EP.10 ความบังเอิญจอมปลอม
“ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ เจ็ดวันนี้ผมจะพยายามปั๊มหลานให้คุณแม่สักคนสองคน”
แทนไทพูดหน้าตายแล้วหันไปหลิ่วตาให้วาดฟ้า วาดฟ้ายิ้มออกไปด้วยความรู้สึกแห้งแล้ง หัวใจเต้นช้าลงจนแทบหยุดเต้นลงเสียให้ได้ เธอจะทำอย่างไรดี
“ให้มันจริงเถอะ แม่อยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว”
นวลพรรณเดินกลับไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ทิ้งให้คู่บ่าวสาวนั่งด้วยกันเพียงลำพังสองคน จังหวะนั้นชมนาดนำชาร้อนเดินเข้ามาเสิร์ฟพอดี
“ชมมาพอดี ดอกนี้พี่ให้ชม ระหว่างที่พี่กับวาดไม่อยู่ก็ช่วยดูแลบ้านให้ด้วยนะ แล้วพี่จะซื้อของมาฝาก”
แทนไทยื่นดอกลิลี่ให้ชมนาด สาวใช้ที่เขารักและเอ็นดูประหนึ่งน้องสาวคลานตามกันออกมา ชมนาดยื่นมือไปรับดอกลิลี่จากชายหนุ่มแล้วพึมพำขอบคุณแผ่วเบา
“ไปเถอะชม เดี๋ยวพี่จะคุยธุระกับวาดเสียหน่อย”
“ค่ะคุณแทน”
เมื่อวางถ้วยชาร้อนเสร็จแล้วชมนาดก็เดินกลับเข้าไปในครัว ในมือประคองดอกลิลี่เอาไว้ด้วยความหวงแหน เธอรีบนำถาดสแตนเลสเข้าไปเก็บในครัวแล้วเดินกลับไปที่ห้องนอนด้านหลังเรือนใหญ่ หยิบแก้วมาใส่น้ำไม่วายเทน้ำตาลลงไปเล็กน้อย แล้วใส่ดอกลิลี่ลงไป
เธอจ้องมองกลีบดอกสีขาวบริสุทธิ์เนิ่นนาน แววตาเชื่อมหวาน แม้ว่าคนให้จะไม่ได้คิดไกลเกินกว่าคำว่าน้ำใจและมิตรภาพ แต่ทว่าสำหรับสาวน้อยที่เพิ่งแตกเนื้อสาวมาไม่กี่ปี มันกลับมีความหมายมากมายเสียเหลือเกิน
“พี่แทน”
หญิงสาวพึมพำเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยความรักที่เอ่อล้นดวงใจ โน้มใบหน้าหวานลงจรดปลายจมูกบนกลีบดอกสีขาว แล้ววางมันไว้ที่หัวเตียงข้างรูปถ่ายในวันรับปริญญาบัตรคู่กับแทนไท
แทนไทเดินทางมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับวาดฟ้า หลังจากโหลดกระเป๋าลงใต้เครื่องเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็เดินดูสินค้าในส่วนของสินค้าปลอดภาษี วาดฟ้าถือโอกาสดูน้ำหอมเพราะว่าน้ำหอมกลิ่นที่ใช้อยู่นั้นหมดลงแล้ว เลยถือโอกาสเปลี่ยนใหม่เสียเลย
“กลิ่นนี้เป็นไงบ้างคะแทน”
“หอม กลิ่นไหนก็หอมทั้งนั้นถ้าอยู่บนตัววาด”
ก้มลงกระซิบใกล้ที่ใบหูแล้วโอบเอวบางเอาไว้ วาดฟ้านึกสังเวชตัวเอง เธอก้มหน้าลงแสร้งทำเป็นเลือกน้ำหอม ทั้งที่ความจริงแล้วเธอพยายามซ่อนดวงตาที่เต็มตื้นไปด้วยหยาดน้ำใสที่ทำท่าราวกับจะหยาดหยดลงมาเสียให้ได้ หากว่า...ไม่มีเรื่องอัปยศในคืนนั้น การฮันนีมูนในครั้งนี้คงเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นที่แสนมีความสุข
“ไปเถอะวาด ใกล้ได้เวลาแล้ว”
“ค่ะ เดี๋ยววาดไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ก่อนนะคะ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวสีแทนคมคล้ามยืนอยู่อีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นร้านขายเสื้อผ้า แบรนด์เนมของสุภาพบุรุษ เธอรู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเย็นยะเยือก กำขวดน้ำหอมในมือไว้แน่น
“วาดทำไมยังไม่ไปจ่ายเงิน”
“เอ่อ วาดไม่เอาแล้วค่ะ แทนเรารีบไปกันเถอะ”
หญิงสาววางขวดน้ำหอมลงแล้วหันไปจูงมือแทนไทให้ก้าวเดินออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อหญิงสาวหันกลับไปอีกครั้ง พบว่าชายหนุ่มหายไปเสียแล้ว เทวา...คุณจะตามหลอกหลอนฉันไปถึงไหนกัน ทำไมไม่ปล่อยฉันไป หยุดเรื่องราวบ้าบอนี่เสียที ฉันแทบจะทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วนะ...
“มองหาใครหรือวาด”
แทนไทอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่ชะเง้อคอราวกับกำลังมองหาใครสักคน วาดฟ้าหันกลับมาแล้วส่ายหน้างุด
“ไม่มีนี่คะ วาดก็แค่มองอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง”
หญิงสาวปฏิเสธได้ไม่เต็มปากนัก เพราะเธอมองหาเทวา ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเธอว่าการที่เธอได้เจอเขาในวันนี้นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ หญิงสาวสะดุ้งเมื่อจู่ๆ แทนไทก็โน้มกายเข้ามาใกล้แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับหญิงสาว
“อย่ามัวแต่เหม่อสิวาด เครื่องกำลังจะขึ้นแล้วนะ”
“ค่ะแทน”
เธอยิ้มให้เขาแล้วกุมมือเขาเอาไว้แน่น หัวใจเต้นระรัว ไม่วายเหลือบมองไปรอบๆ หากเธอเห็นเขาปรากฏตัวอยู่บนเครื่องบิน เธอจะทำเช่นไร!
นกเหล็กร่อนลงที่ท่าอากาศยานคันไซในช่วงเช้าตรู่ อากาศภายนอกเครื่องบินค่อนข้างเย็น เสียงกัปตันเอ่ยบอกอุณหภูมิสิบแปดองศาเซลเซียส แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนทว่าในยามเช้าอากาศค่อนข้างเย็น แล้วจะค่อยๆ ร้อนขึ้นเมื่อพระอาทิตย์เยี่ยมหน้าขึ้นแตะผืนฟ้า ผู้โดยสารต่างพากันสวมเสื้อกันหนาวเพราะมาจากเมืองที่มีอากาศร้อนชื้นจึงค่อนข้างหนาวมากกว่าคนพื้นเมืองที่คุ้นชินกับอากาศเช่นนี้
“หนาวหรือเปล่า”
“ค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้าแล้วถูมือทั้งสองข้างเข้าหากัน เพราะเธอไม่รอบคอบเอง ทั้งที่นวลพรรณกำชับนักหนาให้ตรวจดูให้ดีว่าลืมอะไรบ้าง ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังลืมนำผ้าพันคอมาจนได้
“เอามือมานี่สิ”
แทนไทดึงมือหญิงสาวไปกุมไว้จากนั้นจึงจับมือเธอซุกลงในกระเป๋าเสื้อโค้ตของเขา โดยที่มือหนายังกุมมือบางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย พลางก้มลงกระซิบถามว่าอุ่นขึ้นบ้างหรือยัง วาดฟ้าพยักหน้าพลันน้ำตาก็ร่วงเผาะอย่างไม่สามารถหักห้ามได้
“เป็นอะไรไปวาด เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรหรอกแทน วาดดีใจค่ะ ดีใจที่ได้รักแทน”
หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น ทว่าเธอต้องรีบปาดหยาดน้ำใสออกจากม่านตา เพื่อมองภาพเบื้องหน้าให้คมชัด ชายร่างสูงในชุดเสื้อโค้ตสีดำลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง เสี้ยววินาทีนั้นเธอเห็นเขาเหลือบมองมาทางเธอเพียงแวบเดียวแล้วเดินจากไปราวกับไม่สนใจ
“แทนคะวาดว่าเรากลับกันดีกว่ามั้ยคะ เอ่อ วาดชักไม่อยากเที่ยวแล้ว”
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าเทวาจงใจตามเธอมาที่ญี่ปุ่น เธอมีทางเลือกไม่มาก นั่นก็คือรีบสารภาพความจริงกับแทนไทเสีย หรือไม่ก็ทำทุกอย่างเพื่อหนีผู้ชายคนนั้น ซึ่งเธอขลาดเขลาเกินกว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับเขา เธอเลือกอย่างหลัง หนีให้ไกลจากผู้ชายคนนั้น
“อะไรกันวาด นี่เรายังไม่ทันออกจากสนามบินเลยนะ จะกลับได้ยังไงกัน ไปเถอะเอาเอกสารไปยื่นที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองกันดีกว่า เดี๋ยวกีจะรอนาน”
ชายหนุ่มพูดถึงกีรณาเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของทั้งสอง หลังเรียนจบกีรณามาศึกษาต่อปริญญาโทที่ญี่ปุ่นและได้มีโอกาสพบรักกับคนญี่ปุ่น จึงแต่งงานแล้วตั้งถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดเกียวโตเรื่อยมา ซึ่งหนึ่งสัปดาห์นับจากนี้กีรณาจะเป็นไกด์จำเป็นพาทั้งสองเที่ยวด้วยตัวเอง