ขาเรียวยาวก้าวลงจากรถเมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ หลังจากที่มันจอดสนิทอยู่ที่โรงรถของคอนโดมิเนียม นอกจากแชร์เฮาส์ซึ่งเป็นที่อยู่ของเธอและเพื่อนอีกสองคนแล้ว เธอยังมีคอนโดมิเนียมส่วนตัว
วันนี้เรติกากะจะมาพักผ่อนอยู่คนเดียวตามลำพังซะหน่อย เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างทำให้เธอต้องใช้ความคิด ถึงแม้ว่าอยู่กับเพื่อนอาจได้คำปรึกษาและคำแนะนําที่ดีกว่า แต่ในบางครั้งเธอก็อยากลองคิดทบทวนบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเอง
เรติกาครุ่นคิดบางอย่างในหัวขณะที่ค่อยๆ ชะลอฝีเท้าให้ช้าลงก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในลิฟต์ตามปกติ มือเรียวกดปุ่มไปยังชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียม ในขณะที่ชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามาในลิฟต์กับเธอด้วย
ผัวะ! ฮั่ก! พลั่ก!! ตั่บ! ฮั่ก! ผัวะ!!
ทั้งหมัดทั้งศอกถูกประเคนใส่ชายฉกรรจ์ทั้งสองไม่ยั้ง ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดสนิท แม้จะร่างเล็กกว่าแต่ด้วยเธอฝึกฝนทักษะการต่อสู้ตั้งแต่เด็กมาอย่างชำนาญ ทำให้มีแรงมือแรงเท้าหนักพอที่จะทำชายฉกรรจ์ทั้งร่วงลงไปกองกับพื้น ผนวกกับความคล่องแคล่วว่องไวและตัดสินใจรวดเร็วจึงทำให้เธอได้เปรียบ
แตร๊น!!!
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งสั่นกระตุกอย่างแรง เมื่อถูกเล่นงานด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้าที่เธอพกติดมากับกระเป๋าสะพาย ในขณะที่อีกคนโดนเข่าของเธอทับลงตรงท้ายทอยอย่างหนักหน่วง จนมั่นใจว่าคนที่โดนช๊อตน๊อกหมดสติไป เรติกาจึงหันมาจัดการกับอีกคนด้วยการประเคนหมัดหนักๆ ทุบกระแทกทุกส่วนที่เป็นจุดอ่อนของร่างกายอย่างระบายอารมณ์
อั่ก! ผัวะ! เอื้อก!
เธอไม่ถามให้เสียเวลาว่าใครส่งพวกมันมา แต่เลือกจัดการพวกมันให้น๊อกคาที่และจัดการค้นกระเป๋ากางเกงของพวกมันทั้งคู่แทน เผื่อจะมีบางอย่างที่สามารถสาวไปถึงตัวบงการได้ ตรวจพบนามบัตรซึ่งมีเบอร์ติดต่อที่คุ้นตา และเมื่อเช็กอย่างถี่ถ้วนแลัวมันตรงกับเบอร์ที่โทรมาก่อกวนเธอเมื่อสามวันก่อน เสียงเค้นหัวเราะอย่างกะคนโรคจิตนั้นเธอยังจำได้ดี
ติ๊ง~
เสียงในลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับประตูลิฟต์ที่ค่อยๆ เปิดออก ดวงตาเพชฌฆาตเหลือกกลอกกลิ้งไปมาอย่างสุดจะทน เธอทิ้งสายตาลงมองนามบัตรนั้นอีกครั้งพลางถอดหายใจเฮือกใหญ่ มือเรียวยื่นไปกดปุ่มลิฟต์ที่ชั้นล่างสุดของคอนโดมิเนียม ก่อนจะเดินจากไปเธอกระทืบพวกมันซ้ำด้วยความโมโหสุดฤทธิ์ และเดินเข้าไปในลิฟต์อีกตัวที่ติดกันเพื่อลงไปในชั้นที่มีห้องของเธอ
“แปลกๆ ป่ะวะ” คาริสาเป็นเจ้าของเสียงนั้น หลังจากที่สืบหาข้อมูลของคนที่เป็นเจ้าของเบอร์แปลกที่โทรมาก่อกวนเรติกา ที่ทำเอาเธอถึงกับหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อสามวันก่อน ตลอดสามวันหลังจากนั้นก็มีชายแปลกหน้ามาตามติดตัวเธอ และเรติกาเองก็รู้ตัวมาตลอด ทั้งที่จะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองเงียบๆ แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องให้คาริสามาช่วยสืบข้อมูลจากหลักฐานที่เธอได้มา เพราะคาริสาถนัดด้านการสืบหาข้อเท็จจริงและวิเคราะห์ข้อมูลได้ดีกว่าเธอมาก ซึ่งเพื่อนรักก็หาคำตอบที่เธอต้องการได้อย่างรวดเร็วทันใจ
“มันติดต่อเข้ามาที่เบอร์ส่วนตัวของแก ซึ่งเป็นเบอร์โทรในเครือข่ายพิเศษ ไม่ใช่ใครจะต่อสายตรงมาได้ง่ายๆ นี่แกเคยเมาเหล้าแล้วไปแจกเบอร์ให้ใครมั่วซั่วป่ะเนี๊ย”
แม้จะรู้ว่าเรติกาไม่มีทางทำแบบนั้นแต่ก็อดที่จะกะแนะกระแหน่เพื่อนรักในประโยคสุดท้ายไม่ได้
“ฉันไม่เคยแจกเบอร์ใคร และฉันก็ไม่เคยกินเหล้าเมามายจนไม่มีสติ”
“ถ้าฉลาดถึงขั้นเจาะหมายเลขโทรศัพท์ในเครือนี่ได้ แล้วทำไมถึงโง่ทิ้งหลักฐานข้อมูลที่เป็นตัวตนของตัวเอง” ในขณะที่คาริสาพูดอยู่เรติกาก็ไม่รอช้าที่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ “ใจเย็นก่อนเรย์ นี่แกจะไปไหน”
คาริสาตะโกนถามเพื่อน หลังจากที่เรติกาเดินพรวดพราดเข้าไปในห้องแต่งตัว และเดินออกมาพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตหนังตัวหนามีซิปแขนยาวสีดำโทนน้ำตาล กับกางเกงยีนส์สีดำยาวรัดรูป โดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูดกล่าวสักนิด
“ฉันจะไปเอาเลือดหัวมันออก กล้าดียังไงมาตามรังควานฉัน ไม่ใช่แค่ไอ้กระจอกสองตัวที่มันส่งมาติดตามฉัน แต่มันส่งคนมารื้อห้องฉันด้วย ตอนนี้เซนกำลังช่วยเช็กกล้องให้อยู่”
เรติกาพูดในขณะที่เดินสาวเท้ายาวๆ ออกมาจากแชร์เฮาส์ ซึ่งมีคาริสากึ่งวิ่งกึ่งเดินตามเธอมาจนถึงโรงจอดรถ
“เดี๋ยวก่อนเรย์ แกไม่คิดว่ามันแปลกๆ เหรอ” คาริสาคว้าแขนของเรติกาหลังจากที่เธอขึ้นไปนั่งคร่อมบนเบาะของเมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ เธอจัดการสวมถุงมือและกำลังสวมหมวกกันน็อก
“จากข้อมูลที่อยู่ ดูก็รู้แล้วว่าเป็นพวกโรคจิต ถ้ากล้าท้าทายส้นตีนฉันขนาดนี้ เดี๋ยวแม่งจะกระทืบอัดหน้าให้เละคาตีนเลย” เรติกาพูดโดยไม่เปิดโอกาสให้คาริสาได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ก่อนจะทิ้งท้ายประโยคให้เพื่อนรักรู้สึกสบายใจขึ้น “ถ้ามีปัญหาเดี๋ยวฉันส่งสัญญาณมาขอความช่วยเหลือนะ ฝากบอกเตชินด้วยว่าฉันกำลังจะไปจัดการกับมัน”
คาริสาถอดหายใจพรืดใหญ่ หลังจากที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของเพื่อนรักห่างหายไปต่อหน้าต่อตา
ปัง! ปัง! ปัง!
ฝ่ามือบางแต่หนักทุบประตูห้องซึ่งเป็นที่อยู่ของตัวการที่เธอได้มาหมาดๆ
“ใครวะ!!” เสียงคนข้างในห้องตะโกนพูดพร้อมเสียงกระแทกเท้าหนักๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หากว่าเรติกาที่ยืนกอดอกรออยู่ก่อนหน้า จิ๊ปากอย่างเอือมระอาพร้อมกับก้าวถอยหลังออกห่างประตูห้องสองสามก้าว
แกร๊ก~
โครมมมมม!! พลั่ก!!
ทันทีที่คนข้างในเปิดประตู เท้าหนักๆ ก็อัดกระแทกประตูเข้าไปข้างในด้วยความเร็วและแรงทำเอาชายร่างกำยำที่กำลังเปิดประตูอยู่ในห้องถึงกับเสียหลัก เรติกาพรวดพราดเข้าไปในห้องนั้นและใช้ขาปิดประตูห้อง ก่อนจะจัดการล็อกแขนล็อกขาของชายร่างกำยำด้วยแขนและขาของเธออย่างว่องไวและชำนาญ ร่างกำยำถึงกับหมอบแนบหน้าเข้าหาพื้นห้อง
“มึงใช่ไหมที่ส่งไอ้กระจอกสองตัวมาจัดการกู”
“พูดเรื่องอะไร!! กะ..กูไม่รู้ โอ๊ยยยยย” ผู้ชายในห้องตอบอย่างผู้ร้ายปากแข็ง ก่อนจะถูกบิดแขนเข้าให้อย่างแรง
“หรือมีใครที่บงการมึงอีกที”
“มะ..ไม่มี!”
“บอกมา”
“กะ..กูส่งพวกมันไปเอง”
“มึงอยากตายใช่ไหม!”
อ๊าก! อั่ก!
สิ้นเสียงของเรติกาเสียงร้องโอดโอ๊ยของชายร่างกำยำก็ดังขึ้นมาแทนที่ เพราะโดนแรงหนักๆ ของเท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าการ์ดอัดกระทืบรัวๆ ให้ไม่ยั้ง ก่อนที่เธอจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเค้นหัวเราะที่คุ้นหู
“หึหึ” เสียงมันดังมาจากข้างหลังพร้อมกับระเบิดควันที่กำลังทำงานอย่างรวดเร็ว
พรึบ!
กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอกล่อให้ติดกับดักอย่างแยบยล เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไปตอบโต้กับคนบงการตัวจริงเสียแล้ว จากสายตาที่พร่ามัวค่อยๆ มืดดับจนสนิท