจริ๊ง (-0-!?) “ที่แท้มินก็เป็นหลานของคุณป้ากลิ่นหยดนี่เอง” OMG! ไม่คิดว่าจะเชื่อ แต่เชื่อก็ดี เธอจะได้รอด “มินโกรธพี่ไหม?” หนุ่มหล่อหน้าตี๋เอ่ยถาม ด้วยโทนเสียงอ่อนโยน “มินต้องโกรธพี่นนท์เรื่องอะไรเหรอคะ?” “ก็เรื่องที่พี่ลาออกจากวงการ แล้วตัดขาดการติดต่อ” “อ้อ มันเป็นการตัดสินใจของพี่ มินไม่โกรธหรอกค่ะ” “จริงเหรอ?” พี่นนท์ถามซ้ำ ก่อนจะเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์บนใบหน้า “จริงค่ะ” มินตราเผลอยิ้มตอบด้วยความเขินอาย เพราะแพ้ทางรอยยิ้มของชายตรงหน้า จนเกือบลืมไปว่า เพิ่งจะโกหกเขาไป “เออ มินขอตัวก่อนนะคะ” “เดี๋ยวสิ” มือขาวเอื้อมมาจับแขนเรียว แล้วดึงร่างเพรียวเข้าหา “จะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่?” “ถ้าพี่อยากบอก พี่คงโทรมาบอกมินแล้ว” “ไหนบอกว่าไม่โกรธไง?” “มินไม่ได้โกรธ” “ก็เห็นอยู่ว่าโกรธ” บทสนทนา และโทนเสียงอ่อนหวาน เริ่มกลับมาเป็นเหมือนตอนที่เราสองคนแอบกิ๊กกั๊กกัน ก่อนที่ฝ่ายชายจะยกมือขึ้น สัมผัสผิวแก้มแดงซ่าน พลางโน้มตัวลงมาหวังมอบจูบ “ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ” เป็นครั้งแรก ที่มินตราหยุดการจูบไม่ให้เกิดขึ้น “ตาแดงขนาดนี้ เป็นเพราะพี่หรือเปล่า?” พี่นนท์พูดในระยะประชิด จนลมหายใจรดรินผิวแก้ม ทว่าเรื่องตาแดง ถ้าให้บอกความจริง ว่าไม่ได้เป็นเพราะเขา แต่เป็นเพราะใส่คอนแทคเลนส์นอน มันจะทำลายบรรยากาศ “ถ้าพี่ติดต่อมาบ้าง มินคงจะรู้สึกดีกว่านี้” มินตราพูดพลางแสดงสีหน้าเศร้า เพราะอยากให้เขารับรู้ ว่าเธอเสียใจ ที่เขาไม่ติดต่อ หลังลาออกจากวงการมายา “พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มกล่าวคำขอโทษด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น ทำให้ความน้อยอกน้อยใจจางหายในทันที “หลังจากประกาศเรื่องนั้นไปแล้ว พี่มีหลายสิ่งที่ต้องทำ จนคิดว่าตัดช่องทางการติดต่อ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าพี่อยากจะตัดมินออกจากชีวิตของพี่นะ พี่แค่อยากรอเวลาให้ทุกอย่างพร้อมกว่านี้ ถึงจะติดต่อมินกลับไป” “พี่นนท์คิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ?” ดวงตากลมสวย จ้องมองคนตัวสูงอย่างมีความหวัง “จริงครับ” ฝ่ายชายตอบกลับ ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อตี๋ลงมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เธอหลับตาพริ้ม รอรับรสจูบแสนหวานจากเขา ตืดดดด! ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะประกบ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น “ของพี่เอง” พี่นนท์พูดพลางหยิบโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด ออกมาจากกระเป๋ากางเกงสีคราม ก่อนจะกดอ่านข้อความแจ้งเตือน “ตรงนี้มีสัญญาณด้วยเหรอคะ?” “ไม่มีครับ แต่เป็นแจ้งเตือนฉุกเฉิน” “จากใครเหรอคะ?” เธอถามด้วยความอยากรู้ แต่ดูเหมือนจะถามมากไป “ถ้าไม่สะดวกใจที่จะตอบ ก็ไม่เป็นไรค่ะ” มินตรารีบพูด เพราะเห็นว่าฝ่ายชายนิ่งกับคำถามนั้น “งั้นพี่ไปก่อนนะ เอาไว้มีเวลาว่าง แล้วเรามาคุยกัน” พี่นนท์ตัดบทสนทนา ก่อนจะรีบเดินออกไปจากตรงนี้ แต่ถามว่าเธอตกใจกับการกระทำของเขาไหม? คงตอบว่าได้เลย ‘ไม่’ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตัดบทสนทนา เพื่อหลบเลี่ยงการตอบคำถาม โดยเฉพาะเวลาที่เธอถามละลาบละล้วง มากจนเกินไป เขาจะปลีกตัวหนีทันที ซึ่งเธอเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายทำอยู่ เขาอาจจะมีเหตุผลส่วนตัว ที่ยังไม่สามารถบอกคนอื่นได้ ว่าชีวิตของเขาตอนนี้ เป็นไปในทางไหน ซึ่งเธอก็มีเหตุผลในการปกปิดตัวตนกับเขาเหมือนกัน เธอไม่อยากให้ระดับชนชั้นทางสังคม มากำหนดความสัมพันธ์ จึงเข้าหาเขาในฐานะแฟนคลับธรรมดา ที่ชื่นชอบในตัวเขาจริงๆ ไม่ได้ชอบเพราะอยากได้มาเป็นหน้าตา เหมือนลูกคุณหนูคนอื่น ที่ชอบคว้าคนดัง มาคบเพื่ออวดแฟน ถึงแม้ว่าเธอจะซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลังมาตลอด จนเขาประสบความสำเร็จด้านการแสดง แต่สิ่งที่เธอต้องการจริงๆ คือการได้เป็นความสบายใจของเขา และนั่นเป็นสิ่งที่ต้องการ ส่วนเรื่องความรัก แน่นอนว่าเธอยังแอบหวังอยู่ลึกๆ แต่จะสมหวังไหม อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายชายแล้วละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD