รุ่งเช้ามาเยือน หยวนถิงเข้าไปรับใช้ฮูหยินน้อยของจวนในเรือนหอตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะรับรู้จากเสียงซุบซิบนินทาของบ่าวในจวนของเสนาบดีเว่ยหวังจิ้ง ว่าคุณหนูของนางนอนอยู่ในเรือนหอเพียงลำพังตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งๆที่เป็นค่ำคืนแรกของการเข้าหอของคู่แต่งงานใหม่
“คุณหนู ไม่สิข้าต้องเรียกท่านว่าฮูหยินน้อย เมื่อคืนนี้เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ข้าได้ยินเสียงซุบซิบจากบ่าวไพร่ในเรื่องที่ไม่ดีสักเท่าไหร่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของท่านกับท่านเสนาบดี”
หยวนถิงเอ่ยถามผู้เป็นนายเสียงเบา เพราะเกรงว่าจะมีผู้ใดแอบฟังแล้วนำความไปขยายจนกระทั่งเกิดเรื่องวุ่นวายให้ตามกล่าวแก้ไขในภายหลัง
“ต่างคนต่างอยู่ นั่นคือความสัมพันธ์ของข้ากับท่านเสนาบดี”
น้ำเสียงหวานกล่าวอย่างขอไปที เพราะนางหาได้ใส่ใจในเรื่องนี้ การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักหากไม่มีการร่วมหอนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
“โถ ฮูหยินน้อยไม่เป็นไรนะเจ้าคะ ท่านงดงามเพียงนี้อีกไม่นานท่านเสนาบดีคงมองเห็น”
หยวนถิงเอ่ยเพียงเท่านั้น เพราะนางมิใช่บ่าวที่ช่างพูดจาให้มากความ คุณหนูของนางว่าอย่างไรนางก็เห็นดีเห็นงามทุกเรื่อง
ก๊อก! ก๊อก!
ขณะที่สองนายบ่าวกำลังพูดคุยกันเสียงเบา เพราะเรื่องที่กล่าวถึงหาใช่เรื่องที่จะนำมาเปิดเผยให้ผู้คนรับรู้แต่อย่างใด ก็มีเสียงเคาะประตูเรือนหออย่างหนักมือถึงสองครั้ง
“ประเดี๋ยวข้าไปเปิดประตูให้เองเจ้าค่ะ อาจจะเป็นบ่าวในโรงครัวมาแจ้งเรื่องสำรับอาหารยามเช้าของฮูหยินน้อย”
หยวนถิงรีบเสนอตัว เพราะคิดว่าบ่าวในโรงครัวของจวนมาแจ้งเรื่องสำรับอาหารเช้า ที่นางกำลังรอคอยอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เพราะไม่รู้ว่าต้องไปสอบถามกับผู้ใดจึงจะได้สำรับเช้ามาให้คุณหนูของนาง
“อืม ข้าไปรอที่อ่างอาบน้ำนะหยวนถิง ข้าเหนียวตัวแต่เช้าอยากแช่น้ำอุ่นจะแย่แล้ว”
ร่างอรชรเดินหายเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว หลังจากตื่นนอนนางก็อยากอาบน้ำชำระล้างร่างกายทันที ก่อนที่จะเริ่มต้นวันใหม่ที่สดใสหรือไม่นั้น คงสุดแล้วแต่โชคชะตานำพาให้เป็นไป หากถึงที่สุดเมื่อไหร่ด้วยสองมือของนางที่ทำงานหนักมาตลอดชีวิต คงได้ลงมือกระทำการบางอย่างเพื่อเอาตัวรอดในยุคนี้ให้จงได้
“เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะรีบกลับมาถูตัวให้นะเจ้าคะ”
หยวนถิงรับคำแล้วรีบเดินออกไปหน้าประตูเรือนหอ เมื่อเปิดประตูออกหยวนถิงก็รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วเมื่อผู้มาเยือนคือบุรุษองอาจเจ้าของจวนที่นางกับคุณหนูพึ่งมาอาศัยอยู่ และเป็นบุรุษที่นางพึ่งกล่าวถึงไปเมื่อสักครู่
