เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่งเรื่องนั้นมันไม่เกินจริงเลย เพราะว่าอนิลาเก็บตัวเงียบในคฤหาสน์มาสองปีเต็มๆ ประตูรั้วที่แสนหรูหราของฟิโลเลนโซเปิดรับแค่เพียงโรซี่และอัคราฟเพื่อนที่อคาเด็มมี่เท่านั้น
ถึงแม้ว่าเธอจะปิดคฤหาสน์ แต่เรื่องงานก็ยังคงต้องทำเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเธอได้ผู้ช่วยใหม่ที่เขาทำงานค่อนข้างดี ทำให้ภาระเรื่องการงานของอนิลาเบาลงไปได้เยอะเลย เธอเก็บตัวเงียบเพราะต้องการอยู่กับตัวเองให้มากขึ้น ความเจ็บปวดจากการสูญเสียไม่ได้หายไปไหน เพียงต้องตอนนี้มันเบาบางลงไปมากแล้วหากเทียบกับเมื่อปีก่อน
“ถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วครับคุณหนู..”
พ่อบ้านส่งรายละเอียดเรื่องการจัดงานพิธีบรรลุนิติภาวะให้กับเธอ ประตูรั้วที่ถูกปิดเอาไว้อย่างยาวนานถึงเวลาที่จะต้องเปิดออกแล้ว
“ช่วยจัดเตรียมส่งบัตรเชิญให้ข้าด้วยค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ ภายในงานรบกวนพ่อบ้านช่วยดูแลให้เรียบร้อยด้วยนะคะ”
พ่อบ้านวัยชราก้มหน้าลงพร้อมกับส่งยิ้มให้คุณหนูผู้งดงามของเขา ผมสีทองสว่างที่หากได้ยากยิ่งให้จักรวรรดิ ไม่ว่าจะมองอย่างไรคุณหนูของเขาก็มีความงดงามที่โดดเด่นมากกว่าใครๆ
และนี่คงเป็นอีกวันที่ข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ได้ลงข่าวเรื่องการเปิดคฤหาสน์ฟิโลเลนโซเพื่อจัดงานเลี้ยงพิธีบรรลุนิติภาวะของผู้นำตระกูลคนปัจจุบันอย่างเลดี้อนิลา
ผู้คนต่างคาดการณ์กันไปต่างๆ นาๆ ว่าใครกันจะได้เป็นคู่เต้นรำคนแรกของเลดี้อนิลาผู้งดงามและแสนร่ำรวยกันนะ
“ช่วยกรุณาผ่อนผันให้ข้าสักครั้งเถอะครับ เราทำการค้ากันมาอย่างยาวนานมีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่ข้าจะขอให้เรือสินค้าของข้าออกเดินเรือไปก่อน และเมื่อได้เงินค่าว่าจ้างมา ข้าจะนำมันมาจ่ายให้ท่าน..เป็นค่าเช่าเรือ”
บุรุษเบื้องหน้ามองชายชราด้วยสายตาดูแคลน
“เรื่องนั้นมันผิดกฎของการเดินเรือ หากไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ข้าก็ไม่สามารถปล่อยเรือของท่านออกไปจากท่าเรือแห่งนี้ได้หรอก ข้าทำธุรกิจเพื่อเงิน มิได้ทำการกุศล..”
ชายชรากำมือแน่นพร้อมกับก้มหน้าลงด้วยความคับแค้นใจ เขาเดินออกมาจากท่าเรือด้วยท่าทีหมดเรี่ยวแรงก่อนที่จะยกขวดสุราในมือขึ้นมากรอกใส่ปาก
มีความจริงหนึ่งอย่างที่เขาต้องยอมรับ ตระกูลของเขามันหมดตัวแล้ว..ถึงแม้ว่าลูกชายจะได้เป็นขุนนาง แต่ทว่ายศเซอร์นั้นมิได้เพียงพอที่จะหาเลี้ยงครอบครัวแม้แต่น้อย แถมวันนี้เขายังโชคไม่ดีที่แทงม้าจนหมดตัวอีกด้วย
พอกลับไปถึงบ้านก็ไม่รู้ว่าจะมีขนมปังกินสักก้อนไหม.. ทำไมชีวิตของเขาถึงได้เดินทางมาที่จุดนี้กันนะ
“หนังสือพิมพ์ไหมครับ!! ข่าวใหม่เกี่ยวกับตระกูลฟิโลเลนโซ เลดี้ทายาทมหาเศรษฐีเปิดคฤหาสน์เพื่อจัดงานเลี้ยง!!”
