ดวงตาที่มีแพขนตางอนเป็นแพหนา หลับตาลงอีกครั้งเพื่อตั้งสติให้มั่นอย่างยอมรับในชะตากรรม อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดตามคำที่ไต้ซือที่เธอพึ่งไปกราบไหว้บูชาที่วัดท่านบอกกล่าวเอาไว้ เธอเกิดและเติบโตจนกระทั่งเผชิญชะตากรรมชีวิตมาจนถึงอายุ30ปีขนาดนี้ ไม่มีเรื่องใดที่ต้องหวาดกลัวอีกแล้ว ถึงจะนึกเสียดายทรัพย์สินที่หามาจากน้ำพักน้ำแรง และจากการทำงานหนักมาเกือบทั้งชีวิต แต่ก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้
“เห้อออออ!! ตายทั้งๆที่ใช้เงินในบัญชียังไม่ถึงครึ่งเลย รู้อย่างนี้แม่จะซื้อ ซื้อ และก็ซื้อให้หนำใจ”
เสียงถอนหายใจออกมายาวเหยียด ด้วยความเสียดายเงินทองที่มีอยู่มากมาย ทั้งยังเริ่มรู้สึกหมดหวังเรื่องความทรงจำของร่างนี้ เพราะมั่นใจแน่แล้วว่าตนเองมาสิงสู่ร่างผู้อื่นในยุคจีนโบราณ จากการที่ได้ยินเสียงพูดของผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกรถม้า ผู้หญิงคนนั้นใช้ภาษาบ่งชัดว่าไม่ใช่ภาษาของผู้คนในประเทศจีนยุค2024อย่างแน่นอน
และเมื่อพิจารณารูปร่างที่บอบบางเกินกว่าร่างกายของตนเอง ถึงจะมีเนินเนื้ออวบอิ่มสองข้างของสตรีที่มากล้นเหมือนกัน แต่ทว่า แขน ขา ของร่างนี้เรียวเล็กและไร้กล้ามเนื้อ อย่างไรก็คงไม่ใช่รูปร่างของหมอทหารหญิงที่ฝึกฝนร่างกายตามรูปแบบของนายทหารอยู่เป็นประจำอย่างแน่นอน
‘ไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน ถึงจะหน้าอกอวบอึ๋มเหมือนกัน แต่ดูแขน ดูขาสิ เรียวเล็กเหมือนเด็กสาววัยรุ่นอายุไม่เกิน20ปี’
เสียงวิเคราะห์อยู่ในใจเนื่องจากไม่มีกระจกให้ส่อง เฟยเจินจึงยังไม่เห็นหน้าตาของร่างที่เธอมาอยู่แทนเจ้าของเดิม จึงทำได้แค่สำรวจรูปร่างที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
เหลียนเฟยเจินหมอทหารหญิงที่เกิดและเติบโตในปักกิ่ง เธอเรียนจบคณะแพทยศาสตร์สาขาศัลยกรรมกระดูกและข้อ จากมหาวิทยาลัยการแพทย์ทหารแห่งชาติในกรุงปักกิ่ง มหาวิทยาลัยการแพทย์ทหารที่ขึ้นชื่อเรื่องการสอบเข้าที่ยากลำบากที่สุดในประเทศจีน จากการจัดอันดับในปี คศ.2024
เพราะนอกจากต้องเก่งด้านวิชาการ จนสามารถทำคะแนนถึงเกณฑ์ที่กำหนด ยังต้องทดสอบร่างกายในรูปแบบของทหาร ทั้งการเดินเร็ว การวิ่ง และว่ายน้ำ ให้ผ่านตามเวลาที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด จึงจะสามารถเข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้
ฉะนั้นเหลียนเฟยเจิน จึงเป็นทั้งทหารที่ติดยศล่าสุดคือพันตรีหญิง และเป็นคุณหมอสาวที่นอกจะ ‘สวยเด็ด’ ตามที่บรรดาหนุ่มๆได้ลงความเห็นเอาไว้ เธอยังเก่งกาจทางการผ่าตัดกระดูกและข้อ ซึ่งนับว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลนในโรงพยาบาลทหารเป็นอย่างมาก เพราะเหล่าบรรดาทหารทั้งหลายต่างก็มีเหตุให้บาดเจ็บทางกระดูกและข้อต่อกันอยู่บ่อยครั้ง
วันเกิดเหตุ เธอพึ่งลงเวรจากการผ่าตัดนายทหารยศใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดยาวนานถึง6ชั่วโมงเต็ม ประกอบกับเป็นวันนั้นของผู้หญิงร่างกายจึงอ่อนแอมากเป็นพิเศษ ก่อนนอนเธอรู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าทุกครั้งแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดแค่ว่าได้นอนพักสักหน่อยก็คงดีขึ้น เนื่องจากผลตรวจสุขภาพทุกปีก็ออกมาว่าเป็นปกติดีทุกอย่าง
ใครจะคาดคิดว่าคืนนั้นจะเป็นคืนสุดท้ายที่เธอมีลมหายใจ จนกระทั่งดวงจิตมาสวมร่างผู้หญิงอายุน้อยคนหนึ่งในยุคโบราณ ที่กำลังนั่งอยู่ในรถม้าเพื่อเดินทางไปแต่งงาน เหลียนเฟยเจินมั่นใจแบบนั้นเพราะชุดและเครื่องประดับที่สวมใส่อยู่บนศีรษะ บ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้คือเจ้าสาวอย่างแน่นอน
‘น้องสาวเธอตายได้อย่างไร หลับแล้วตายเหมือนฉันหรือเปล่า’ เฟยเจินคิดอยู่ในใจคนเดียวโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะมีใครมาตอบคำถามของเธอเลยสักนิด
‘เจ้าค่ะ ข้าไม่ค่อยสบายแต่ก็ต้องออกเดินทางเข้ามาเมืองหลวงเพื่อแต่งงาน ตามที่ท่านพ่อต้องการ’ เสียงแว่วๆดังอยู่ข้างหู จนเหลียนเฟยเจินขนลุกไปทั้งตัว
‘อ้าวเฮ้ย ผีก็มา ทางที่ดีก็มาเข้าร่างตนเองเสียสิ พี่สาวจะไปเกิดใหม่เอง พี่สาวไม่ชอบใช้ชีวิตต่อจากคนอื่น เพราะความซวยกำลังจะบังเกิด ดูได้จากที่ต้องไปแต่งงานทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้าว่าที่สามีเลย’
ถึงจะรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว แต่เฟยเจินไม่ได้หวาดกลัวจนเสียสติ ทั้งยังมีแก่ใจสนทนากับน้ำเสียงแผ่วเบาที่ดังอยู่ข้างหูของเธอ
‘ข้าเข้าร่างนี้ไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ ข้าในภพนี้หมดวาสนาแล้วแต่ท่านก็คือข้า เราสองคนคือดวงจิตดวงเดียวกันที่ท่านเทพชะตาพลาดพลั้งทำให้แยกจากกันมานานหลายพันปี นับจากนี้คงต้องฝากท่านดูแลร่างกายของพวกเราจนกว่าจะสิ้นอายุขัยนะเจ้าคะ ส่วนร่างของท่านที่ภพนู้นยามนี้มีหัวหน้าของท่านมารับไปจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ข้ามิได้ตามไปเข้าร่างเฉกเช่นที่ท่านมาเข้าร่างนี้ เพราะร่างกายของเราทั้งสองคนต้องเหลือเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งร่างของพวกเราที่ภพนี้คือร่างที่ถูกเลือกโดยผู้เป็นใหญ่บนสรวงสวรรค์’
เสียงอธิบายยาวเหยียดดังขึ้น เพราะนางเหลือเวลาไม่มากแล้วก่อนที่วิญญาณจะสูญสลายไปตามวัฏสงสาร จึงรีบอธิบายคร่าวๆให้ท่านหมอซึ่งก็คือตัวนางในอีกภพฟังพอให้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น
‘โอ๊ย หัวจะปวด ทำพลาดเองแล้วยังมาเลือกซี้ซั้ว เอาอะไรคิดให้หมอทหารตาย แล้วเหลือดรุณีน้อยอ่อนแรงคนนี้ให้รอดชีวิต แค่คิดก็ลำบากหยิบมีดทำครัวไหวหรือเปล่าเถอะร่างนี้’
เฟยเจินกำลังนึกเสียดายความรู้ความสามารถของตนเอง หากยังมีชีวิตอยู่ก็ยังสามารถช่วยเหลือชีวิตของเหล่าบรรดาทหารกล้าได้วันละหลายคน ซึ่งแตกต่างจากสภาพของสาวน้อยผู้นี้ที่ท่าทางบอบบางอ้อนแอ้นไปทั้งตัว ลำพังจะเอาตัวเองให้รอดชีวิตยังต้องคิดหนักเลย
‘เพราะดวงชะตาของร่างนี้ยืนยาวกว่าร่างของท่านหมอเจ้าค่ะ ต่อให้ไม่ถูกเลือกให้ตายในครั้งนี้ แต่อีกไม่นานร่างท่านหมอก็จะตายจากเช่นเดิม เพราะดวงชะตาชีวิตของท่านหมอช่างแสนสั้น และถูกกำหนดให้ตายภายในอายุ30ปีเท่านั้น’
‘เห้อ เอาล่ะพี่สาวเข้าใจแล้วไม่ตายคราวนี้ก็ตายคราวหน้า โธ่ถัง ตายก่อนเกิดก่อนสินะคิดบวกเข้าไว้เจินเจิน แล้วเหตุใดพี่สาวจึงไม่มีความทรงจำของร่างนี้เลยล่ะ แบบนี้ไม่แย่เลยหรือไง ไม่รู้เขาทั้งยังไม่รู้เราอีก ตายๆ’
เฟยเจินคร่ำครวญอยู่คนเดียวในใจ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียผีเด็กสาวก็ได้ยินเธออย่างแน่นอน ใครจะพูดคนเดียวออกมาให้คนอื่นได้ยิน เดี๋ยวมีคนหาว่าเธอเป็นบ้าหากเป็นแบบนั้นคงยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่
‘รอสักครู่เจ้าค่ะ ข้ากำลังจะมอบความทรงจำของข้าให้ท่านหมอประเดี๋ยวนี้ และท่านเทพชะตาก็มีของขวัญชดเชยที่ทำดวงจิตของพวกเราแยกออกจากกัน แต่ท่านหมอต้องหาให้เจอด้วยตนเองจากแรงปรารถนาที่แก่กล้า ข้าลาแล้วนะเจ้าคะหมดเวลาของข้าแล้ว ท่านหมอข้าฝากท่านถามไถ่ท่านแม่ด้วยนางเป็นสตรีที่น่าสงสารยิ่งนัก เป็นฮูหยินเอกแต่ถูกฮูหยินรองแย่งชิงอำนาจไปจนสิ้น’
เสียงแว่วหวานดังห่างออกไปไกลเรื่อยๆในขณะที่เหลียนเฟยเจิน กำลังรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง ใบหน้างดงามภายใต้ผ้าโปร่งบางของเจ้าสาวบิดเบี้ยวแทบดูไม่ได้ เพราะเจ้าของใบหน้างดงามกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน เมื่อเวลาผ่านไปจนหนึ่งก้านธูป ดวงตากลมโตก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
‘เป็นแบบนี้นี่เอง เหลียนเฟยเจินเจ้าจงไปสู่สุขคติ ข้าเหลียนเฟยเจินผู้นี้จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แทนเจ้าเอง ส่วนท่านแม่ผู้น่าสงสารอีกไม่นานข้าจะกลับไปเยียมเยี่ยนนางที่จวนเอง ส่วนของขวัญจากท่านเทพชะตาคือสิ่งใดกันแน่ เหตุใดจึงไม่บอกกล่าวข้ามาตามตรง’