ณ.โรงแรมชื่อดังใจกลางกรุง
งานเลี้ยงรุ่นบัณฑิตเทเวศร์ ถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ เพื่อรองรับสมาชิกทั้งเจ็ดสิบแปดคน ซึ่งธีมงานเป็นไปตามที่กำหนด ในธีม ‘นักล่า’ ทุกคนที่มาร่วมงานจะต้องแต่งตัวให้ตรงตามธีม เพื่อทำให้บรรยากาศภายในงานเลี้ยงรุ่นวันนี้เป็นไปในทิศแนวทางเดียวกัน ไม่เกิดความแปลกแยก
แต่สามารถโดดเด่นได้ โดยไม่มีข้อกำหนดใดๆ ทั้งสิ้น
“อ่า นั่นลิลลี่จริงๆ เหรอ!?”
หนึ่งในกลุ่มเพื่อนเอ่ยทักทันที ที่ศูนย์รวมของจักรวาลประจำรุ่น (ตัวเองอยู่เหนือทุกสิ่งอย่าง เลยโดนเรียกแบบนี้) เดินเข้ามาในงานด้วยชุดแม่เสือสาวนักล่า ที่แหวกหน้าแหวกหลังโชว์ทรวดทรงไม้กระดานกับผิวขาวซีดเหมือนผีขาดเลือด
“เฮ้! พวกเรา ยัยมินกับยัยมัสมาแล้ว”
หนุ่มแว่นฮอตเนิร์ดอดีตหัวหน้าห้อง ตะโกนบอกเสียงดัง ก่อนที่ทุกคนจะรีบหยิบโทรศัพท์ส่วนตัว ขึ้นมาเตรียมถ่ายดาวเด่นประจำรุ่นซึ่งทุกปีสองสาวสุดแซ่บไม่เคยทำให้ผิดหวัง
“วู้ววว รุ่นเรามีแมวสีสวาดด้วยโว้ย~”
สิ้นเสียงเปิดตัว ร่างผอมเพรียวภายใต้ชุดหนังแก้วสีดำ ย่างกรายบนรองเท้าส้นเข็ม เข้ามาในงานด้วยลุคแมวสาวสีสวาด ชุดจั๊มสูทยาว ผ่าข้างตั้งแต่สะโพกลงไปถึงปลายขา และผ่าช่วงบนบริเวณหน้าอกหน้าใจขาวอวบ ดึงความเซ็กซี่ของสาวหมวย ให้กลายเป็นแมวเหมียวขี้ยั่ว ที่มาพร้อมกับแส้ เตรียมฟาดชายหนุ่มร่วมรุ่น ที่เริ่มมองมา ตาเป็นมันในตอนนี้
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
“เหมียว~ มีหนุ่มๆ คนไหนอยากโดนฟาดไหมเอ่ย~”
แมวสีสวาดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ก่อนจะส่งวิงค์ให้เพื่อนชาย ที่ต่างพากันยกมือกุมหัวใจ เพราะแพ้ทางให้กับความน่ารักของสาวหมวย ที่พร้อมกดทุกคนให้จมเตียง
“แม่เสือสาวมาแล้ว กรี๊ดดด! มาดนางพญาเสือสุดๆ!”
ขณะเพื่อนสาวร่วมรุ่น ที่ไม่ค่อยสนิทกัน ยังถึงกับต้องกรีดร้องให้กับชุดของแม่เสือสาว เพราะถูกสั่งตัดมาอย่างดีเยี่ยม เข้ากับหน้า และสไตล์การแต่งตัวของ ‘มินตรา’ ในวันนี้
เกาะอกสีดำปาดร่องลึก ตัดเย็บเข้ากับกระโปรงไว้หางยาวลายเสือ แบ่งครึ่งเทไปด้านหลังเหมือนกระโปรงของเจ้าสาว ส่วนด้านหน้าสวมใส่จีสตริงถุงน่อง ลายลูกไม้ ปิดทับด้วยกระโปรงตาข่าย ดูลึกลับ น่าค้นหา แต่ยังมีเสน่ห์เหลือล้น
ส่วนรองเท้าเป็นบูทหุ้มข้อ ส้นสูงเจ็ดนิ้ว พิมพ์ลายเสือ
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือการแต่งหน้า ความเป็นสาวไทย เครื่องหน้าชัด การแต่งให้สวยดุ สะกดทุกสายตา จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินความสามารถ เพราะองค์รวมของใบหน้า ฟ้าประทานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ลุคแม่เสือสาว เข้ากับการปล่อยผมยาวเหยียดตรงจนถึงแผ่นหลัง แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแบรนด์ดัง เนรมิตสาวสายฝอมาดนางพญาแห่งพงไพร ที่สวยดุ เซ็กซี่ และมีเสน่ห์ จนไม่อาจละสายตาได้
แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ!
ทุกคนในงานเลี้ยงรุ่น ต่างพากันสาดแสงแฟลชมาที่สองสาว สองสไตล์ จนลืมไปว่าคนที่คิดธีมงานวันนี้ก็คือ ลินลี่
“พวกแกตื่นเต้นกับชุดยั่วเพศแบบนี้เหรอ?”
นึกถึงปุ๊บ เสนอหน้าปั๊บ ความมั่นหน้าให้เต็มล้านเลย
“Shh~ มีปัญญาแต่งได้แค่นี้ อย่าพูดเยอะดีกว่า”
มัสเดินไปประจันหน้า แล้วไล่สายตามอง ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ซึ่งนางพยายามที่จะโดดเด่น แต่การออกแบบชุด เหมือนเศษผ้ารีไซเคิล ที่ตัดเย็บไม่มีความพอดีตัวเลยสักนิด ต่างจากชุดของพวกเรา ใช้ดีไซเนอร์ระดับโลก เพราะดีไซเนอร์คนนั้น เป็นเพื่อนของเมทัล ที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของมินตรา
“คิดว่าเด่นแล้วจะชนะฉันได้เหรอ?”
“Oops! Sorry นะ เพราะนอกจากเด่นแล้ว พวกฉันยังสวย รวย แซ่บ แค่สามอย่างนี้ ก็สามารถเอาชนะแกได้สบาย”
“หึ!”
“ขำอะไรเหรอ ยัยลิ้นหมา”
พอมัสเรียกชื่อนี้ ทุกคนในงานถึงกับกลั้นขำกันไม่อยู่
แต่อย่าคิดว่านี่รุนแรงแล้ว เพราะสำหรับลิลลี่ ตอนที่นางถืออำนาจอยู่เหนือ นางกดหัวทุกคนอยู่ต่ำกว่า ทำให้ไม่มีใครในรุ่นชอบนิสัยของนาง แต่ถ้ามีคนเข้าหา แสดงว่าช่วงนั้นนางมีผลประโยชน์ แต่เท่าที่ดู ต่อให้มีผลประโยชน์ยังไง ก็ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ เพราะนาง Toxic ทำตัวเป็นมลพิษต่อโลก
“เหอะ! ฉันจะคอยดู แกไม่มีทางได้ดีไปกว่าฉันหรอก”
ลินลี่สวนกลับมัส ก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปนั่งที่โต๊ะ
“แกไม่มีทางได้ดีไปกับฉันหรอก ชิส์ กล้าพูดนะย่ะ~”
มัสล้อเลียนคำพูดของลินลี่ พร้อมกับเบะปากมองบน
“นี่ ฉันว่านางดรอปไปเยอะเลยนะ”
มินตราพูดพลางเดินไปนั่งไขว้ห้าง บนเก้าอี้ที่เพื่อนร่วมรุ่นหาผ้าลายเสือ มาคุมเก้าอี้ให้สมกับที่นั่ง ของนางพญา
“จะไม่ให้ดรอปได้ยังไงก็ชีวิตนางกำลังวิกฤต”
“เรื่องครอบครัวใช่ไหม?”
“อ่าหะ ถ้านางไม่มีปัญหา คงจะปากดีกว่านี้”
มัสพูดพลางยิ้มเยาะ แล้วหยิบแก้วแชมเปญยกดื่ม
“แล้วนี่แกไม่ดื่มเหรอ?”
“ไม่อยากอะ”
“ได้ไง เมื่อวานก็ไม่ดื่มไวน์ วันนี้ยังไม่ดื่มแชมเปญอีก”
“เบื่อรสขม ขอดื่มแค่น้ำเปล่าก็พอ”
“แปลกกก~”
“ไม่แปลก แกอยากดื่มก็ดื่มไปสิ เดี๋ยวฉันดูแลแกเอง”
“แปลกกก~”
“คนที่แปลกคือแก นี่เรื่องเมื่อวานยังไม่เคลียร์เลยนะ”
“อุ๊บส์!” (^×^!)