“คารวะท่านเสนาบดีเจ้าค่ะ”
“ฮูหยินน้อยอยู่ที่ใด ข้ามีกิจธุระกับนาง”
น้ำเสียงเฉยชาเอ่ยออกไป เขารีบมาหาฮูหยินแต่เช้าเนื่องจากมีกิจธุระด่วนต้องบอกกล่าวกัน ไม่ใช่มาเพราะเสน่หาในตัวนาง
เสียงนินทาแว่วๆจากบ่าวไพร่ในเรือนเขาก็รับรู้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้ใส่ใจที่จะแก้ต่างแต่อย่างใด ทั้งยังปล่อยให้ทุกคนเข้าใจไปอย่างนั้น เพียงแค่อย่านำเรื่องราวของเจ้านายไปโพนทะนานอกจวนก็พอ ซึ่งเรื่องนี้เขาได้แจ้งให้พ่อบ้านผู้ดูแลจวนรับรู้ และสั่งให้บ่าวไพร่ในจวนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
“เอ่อ ฮูหยินน้อยกำลังแช่ตัวอยู่ในห้องอาบน้ำเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าน้อยจะไปแจ้งให้ฮูหยินน้อยทราบว่าท่านเสนาบดีมาขอพบนะเจ้าคะ”
หยวนถิงก้มหน้าตอบอย่างนึกหวั่นเกรงเสนาบดีเว่ยหวังจิ้ง บุรุษหนุ่มที่มีรัศมีน่าเกรงขามยิ่งกว่าใต้เท้าท่านอื่นๆที่นางเคยพบเห็นอยู่บ้าง เมื่อยามที่อยู่ในจวนตระกูลเหลียนเมืองฉาง เพราะท่านเจ้าเมืองฉางบิดาของเหลียนเฟยเจิน มักจะมีใต้เท้าจากต่างเมืองมาเยี่ยมเยียนที่จวนอยู่บ่อยครั้ง
“ไม่ต้องข้าจะเข้าไปหานางเอง เจ้ามีสิ่งใดก็ไปกระทำเสียเถิด โรงครัวเดินออกไปทางซ้ายมือเดินไปไม่ไกล เจ้าไปจัดเตรียมสำรับอาหารเช้าให้ข้ากับฮูหยินน้อยที่ศาลาหน้าเรือนที่ตรงนั้น”
เว่ยหวังจิ้งชี้มือไปที่ศาลาริมน้ำหน้าเรือนหอ และสั่งการสาวใช้คนสนิทของฮูหยินให้จัดเตรียมสำรับอาหารมื้อเช้าสำหรับสองคน
อู่จ้งที่ยืนรอรับใช้เจ้านายอยู่ไม่ไกลถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เพราะจำได้ว่าพ่อบ้านจัดเตรียมสำรับมือเช้าให้ใต้เท้าในห้องอาหารของจวนแล้วมิใช่หรอกหรือ
“เจ้าค่ะ”
หยวนถิงรับคำแล้วรีบเดินตรงไปโรงครัวทันที นางหวั่นเกรงสายตาคมดุที่บ่งชัดว่าไล่ให้นางไปไกลๆ หากไม่ได้รับอนุญาตห้ามกลับเข้ามาที่เรือนหอแห่งนี้เป็นอันขาด
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าหนักๆเดินกระทบกับพื้นเรือนที่ทำมาจากไม้แผ่นใหญ่ จากการลงน้ำหนักของฝ่าเท้าบ่งบอกว่าผู้มาเยือนเป็นบุรุษอย่างแน่นอน เหลียนเฟยเจินจึงลืมตาตื่นขึ้นทันทีเพราะนางกำลังนอนหลับพักสายตา ในขณะที่แช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำอุ่นขนาดใหญ่
“อากาศเย็นเพียงนี้เจ้ายังลงแช่น้ำแต่เช้าตรู่ ประเดี๋ยวก็ไม่สบายจนไปร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงช่วงบ่ายไม่ได้ งานเลี้ยงครั้งนี้สำคัญมากเจ้าต้องไปพร้อมกับข้าในฐานะฮูหยินเอกของเสนาบดีกรมคลัง”
เว่ยหวังจิ้งเข้ามาหาฮูหยินถึงห้องอาบน้ำด้วยความร้อนใจ เมื่อได้ยินว่านางกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ เพราะเกรงว่านางจะไม่สบายจนกระทั่งไปร่วมงานเลี้ยงครั้งสำคัญไม่ได้ งานเลี้ยงในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัวฮูหยินเอกของเสนาบดีกรมคลัง จะได้ไม่มีผู้ใดยัดเยียดสตรีให้แก่เขาอย่างที่ผ่านมา