ชายชราเดินตรงไปยังเด็กน้อยที่กำลังป่าวประกาศพร้อมกับถือหนังสือพิมพ์ในมือโบกไปมา
“ข้าเอาหนึ่งฉบับ..”
ชายชราควานหาเศษเหรียญในกระเป๋าก่อนที่เขาจะส่งให้เด็กหนุ่ม
“สองเหรียญเงินครับลุง นี่เป็นข่าวดังที่บุรุษทุกคนในจักรวรรดิรอคอยเชียวนะ”
“เอาเถอะน่า ขายให้ข้าหนึ่งฉบับ พรุ่งนี้ข้าจะนำเงินอีกหนึ่งเหรียญมาจ่ายให้เอง ข้าไม่เบี้ยวเจ้าหรอก”
เด็กน้อยถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายก่อนที่เขาจะส่งหนังสือพิมพ์ในมือให้กับชายชรา เขารู้ดีว่านี่คือบิดาของท่านเซอร์มานูเอลผู้แสนดี ท่านเซอร์เป็นคนอ่อนโยนและมีเมตตาทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ทว่าบิดาของเขากลับเอาเงินไปเล่นพนันจนทำให้ตระกูลสิ้นเนื้อประดาตัว
เขาเห็นแก่ท่านเซอร์จึงยินยอมขาดทุนและให้หนังสือพิมพ์กับชายชราไป เพื่อหวังว่าท่านเซอร์จะได้ไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย
……..
“ข้าไม่เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้เลยโรซี่ เจ้ากำลังทำให้นิลาเดือดร้อน”
อัคราฟกล่าวพร้อมกับวางหนังสือพิมพ์ลงเบื้องหน้าของโรซี่ คงมีเขาเพียงผู้เดียวที่รู้ว่าสตรีเบื้องหน้าคือเจ้าของโรงพิมพ์
“วางใจเถอะน่า ข้ามั่นใจว่านิลาจะไม่มีทางเดือดร้อนเพราะข่าวในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หรอกอัคราฟเราต่างก็กำลังจะอายุยี่สิบปีแล้ว อย่าว่าแต่การแต่งงานเลย นิลาไม่เคยได้พบเจอความรักด้วยซ้ำ ข้ากำลังทำเพื่อนางอยู่นะ”
คำตอบแบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหนกันเล่า
“ด้วยการพยายามดึงนางเข้ามาเป็นจุดสนใจของแวดวงสังคมอย่างนั้นหรือโรซี่ หากนิลารู้รับรองได้เลยว่านางจะต้องโกรธเจ้าอย่างแน่นอน”
“นิลาไม่เคยโกรธข้าเกินหนึ่งชั่วโมงหรอกอัคราฟ เจ้าต่างหากที่หากอยากทำคะแนนก็ควรรับสั่งตัดชุดก่อนที่ร้านตัดเสื้อบุรุษจะคิวเต็ม..”
อัคราฟหน้าแดงขึ้นมาในทันที ผมยาวสลวยสีเงินของเขานั้นปลิวสยายไปตามสายลมที่พัดเข้ามายังหน้าต่างของโรงพิมพ์ เขาขบเม้มริมฝีปากเพราะไม่รู้จะหาคำใดไปกล่าวเถียงโรซี่ที่รู้เรื่องของเขาหมดทุกเรื่อง
“ความรักมันสวยงามเสมอนั่นแหละอัคราฟ แต่เจ้าอย่าลืมว่าคนเรานั้นอยู่เคียงข้างกันด้วยรูปแบบความสัมพันธ์เดียวเท่านั้น หากเจ้าเลือกที่จะสารภาพรักกับนางก็ต้องยินยอมรับผลของการกระทำที่จะเกิดขึ้นมาด้วย”
“เรื่องนั้นข้ารู้ดี และข้ากำลังพยายามทำให้หัวใจของนิลาตรงกันกับหัวใจของข้าอยู่”
โรซี่หัวเราะเบาๆ ก่อนที่เธอจะส่งหนังสือพิมพ์ให้กับสหาย
“สู้เค้านะอัคราฟ ข้าคอยเอาใจช่วย”
โรซี่กล่าวขึ้นมาพร้อมกับยกยิ้ม หนังสือพิมพ์ในวันนี้ตีพิมพ์ขึ้นมากว่าสี่หมื่นฉบับ มากเป็นสามเท่าของหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เมื่อวาน และมันขายหมดเกลี้ยงเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่วางขาย
เรื่องนี้บ่งบอกได้ถึงความนิยมของนิลาได้เป็นอย่างดี เธอหวังให้เพื่อนได้พบเจอบุรุษที่ทำให้หัวใจสั่นไหวสักที
…….
“เจ้าจะต้องเข้าไปร่วมในงานเลี้ยงในให้ได้ ด้วยยศของเจ้าและใบหน้านี้ข้ามั่นใจว่าเลดี้ฟิโลเลนโซจะต้องประทับใจในตัวเจ้าได้ไม่ยาก”
มานูเอลกำลังวุ่นอยู่กับการต้มซุปที่ทำจากมันฝรั่ง เขามองใบหน้าที่ซูบผอมของท่านแม่ และน้องสาวที่กำลังหิวโหยด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“ข้าต้องทำงานครับ ไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะเดินทางไปยังคฤหาสน์ที่ข้าไม่ได้รับบัตรเชิญหรอก”
“จิ๊! เจ้าลูกคนนี้ เจ้าสามารถเข้าไปในฐานะคนดูแลความเรียบร้อยอยู่แล้ว คิดดูสิหากว่าเจ้าได้แต่งงานกับนางบ้านเราจะสบายขึ้นมากแค่ไหน ลำพังแค่เงินเดือนไม่กี่เหรียญของเจ้าครอบครัวเราจะพออยู่พอกินได้ยังไงกัน คิดบ้างสิ!!”
ความอดทนของเขามันเหมือนกับว่าจะหมดลงในวันนี้ยังไงอย่างนั้นเลย
“แล้วทำไมท่านพ่อไม่ออกไปทำงานบ้างล่ะครับ ทำไมถึงเอาแต่เล่นพนัน!”
“มานูเอล!! ข้าเลี้ยงเจ้ามาด้วยความยากลำบาก เจ้ายังมีหน้ามาเถียงข้าอีกอย่างนั้นหรือ!!”
เขารักงานที่กำลังทำอยู่มากเลย การได้เป็นทหารที่ได้รับใช้และปกป้องประชาชนที่อ่อนแอ แต่ทว่าเขากลับเหนื่อยล้ามากเหลือเกินเมื่อกลับมาถึงที่บ้าน มาพบเจอท่านแม่ที่ถูกทำร้ายและน้องสาวที่เป็นสนามอารมณ์ให้กับท่านพ่อ
เขาอยากจะจบเรื่องนี้ลงแล้วพาแม่และน้องหนีออกไปจากที่นี่ ไปให้ไกลจากท่านพ่อที่เห็นแก่ตัวและใจร้ายแบบนี้! ทว่าเขาก็ยังไม่มีเงินมากพอที่จะไปเช่าบ้าน เพราะเงินเดือนของเขามันน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับเงินเดือนของขุนนางคนอื่นๆ
“ข้าไม่ไปร่วมงานเลี้ยงอะไรนั่นหรอกครับ ข้าไม่ไร้ศักดิ์ศรีถึงขนาดจะต้องหลอกลวงให้สตรีมาดูแลครอบครัวของข้า เพราะข้าสามารถดูแลครอบครัวของข้าได้!”
“เหอะ! ดีจริงๆ ไอ้ลูกเวร โง่เหมือนแม่ของเจ้าไม่มีผิดเลย!”
"เพี๊ยะ!!"
มานูเอลยกมือขึ้นมาจับแก้มของตัวเองเมื่อท่านพ่อของเขาฟาดฝ่ามือลงมา ท่านแม่รับตรงปรี่เข้ามาห้ามปรามแต่ทว่าท่านพ่อมีหรือที่จะฟัง ภาพที่เห็นบ่อยจนชินตาคือการที่ครอบครัวของเขาถูกทำร้ายจากบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดา
คนที่ควรจะปกป้องพวกเราแม่ลูกมากที่สุดกลับลงมือทำร้ายพวกเราอย่างเลือดเย็นมากกว่าใครๆ