บทที่ 18

2066 Words
“อืม! ใกล้จะเสร็จแล้วสินะ ถึงได้รัดแน่นเชียว” ฝ่ายชายพูดก่อนจะส่งเสียงคำราม เมื่อถูกช่องทางคับแคบบีบรัดอย่างทรมาน เขายื่นมือมาขยำสองเต้า จนเนื้อนุ่มปลิ้นออกข้างนิ้ว แล้วกดสะโพกสอบ กระทบบั้นท้ายกลมกลึง ทว่าจู่ๆ เขาก็หยุดชะงัก ทั้งที่เธอกำลังจะเสร็จอยู่แล้ว “อือ~ หยุดทำไม?” “อยากให้ทำต่อเหรอ?” เขาถามด้วยความอยากรู้ และต้องการที่จะแกล้งเธอ “เร็วสิ ทำให้มันจบๆ ไป” สาวสวยแอ่นสะโพกเข้าหาท่อนเอ็นยักษ์ แต่เจ้าของกลับถอยหนี แล้วลุกไปหยิบขวดแอลกอฮอล์ ขึ้นมากระดกดื่มแก้กระหาย ระหว่างนั้น ฝ่ายหญิงก็เริ่มขัดใจที่ถูกแกล้ง จึงลุกตามไปรูดชักความเป็นชาย ที่ยังคงผงาดแข็ง แล้วย่อตัวลงนั่งคุกเข่า ก่อนจะแลบลิ้นเรียวโลมเลีย ท่อนเอ็นยักษ์ฝังมุก “อะ อืม!” ทันทีที่ถูกสัมผัสอย่างตรงจุด ชายหนุ่มก็ดูเหมือนจะพึงพอใจ ถึงได้ส่งเสียงคำรามลั่น แล้วสอดมือหนาเข้าใต้กลุ่มผมยาวสลวย เพื่อประคองศีรษะ ให้เธอบรรจงดูดเลียลำยักษ์ “ลากลิ้นขึ้นมาถึงปลายหัว แล้วดูดเข้าไปลึกๆ อ่าส์!” มินตรายอมทำตามคำสั่ง แต่พอจวนจะถึงจุดสุดยอด เธอก็รีบดันเอวสอบสัน ให้ท่อนเอ็นแข็งปั๊ก ที่ห้อมล้อมไปด้วยเส้นเลือดปูดนูน และเม็ดมุกจำนวนมาก หลุดออกจากโพรงปากนุ่มลื่น ซึ่งนั่นทำให้ฝ่ายชายสติแตก พยายามป้อนสิ่งนั้นกลับเข้าปาก แต่เธอหันหนี ก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำ ปัง กรึบ! มือเล็กกดล็อกประตูด้วยความเร่งรีบ “มะ มินตรา เธอกำลังจะทำให้ฉันคลั่ง!” “อยากแกล้งก่อนทำไมละ!” เสียงใสตะโกนตอบกลับ แล้วเดินไปนั่งบนโถสุขภัณฑ์ เพื่อพักขาเรียวทั้งสองข้าง ที่ยังคงสั่นเทิ้มจากการมีเซ็กซ์ นั่นจึงทำให้คนด้านนอกเริ่มกระวนกระวาย เพราะต้องการที่สานต่อ แต่ไม่ว่าจะเคาะเรียกยังไง มินตราก็ไม่ยอมเปิดประตูอยู่ดี “ใกล้จะถึงแล้ว รีบออกมา” เมื่อเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เขาถึงจะพูดคำนี้ “อยู่ในนั้นตอนเครื่องลงมันอันตราย กรึบ!” เจ้าของชื่อเรียกยอมเปิดประตู ซึ่งเธอไม่ได้ยืนเปลือยเปล่า เพราะมีชุดคุมอาบน้ำแขวนอยู่ด้านใน จึงหยิบมาสวมใส่ หลังจากชำระล้างร่างกายเสร็จแล้ว และตอนนี้เธอก็ง่วงนอนมาก จนไม่สามารถตอบโต้บทสนทนา กับคนตรงหน้าได้ “นี่…” มือใหญ่รั้งแขนเรียว ทว่าร่างบางกลับทิ้งน้ำหนักตัวไปที่อีกฝ่าย ก่อนจะซบดวงหน้าสะสวย บนแผงอกล่ำสัน แล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตา เหมือนคอมพิวเตอร์ ที่กำลังจะชัตดาวน์ พรึบ~ ชายหนุ่มไม่รอช้า รีบโอบอุ้มคนตัวเล็กด้วยท่าเจ้าหญิง เพื่อพากลับไปนั่งประจำที่ผู้โดยสาร และช่วยดูแลความปลอดภัย จนกว่าเครื่องบินลำนี้ จะลงสู่พื้นดินโดยสวัสดิภาพ “อือ~” เปลือกตาสองชั้น พยายามปรือขึ้น เพื่อต้อนรับเช้าวันใหม่ ทว่าบรรยากาศภายในห้อง กลับมืดสนิทไร้แสง และเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศที่คุ้นเคย แถมยังมีผ้านวมผืนหนาที่ห่มสบาย