ช่วงชีวิตหนึ่งเดือนที่อยู่ในตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังของแคว้น ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่มีเหล่าบรรดาขุนนางเฒ่ามากล่าวแนะนำบุตรีให้แก่เขา ทั้งตำแหน่งฮูหยินเอก ฮูหยินรอง และอนุภรรยา แต่บุคคลที่เสนาบดีหนุ่มนึกหวั่นเกรงมากที่สุดก็คือ เฉียนหลงฮ่องเต้ บุรุษสูงศักดิ์ที่สุดของแคว้นที่มีพระขนิษฐาเลยวัยปักปิ่นอยู่สองพระองค์
เว่ยหวังจิ้งจึงได้รีบหาสตรีที่สามารถควบคุมได้ง่ายมาแต่งงาน ก่อนที่จะถึงงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้ เพราะไม่ประสงค์จะเกี่ยวดองกับสตรีในราชวงศ์ทุกพระองค์ ยิ่งองค์หญิงสามที่มักจ้องมองมาด้วยสายตาหวานล้ำเขายิ่งอยากหลบลี้ให้ไกล
“ออกไปรอข้าที่ด้านนอกก่อนไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ อีกสักประเดี๋ยวข้าจะตามออกไป จากนั้นค่อยพูดคุยกิจธุระกันเกี่ยวกับงานเลี้ยงของวันนี้”
เฟยเจินรีบหันหลังหลบสายตาคม ที่จ้องมองมาที่เนินอกของนางที่โผล่พ้นผิวน้ำเกือบครึ่งเต้า นางมิได้ระมัดระวังเพราะไม่คาดคิดว่าสามีในนามจะเดินเข้ามาหาถึงห้องอาบน้ำเช่นนี้ ปกติหยวนถิงต้องเข้ามาบอกกล่าวก่อนไม่ใช่หรือ เหตุใดวันนี้จึงปล่อยให้ผู้มาเยือนมาพบนางถึงห้องอาบน้ำส่วนตัวเยี่ยงนี้
“อะ อืม เช่นนั้นข้าจะรออยู่ศาลาหน้าเรือน หากจัดการตนเองแล้วเสร็จก็ตามไปรับสำรับอาหารเช้าพร้อมกับข้า”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น แต่สายตาที่ไม่สัมพันธ์กับความนึกคิด ก็กวาดมองไปทั่งร่างขาวผ่องที่อวบอิ่มจนเกินตัว ชั่วขณะหนึ่งในความคิดเขาอยากปัดกลีบดอกเหมยกุ้ยที่ลอยทั่วผิวน้ำออกให้หมดคงจะดีไม่น้อย แต่เว่ยหวังจิ้งก็กลับมาตั้งสติได้อย่างรวดเร็วก่อนที่มือใหญ่จะกระทำการอย่างใจนึก
หากเฟยเจินหันมาสำรวจใบหน้าคมสักนิด จะเห็นว่าโหนกแก้มของบุรุษหน้าตึงกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอย่างผิดปกติ แต่ทว่านางหันหลังจึงมิอาจเห็นว่ายามนี้เกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง
“เจ้าค่ะ ท่านรีบออกไปเสียทีข้าจะได้ขึ้นจากน้ำ แล้วเลิกจ้องมองข้าได้แล้ว” เฟยเจินยังคงหันหลังและเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุ เพราะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องมองไม่เลิก นางกำลังเปลือยเหตุใดบุรุษหน้าตึงผู้นี้จึงไม่รีบออกไปเสียที
มุมปากหยักของบุรุษผู้มาเยือนอมยิ้มเล็กน้อยที่ได้กลั่นแกล้งฮูหยินที่กล้าผลักไสเขาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ นางต้องถูกเอาคืนเสียบ้างให้สาสมกับความเมื่อยล้าจากการนอนบนฟูกแข็งๆในเรือนเล็กข้างเรือนหอ