“หึ! ยัยคนทรยศ”
“เขาไม่ได้เรียกว่าทรยศ แต่เรียกว่าห่วงจ้ะ”
“ห่วงโดยที่ให้พี่สาวฉันมาจับตาดูเพิ่มอีกคน งี้เหรอ?”
“Yeah~ ฉันคนเดียวคุมลำบาก ต้องให้พี่สาวมาช่วย”
“หึ!”
“แกมันดื้อ ฉันคนเดียวเอาไม่อยู่หรอก”
“หึ!”
“ผัวแกก็เอาแกไม่อยู่เหมือนกัน ฉันเชื่อ”
“ผัวใคร ฉันไม่มีผัว สวยชนาดนี้ โสดค่าาา~”
“ทำเป็นปากเก่ง ผัวมาตาม จะขำให้ท้องแข็ง”
มินตรายักไหล่ แล้วสะบัดหน้าสะสวยหันไปมองทางอื่น ซึ่งหนุ่มหล่อภายในงาน ต่างพากันจับจ้องมาที่เราสองคน แต่เธอไม่อยากจะใส่ใจนัก เพราะไม่มีใครโดนใจเท่า ‘พี่นนท์'
"Hey girl~ เป็นยังไงบ้างสาวๆ”
หนุ่มแว่นฮอตเนิร์ดอดีตหัวหน้าห้อง เดินตรงดิ่งเข้ามาทักทาย แล้วไม่ลืมที่จะโน้มตัวลงมาจูบปากอดีตแฟนเก่า แต่ดูเหมือนว่ามัสจะไม่เล่นด้วย จึงยกฝ่ามือขึ้นปิดกั้นเอาไว้แทน
“เลิกกันแล้ว ก็ให้มันแล้วไป”
“แต่เราสามารถกลับมาสานต่อกันได้นะ”
“Thank you, next!”
มัสตอกกลับ ก่อนจะชันตัวลุกขึ้นสะบัดบ๊อบ แล้วเดินไปหาผู้ชายที่ถูกตาต้องใจ แทนที่จะกลับไปสานสัมพันธ์ต่อกับแฟนเก่า ทำเอาเพื่อนร่วมรุ่นที่เห็นภาพนี้ถึงกับขำ ‘ชีออน’
“ไม่ต้องกลั้นขำหรอก ยัยมิน”
“หือ ฉันเปล่ากลั้นนะ ฮ่าๆๆๆ~”
มินตรายกมือขึ้นปิดปากขำ เพราะตลกกับท่าทางแห้วกินของชีออน แต่ก็แอบสะใจ เพราะนางเป็นคนเจ้าชู้เงียบ ทำให้มัสเอือมระอาที่จะคบกันต่อ จึงจัดการเททิ้งแบบไม่เห็นหัว
“เฮ้อ เอาเหอะ แล้วนี่เธอมีแฟนยัง?”
ชีออนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พลางยกแก้วแชมเปญดื่ม
“ถามทำไม?”
“มีคนสนใจเธอแต่ไม่ใช่ฉันแน่นอน”
ชีออนพูดพร้อมกับใช้สายตาภายใต้กรอบแว่น มองไปที่กลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นอีกกลุ่ม ซึ่งเป็นชายล้วนอดีตนักกีฬาดัง
“ไอ้คอนเนอร์มันอยากขอคอนแทค”
หนุ่มลูกครึ่ง ตาสีฟ้า หันมาส่งยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย
“ไม่ให้”
“เฮ้~ รีบปฏิเสธจัง หรือว่าเธอมีแฟนแล้ว?”
“ยังไม่มี”
จะตอบว่ามีแฟน เหมือนที่ตอบพี่สาว ก็กระดากปาก
เพราะเอาจริงยังไม่มีใครขอเป็นแฟนเลยสักคน แต่ถ้านับการมีเซ็กซ์ ผู้ชายมาทีหลัง ดูเหมือนจะข้ามขั้นไปมากกว่า
“งั้นก็ลองเปิดใจดูก่อนสิ เธอสวยมากเลยนะ คืนนี้”
มินตรายักไหล่เล็กน้อย เป็นเชิงน้อมรับคำชมเท่านั้น
“หรือว่าเธอยังตามนนท์ทวิวัฒอยู่?”
นัยน์ตาสวยดุ เบือนมองด้วยหางตา
“อย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันแค่ถามเพราะฉันมีข่าววงใน”
“วงในอะไร เขาออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว อย่ามั่ว”
“ไม่มั่ว เรื่องนี้มีมูล เพราะฉันมีรุ่นพี่ ที่รู้จักนนท์ทวิวัฒ”
“เหอะ! จะพูดอะไรก็ช่าง”
เธอเริ่มชักสีหน้าหงุดหงิด เพราะไม่ชอบฟังข่าวพวกนี้
“นี่ ฉันบอกด้วยความหวังดีนะ”
มินตราส่ายหน้า ทำท่าจะลุกขึ้น
“นนท์ทวิวัฒชอบผู้ชาย”
ร่างเพรียวหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมองตาขวาง
“ฉันพูดจริงๆ นะเว้ย นนท์ทวิวัฒมีแฟนที่คบกันมาสิบกว่าปี แล้วที่ออกจากวงการเพื่อจะกลับไปอยู่กับแฟนคนนั้น”
“พล่ามจบหรือยัง ฉันจะได้กลับ?”
“มีเรื่องอะไรกัน?”
มัสเดินกลับมาที่โต๊ะ เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มไม่สบอารมณ์
“ฉันแค่เอาความจริงมาบอก เผื่อเธอจะได้ตาสว่าง”
“ตาสว่างเรื่องที่ยัยมัสแอบชอบเกย์นะเหรอ?”
ลินลี่รีบแทรกตัวเข้ามาหาซีน พร้อมกับพูดจาเหยียด
“ไม่พูดคงไม่มีใครหาว่าแกปากเน่าหรอกนะ”
มัสหันไปสวนกลับ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงพูดต่อ
“แล้วทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ในเมื่อความจริงก็คือความจริง เพราะนอกจากยัยมัสจะเป็นซาแซงโรคจิต ตามติดชีวิตคนดัง นางยังแอบชอบพวกวิกลจริต ผิดเพศ ด้วย อิ้ว! ขนลุก”
ลิลลี่พูดจาเหยียดเพศ พร้อมกับแสดงสีหน้ารังเกียจ
“หึ! คนที่หน้าขนลุกคือแกต่างหาก”
มินตราเดินไปประจันหน้า แล้วกดสายตามองต่ำลง
“ถ้ายังใช้ชีวิตให้ดีเหมือนปากไม่ได้ ก็อย่าหาเหยียดคนอื่น เพราะสิ่งที่แกพูด สิ่งที่แกทำ มันต่ำเหมือนสันดานแก”
“อูยยย เอาอีกยัยมิน~”
คนในห้องโถงต่างพากันส่งเสียงเชียร์ในคำด่า
“เหอะ! ด่าแค่นี้ฉันไม่สะทกสะท้านหรอกนะ”
“แหงสิ ก็หน้าแกมันด้านซะขนาดนี้ จะไปรู้สึกได้ยังไง”
นัยน์ตาสวยดุจ้องลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้น จนอีกฝ่ายต้องเบือนหน้าหนี เพราะไม่กล้าสู้สายตาเวลาเธอโกรธจริงจัง
“ไม่เอาหน่า พอแล้ว เดี๋ยวงานเลี้ยงกร่อยกันพอดี”
ชีออนรีบเข้ามาแทรกระหว่างกลาง แต่โดนมัสผลักอก
“อย่าเสือก”
“เฮ้! ฉันแค่พูด เพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศ”
“มันเสียตั้งแต่พาขยะเข้ามาในงานแล้ว”
ลินลี่พูดพลางมองจิกไปที่มัส ซึ่งมัสเป็นคนไม่ยอมใคร จึงยกมือขึ้นจิกหนังหัว แล้วใช้มืออีกข้างตบปากของลินลี่
เพียะ!
“แกกล้าตบฉันเหรอ อีนังบ้า พรึบ พลั่ก เพียะ เพียะ!”
ลินลี่สู้กลับ แต่ไม่สามารถเอาชนะแรงของมัสได้ ซึ่งระหว่างนั้น เธอหันไปเห็นสมาชิกบางคน ยกโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาถ่ายคลิปวีดีโอ ซึ่งเป็นทั้งข้อดี และข้อเสียต่อตัวเพื่อน เธอจึงรีบเข้าไปหยุดมัส เพราะคดีทำร้ายร่างกาย คงจะทำให้เพื่อนของเธอเกิดปัญญาได้ ฉะนั้น แค่ตบสั่งสอนแค่นี้พอแล้ว
แค่นี้ = เลือดกบปาก จมูกหัก ผมหลุดเป็นกระจุก