ทำให้การตื่นนอนเป็นเรื่องยากลำบาก สำหรับวันนี้ ติ๊ด! แต่ยังไม่ทันจะได้กลับสู่ภวังค์ เครื่องปรับอากาศก็ถูกปิด ก่อนที่ใครบางคน จะเดินไปเปิดม่านบริเวณหัวเตียง ต่อด้วยการเปิดหน้าต่างรับแสง ส่องหัวกระบาลสาวสวยขี้เซา เพื่อบอกว่านี่ไม่ใช่ตอนเช้า ทว่าเป็นเที่ยงที่แดดกำลังแผดเผา “โอ๊ย~ ปลุกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องเปิดหมดขนาดนี้” เรือนร่างเพรียวบาง ที่ยังคงสวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวบริสุทธิ์ ชันตัวลุกขึ้นนั่งขยี้ตา พร้อมกับบ่นเสียงพึมพำด้วยความงัวเงีย แกมหงุดหงิดเล็กน้อย ที่ถูกปลุกด้วยวิธีหักดิบ ซึ่งวิธีนี้ แอบเหมือนกับตอนที่คุณย่า ปลุกเธอสมัยเด็กเลย พูดถึงคุณย่าแล้วก็คิดถึง อยากกลับไปเยี่ยมท่านจัง~ “รีบลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา จะได้ลงไปกินข้าว” เสียงทุ้มต่ำ เริ่มออกคำสั่งกับคนบนเตียงที่ยังไม่ตื่นดี “รับทราบแล้วค่า~ คุณปู่” แต่แทนที่จะเถียง เธอกลับตอบรับด้วยความกวนโอ๊ย “เธอจะบอกว่าฉันแก่งั้นเหรอ?” หนุ่มหน้าตาคมเข้ม ที่อยู่ในชุดเจ้าพ่อทรงอำนาจ เริ่มชักสีหน้าขึงขัง เมื่อเธอแกล้งเปลี่ยนสรรพนามเรียกว่า 'คุณปู่' “โอ๊ะ! หนูไม่ได้บอกว่าคุณแก่เลยนะคะ” เจ้าของใบหน้าสะสวยไร้เครื่องสำอาง ตอบกลับด้วยความใสซื่อ ดวงตากลมโตแป๋วแหวว ทำให้เขาดับอารมณ์ฉุน “รีบลุกขึ้นจากเตียง” “I understand, sir!” มินตรารีบตอบรับ พร้อมกับคลานลงจากเตียงด้วยความว่องไว แต่เธอไม่รู้เลย ว่าการกระทำอันแสนซุกซน ในวัยยี่สิบสาม สามารถเรียกรอยยิ้มจากชายด้านหลังได้ไม่ยาก ซ่าาา~ หญิงสาวทำนอกเหนือจากคำสั่ง เพราะอยากอาบน้ำอีกครั้งให้สบายตัว จึงต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง ในการสระผม ถูตรงนั้น ขัดตรงนี้ ให้สะอาดหมดจด ซึ่งแน่นอนว่าคนที่รอด้านนอกไม่เข้าใจความเป็นผู้หญิงจึงมาเคาะเรียกทุกสิบนาที “ถ้าจะเคาะขนาดนี้ ก็เข้ามาอาบด้วย…อุ๊บ!” มือเล็กรีบยกขึ้นปิดกั้นคำพูดของตนเอง เพราะกลัวว่าพูดไปแล้ว อีกฝ่ายจะบ้าจี้อยากลอง เหมือนตอนอยู่ที่บนเครื่องบินอีก บอกเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ยังคงชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่ภายในหัว ทั้งตอนที่เขายอมก้มต่ำ โลมเลียตรงนั้น เพื่อทำให้เธอเสร็จสม และตอนที่เราสองคนได้จูบปากกันเป็นครั้งแรก ซึ่งจูบนั้น เป็นจูบที่ดูดดื่ม ว่าตอนที่เธอจูบกับพี่นนท์หลายเท่า “ตื่นก็สาย มัวแต่เอ้อระเหยลอยชาย จากมื้อเที่ยงคงจะกลายเป็นมื้อเย็น” ระหว่างที่หญิงสาวกำลังทบทวนภาพในหัว ด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหมือนจะแอบขวยเขิน กับสัมผัสสวาทที่ได้รับ ทว่าเสียงคนด้านนอกที่พูดในเชิงตำหนิ ทำให้เจ้าของความคิด ดึงสติกลับคืนมา แล้วรีบคว้าชุดคลุมมาสวมใส่ ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำ ไปยืนประจันหน้าอีกฝ่าย “ขี้บ่นเหมือนกันนะคุณเนี่ย” คนตัวเล็กพูดพลางแหงนหน้าขึ้นมองชายร่างใหญ่ ที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์อีกเช่นเคย เอาจริง เธอยังไม่เคยเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเขาเลยสักครั้ง เห็นแต่คิ้วดกดำที่ขมวดเข้มติดกันเป็นปม มาคู่กับแววตาดุดันที่ชอบใช้กดขี่ข่มแหงคนอื่น และคนอื่นที่ว่าก็คือ ‘เธอ’ เพราะโดนเขาดุเป็นประจำ “ฉันไม่ได้ขี้บ่น แต่ไม่เคยมีใครสอนเธอเหรอ ว่าเป็นผู้หญิงไม่ควรนอนตื่นสาย” หืม~ นี่ถือว่าเป็นคำด่าเลยนะเนี่ย “อ่า เคยมีคนสอนอยู่นะ ว่าอย่านอนตื่นสาย ตลาดจะวาย ผู้ชายจะหมด อดมีผัว” มินตราพูดติดตลก พร้อมกับยกยิ้มกลั้นขำ ทว่าฝ่ายชายกลับทำหน้านิ่ง แล้วยกมือขึ้นกอดอก “คุณไม่ขำก็ไม่เป็นไร แต่หนูถูกใจกดไลท์คำสอนนี้~” สาวสวยยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินเลี่ยงไปหาผ้าสะอาด มาเช็ดผมยาวสลวยสีดำเงางาม ที่เปียกหมาดๆ จากการอาบน้ำสระผม จะว่าไป ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสมุนไพรก็ไม่ได้แย่นัก ถึงแม้ว่าปกติแล้ว เธอจะใช้ของเหล่านี้เฉพาะของดี มีคุณภาพ ติดแบรนด์ดัง ทว่าของใช้ของท่านพญาเสือก็ไม่ได้แย่ แค่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับคุณลุง ที่มีอายุหน่อย ถ้าเปรียบเทียบว่าเป็นคุณปู่ เดี๋ยวจะใจร้ายจนเกินไป “คุณลุงมีครีมทาผิวให้หนูยืมไหมคะ?” สรรพนามเปลี่ยนไปตามความกวนตีน (>~0<) เมื่อพูดถึงช่วงวัยเด็ก ความรู้สึกคิดถึงก็แทรกเข้ามา แต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้กลับไปหาคุณย่าเลย เพียงแค่มีเวลากลับไปน้อยมาก เพราะหลังจากเรียนจบ เธอก็เดินหน้าทำธุรกิจเกี่ยวกับแบรนด์น้ำหอม ไหนจะปลีกตัวไปช่วยธุรกิจของพ่อกับแม่อีก ทำให้เวลาว่างไม่ค่อยมี จนกระทั่งถึงตอนนี้ เพิ่งจะรู้สึกได้ว่าตัวเองมีเวลา แต่ยังไม่ได้กลับไปหาท่านเสียที “ถ้าขอกลับไปเยี่ยมญาติ เขาจะอนุญาตไหมนะ?” มินตราพูดกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากห้องนอน “ชักช้า” พอเธอเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ก็ถูกตำหนิอีกเช่นเคย “ปะป๊า~ หนูคิดถึงคุณย่า” เธอไม่สนใจคำตำหนิ แต่ใช้เสียงสองออดอ้อนเขา “มาบอกฉันทำไม?” ดูเหมือนเขาจะชอบสรรพนามนี้นะ ไม่เห็นขัดเลย “ถ้าหนูจะขอกลับไปเยี่ยมญาติอีกสักอาทิตย์…” “ฉันไม่อนุญาต” แป๋ว! อุตส่าห์ออดอ้อน แต่กลับใช้ไม่ได้ผลซะงั้น “เชิญนั่งก่อนค่ะ คุณญาณี” คุณป้ากลิ่นหยดพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนจะช่วยเลื่อนเก้าให้เธอนั่ง ขณะที่เจ้าของบ้านนั่งดึงหน้าตึงอยู่หัวโต๊ะ “โอ๊ะ~ วันนี้ปะป๊าให้หนูร่วมโต๊ะด้วยเหรอคะ?” เธอเพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยร่วมโต๊ะอาหารกับเขามาก่อน แต่วันนี้เราได้ทานอาหารพร้อมกัน เป็นบรรยากาศที่น่าแปลก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD