เพราะรัก 5

1941 Words
Because of love เพราะรัก 5 “ทำหน้าอย่างกับไม่ได้นอน” ผักบุ้งรั้งคอฉันให้นั่งลงข้างๆมันระหว่างที่รอเรียน วันนี้เป็นวันกดบัตรคอนแล้วด้วยหลังจากคืนนั้นที่ไปกินชาบูกันฉันก็ไม่ได้คุยอะไรกับเซ็นเลยนอกจากส่งผังคอนให้และบอกว่าจะเอาโซนไหนราคาเท่าไหร่จากนั้นก็ต่างคนต่างเงียบไป ที่บอกว่านอนไม่หลับส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องกดบัตรคอนนั่นแหละอีกเรื่องก็คงจะเป็นเรื่องที่เซ็นพูดวันนั้น ที่ขอเป็นแฟน แม้จะบอกตัวเองว่าเขาแค่พูดเล่น แต่ฉันกลับไขว้เขวหวั่นไหวหลอกตัวเองว่าเขาพูดจริงเลยเป็นเรื่องให้ฉันคิดมากจนนอนไม่หลับแบบนี้ยังไงล่ะ “โทรปลุกเซ็นยัง วันนี้กดบัตรไม่ใช่เหรอ” หลิวหันมาถามหลังจากที่แย่งขนมจากมือพริกไทยไม่สำเร็จ “ยัง เกรงใจเขาน่ะ” “โทรไปเลยบางทีมันอาจจะรอแกอยู่ โทรตอนนี้ก็ได้อาจารย์เข้าช้าสามสิบนาที” “อือ” ฉันพยักหน้ารับมือก็กดโทรหาเซ็น ไม่รู้ว่าเขาตื่นหรือยัง (...) ปลายสายรับแล้วแต่ยังเงียบ ฉันควรจะทักเขาไปยังไงดี “เอ่อ ตื่น ตื่นหรือยัง” บ้าเอ้ย! ทำไมเสียงต้องสั่นด้วยเนี่ย (ตื่นแล้ว เปิดคอมล็อคอินเรียบร้อย) เซ็นรายงานมาโดยที่ฉันไม่ต้องถาม “อือ ฝากด้วยนะ ถ้าไม่ได้ตรงที่อยากได้ เอาตรงไหนก็ได้ราคาไหนก็ได้” (อือ กลับกี่โมงให้ไปรับไหม) “ไม่เป็นไร อาจารย์ขอต่อบ่ายอีกสองชั่วโมงอ่ะ” (จะสิบโมงแล้ววางก่อนแล้วกัน เดี๋ยวยังไงจะไลน์บอกนะ) “อื้อ ฝากด้วยนะ” (ไม่ต้องห่วง ตั้งใจเรียนเถอะ) หลังจากเซ็นวางสายไปฉันก็ลืมเรื่องบัตรคอนเสิร์ตไปทันทีเพราะอาจารย์เดินเข้ามาและเริ่มสอนอย่างรวดเร็วแบบหายใจแทบไม่ทัน ฉันได้จับโทรศัพท์อีกทีตอนสิบเอ็ดโมงกว่าซึ่งเป็นช่วงพักเบรก ฉันไม่กล้าที่จะเปิดดูข้อความในไลน์ที่เซ็นส่งมาเลย ฉันกลัวว่าจะไม่ได้บัตร “ต้น เท็นมันฝากบอกว่าอ่านไลน์เซ็นมันหน่อย” นั่นแหละฉันถึงได้เปิดอ่านข้อความของเซ็นเป็นรูปที่ถ่ายจากหน้าจอคอมอีกทีรวมถึงประโยคถัดมาที่บอกว่าขอรางวัลและสติกเกอร์ตัวสีขาวกอดหัวใจ ระหว่างที่กดดูรูปที่เซ็นส่งมาหัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆรูปที่เป็นหน้ารายการยืนยันการจ่ายเงิน ฉันไม่รอช้าที่จะกดโทรออกหาเซ็นด้วยความดีใจ (เห็นยัง) เซ็นถามน้ำเสียงเจือแววขบขัน “เห็นแล้วๆ ขอบใจนะ” (ไม่เป็นไร แต่ให้ตายเหอะหัวร้อนมากเว็บล่มทุกห้านาทีอ่ะดีนะเราตัดบัตรเครดิตทันก่อนที่มันจะล่มอีกรอบไม่งั้นโดนเธอโกรธแน่ๆ) “ขอบใจนะ เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว” (ไม่เอา รีบกลับมาแล้วกอดเราแน่นๆก็พอ) “ตลก!” (ที่มันขึ้นแบบนั้นแสดงว่าได้แล้วใช่ไหม ไม่มั่นใจอ่ะ) “ได้แล้ว แต่อย่าไปกดยกเลิกนะถ้าทำแบบนั้นเราจะโกรธนายจริงๆด้วย” (รู้แล้วน่า รีบกลับมาล่ะเราจะไปเล่นเกมต่อละเพื่อนรออยู่) การเรียนในช่วงบ่ายไม่ได้ทำให้ฉันหงุดหงิดหรือว่าง่วงแต่อย่างใดเพราะความดีใจที่ได้บัตรคอนมันทำให้ฉันตื่นเต้นจนกระปรี้กระเปร่าตั้งใจเรียนยังไงล่ะ บ่ายสามถึงเวลาที่เลิกคลาสเสริมวันนี้ฉันแยกกับเพื่อนก่อนจะรีบกลับห้อง เพื่อนทั้งสามมองอย่างรู้ทันแต่ก็ไม่ได้แซ็วอะไรออกมา ฉันถึงห้องเกือบๆสี่โมงเย็นเพราะรถแอบติดนิดหน่อย เมื่อถึงก็ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องเซ็นเกือบห้านาทีก่อนจะตัดสินใจเคาะห้องไป รอไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดประตูห้องพร้อมกับใบหน้ายุ่งๆผมชี้ฟูดูไม่เป็นทรง ฉันไม่รอให้เขาได้ถามเพราะทันทีที่ประตูเปิดฉันก็กระโดดกอดเซ็นทันที คนถูกกอดมีท่าทีตกใจแต่แขนก็ยกโอบเอวฉันไว้กันตก “ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณๆๆ” ฉันบอกเสียงอู้อี้ “ดีใจขนาดนั้นเชียว” เซ็นหัวเราะเบาๆระหว่างที่โอบกอดฉันไว้ “อื้อ! ดีใจมากขอบคุณจริงๆนะ” “รู้แล้ว ทานอะไรมาหรือยัง” เซ็นก้าวถอยหลังเกลับข้าไปในห้องช้าๆโดยที่ฉันยังกอดคอเขาและพึมพำขอบคุณ”ม่หยุด “ยัง อยากมาดูกับตาว่าได้บัตรคอนจริงๆเลยรีบกลับ” “หึหึ รอแปบเดี๋ยวเอาโน้ตบุ๊คมาให้ดู” เซ็นอุ้มฉันไปวางที่โซฟาเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนไม่นานก็ออกมาพร้อมกับโน้ตบุ๊คสีเทา “อยากทานอะไรจะทำให้ หรืออยากออกไปข้างนอก” “ไปข้างนอกก็ได้ ฮื่อ! เราดีใจอ่ะได้ตั้งสองใบ เดี๋ยวนะสองใบเหรอ?” ฉันเงยหน้ามองเซ็นที่ยกขวดน้ำเปล่ากรอกปากชิลล์ๆ “อื้อ สอง เราจะไปด้วย” เซ็นตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่เขาจะไปได้ยังไงจะไม่เบื่อเหรอเขาไม่รู้จักใครเลยนี่ “แล้วรู้จักเหรอวงนี้น่ะ” ฉันถามออกไปตรงๆ แต่ก็ต้องยิ้มเขินเมื่อได้รับคำตอบกลับมา “ก็รู้จักแต่ลูกเธออ่ะ พูดกรอกหูทุกวันน้องแบม น้องแบมอย่างนั้นน้องแบมอย่างนี้” “ฮาๆๆ เราไม่ได้พูดบ่อยขนาดนั้นเหอะ จะไปจริงๆเหรอ” “จริง จะไปเฝ้าด้วยพอๆจะไปทานข้าวเลยไหมหรืออยากเปลี่ยนชุดก่อน” “ขอเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเรามานะ” “เปิดประตูเข้ามาเลยก็ได้จะไม่ล็อคเราจะเล่นเกมรอ” “อื้อ เดี๋ยวกลับมา” ฉันกลับห้องตัวเองแอบใช้เวลานานนิดหน่อยเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะออกไปทานข้าว ฉันเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนขาสั้น กระเป๋าสตางค์พร้อมโทรศัพท์พร้อมไปค่ะ ไปทานข้าวกัน “เสร็จแล้ว ไป...เอ่อ ขอโทษค่ะ” ฉันบอกเสียงอ่อนเมื่อเปิดประตูเข้าไปเจอเซ็นกับผู้หญิงคนหนึ่งยืนกอดกันอยู่ ฉันโค้งให้พวกเขาก่อนจะปิดประตูลงตามเดิม ไม่มีเพื่อนไปแล้วฉันกลับไปทานข้าวที่ห้องตัวเองดีกว่า ข้าวกล่องที่มีคนซื้อมาแขวนไว้ให้ตอนนี้ก็ยังเต็มตู้อยู่เลย คิดได้แบบนั้นฉันก็กลับเข้าห้องตัวเองทันที หลังจากทานข้าวกล่องที่พิสูจน์แล้วว่ามีไม่การวางยาอะไรฉันก็กลับไปนั่งทำงานจนเสร็จจากนั้นก็เป็นเวลาของน้องแบมแล้ว ฉันนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตได้ไม่นานก็มีวีดีโอคอลมาจากพ่อ สงสัยล่ะสิว่าพ่อฉันอยู่ไหนจะบอกให้ก็ได้ว่าพ่อฉันน่ะย้ายไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่อิตาลี ส่วนแม่ฉันก็ย้ายไปอยู่กับสามีใหม่ที่ฮ่องกง ถามว่าอยู่ที่นี่กับใคร ฉันอยู่กับเพื่อนฉันไงทั้งพริกไทย ต้นหลิว ผักบุ้ง ฉันไม่เหงาหรอกไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ “ค่ะ” (เป็นยังไงบ้างลูก) “สบายดีค่ะ ทางนู้นเป็นยังไงบ้างคะ” (พ่อสบายดี วันนี้วันเกิดน้องพ่อเลยพามาทานข้าวข้างนอก) ดีจัง “ค่ะ” (เงินเดือนพ่อโอนให้แล้วนะ ถ้าไม่พอบอกพ่อได้นะ) “ขอบคุณค่ะ ที่โอนมามันก็มากพอแล้วค่ะ” ทั้งเงินของพ่อและแม่ที่โอนมาให้ในแต่ละเดือนมันเฉียดสองแสนด้วยซ้ำ ฉันได้แค่เงินแต่ความรักความใส่ใจฉันไม่ได้สัมผัสนานมากจนฉันลืมไปแล้วว่าความรู้สึกพวกนั้นเป็นยังไง (อยากมาหาพ่อไหม เดี๋ยวพ่อซื้อตั๋วให้) “ไม่เป็นไรค่ะ” (เฮ้อ มีอะไรก็บอกพ่อนะพ่อต้องวางแล้วล่ะ เดี๋ยวพ่อโทรหาใหม่นะ) “ค่ะ สวัสดีค่ะ” เชื่อสิอีกไม่ถึงสิบนาทีแม่ก็จะโทรมาแล้วก็พูดประโยคเดียวกับพ่อว่าโอนเงินให้แล้วนะ ฉันรอรับสายแม่และคุยกับท่านอย่างที่คุยกับพ่อ พอวางสายฉันก็เลือกที่อาบน้ำและนอน วันนี้เป็นวันแรกในรอบเดือนที่ฉันรู้สึกเพลียและง่วงตั้งแต่ยังไม่ตีหนึ่ง “ตกใจอะไร ไปได้แล้ว” สาบานว่านั่นคือประโยคแรกที่เขาใช้ทักทายฉันหลังจากที่ฉันเห็นเขายืนกอดกับใครไม่รู้ “เมื่อคืนไม่มีอะไร เธอกลับเราก็ไล่คนนั้นไป” เซ็นเอ่ยเล่าทั้งที่ฉันยังไม่ได้เอ่ยถาม “ทานอะไรก่อนเข้าเรียนไหม” ฉันได้แต่นั่งเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไรเขาไป มันเอ่อ แบบงงๆหน่อยอ่ะที่จู่ๆเขาก็เล่าให้ฟัง “ต้น” “หา? เอ่อ อ้าวถึงแล้วขอบใจนะที่มาส่ง” “ตอนเย็นจะมารับนะไปทานข้าว...” “เราไม่มั่นใจว่าเพื่อนจะชวนไปทานข้าวต่อหรือเปล่า เดี๋ยวเราโทรบอกได้ไหม” ฉันบอกไปอย่างเกรงใจ เพราะแค่เขามาส่งก็เกรงใจจะแย่แล้ว “อือ จะรอโทรมานะ” “ไปแล้วนะ” ฉันลงจากรถก็ตรงเข้าคลาสทันที ยังไม่ทันจะได้คุยกับเพื่อนอาจารย์ก็เดินเข้ามาและเริ่มสอนทันที ท่านเป็นคนที่ตรงเวลามากจริงๆนะข้อสอบก็ยากมากด้วยเช่นกัน เรียนยาวนานสามชั่วโมงแถมอาจารย์ยังขอสอนเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมงอีกด้วยสรุปวันนี้ฉันเรียนสี่ชั่วโมงติด สภาพเพื่อนในคลาสดีกว่าผีดิบนิดหน่อยหนึ่งในนั้นคือฉันนี่แหละ “ร่างพังมาก หิวแล้วด้วย” ผักบุ้งเจ้าเดิมที่เปิดประเด็นหลังจากที่อาจารย์เดินออกจากคลาส “หิวมากเหมือนกัน ไปหาอะไรกินไหมร้านใกล้ๆม.ก็ได้” พริกไทยเอ่ยเสริม “อือ เอาด้วยหิว ง่วงด้วย” ฉันบอกเพื่อน หลังจากเก็บของเสร็จตอนนี้เย็นมากแล้วด้วย “ไปร้านประจำเรากันไหม” “ตกลง เจอกันอยู่ร้านเลยนะ” “ต้นมากับคนสวย now!” ผักบุ้งลากฉันเดินไปพร้อมกับมัน ย้ำนะคะว่าลากจริงๆกว่าจะถึงรถฉันก็ออกอาการหอบเหนื่อยพอโดนลากแล้วเดินไม่ทันฉันก็กลายเป็นวิ่งแทน ผักบุ้งมันดูสนุกที่ได้แกล้งฉันได้แบบนี้เหมือนกัน “ต้องโทรบอกใครไหมว่าจะไปทานข้าว” จู่ๆผักบุ้งก็เปรยขึ้นระหว่างที่กำลังสตาร์ทรถและเคลื่อนตัวรถยนต์อย่างไม่เร่งรีบ “มี! แปบนะเราลืมไปเลย” ฉันรีบคว้าโทรศัพท์ออกมากดโทรหาเซ็นทันที แอบเห็นด้วยว่าเขาส่งข้อความไลน์มาแต่ฉันกลัวว่าเขาจะรอเลยเลือกที่จะโทรหาเขาแทน รอไม่นานปลายสายก็รับสายพร้อมกับความเงียบอีกตามเคย “เราไปทานข้าวกับเพื่อน” (ร้านไหน) “แถวๆม.นี่แหละ” (จะกลับโทรมา จะไปรับ) “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวผักบุ้งไปส่ง” “ใครจะไปส่งแกยะชะนี ให้ผู้มารับสิ” ผักบุ้ง!! ไอ้เพื่อนทรยศ “ไม่ใช่ผู้” อยากจะตะโกนกลับไปเสียงดังแต่พอเอาเข้าจริงทำได้แค่เสียงอุบอิบเท่านั้น (เสร็จแล้วก็โทรมาจะไปรับ ไม่ต้องรบกวนเพื่อน)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD