1 รอยยิ้มที่หายไป

1700 Words
“เรามีเวลาครึ่งชั่วโมง ก่อนที่รถม้าของตระกูลฟิโลเลนโซจะมารับคุณหนูอนิลาที่เรียนเก่งมากกว่าใครๆ..” อนิลากลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่ายกับท่าทางล้อเลียนของสหายคนสนิทอย่างโรซี่ เราทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเธอคิดว่าเรานั้นนิสัยเหมือนกัน จนกระทั่งเราทั้งสองเริ่มเข้าเรียนที่อคาเด็มมี่ โรซี่นั้นเป็นเลดี้ตระกูลเคาน์ นางน่ารัก สดใสอีกทั้งมีรอยยิ้มที่แสนงดงาม โรซี่สามารถเลือกที่จะดำเนินชีวิตในช่วงวัยอันเบ่งบานสะพรั่งได้ด้วยตัวเอง แตกต่างจากเธอที่จะต้องตั้งใจเรียนให้อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมอยู่เสมอ.. เธอได้จับปากกาขนนกและกระดาษมากกว่าแก้วน้ำชาและชุดเดรสที่แสนสวยงาม อนิลาเกิดในตระกูลพ่อค้า เรามิใช่ชนชั้นสูงมาตั้งแต่กำเนิดแต่ทว่าเพราะความร่ำรวยทำให้ท่านพ่อสามารถซื้อบรรดาศักดิ์ยศบารอนมาได้อย่างง่ายดาย เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลพ่อค้าซึ่งเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ในจักรวรรดิอาบีมิเอล สายตาของทุกคนมองมาที่เธอมันเหมือนกับว่าเธอคือคุณหนูที่น่าอิจฉา ทว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย ชีวิตของอนิลามีตารางชีวิตที่กำหนดเวลาเอาไว้อย่างชัดเจน เธอใช้ชีวิตตามคำสั่งของบิดาที่เข้มงวดยิ่งกว่าผู้ใด ตื่นนอน ลงมาทานข้าว พูดคุยเล็กน้อยในครอบครัว ออกไปเรียน ตอนเย็นต้องรีบกลับมาเพื่อนั่งทำงานแทนท่านพ่อวัยชรา หรือบางวันอาจจะมีออกไปตรวจตราร้านค้าบ้าง ตกดึกทำการบ้านหลังจากนั้นก็เข้านอน…ชีวิตของอนิลามีเท่านี้ แน่นอนว่าเธอไม่ได้รับอนุญาตให้มีความรักหรือว่าคนรักอะไรทั้งนั้นเพราะว่าท่านพ่อและท่านแม่นั้นอายุมากแล้ว ทั้งสองท่านมีทายาทช้ามากเกินไปทำให้พวกท่านไม่เข้าใจชีวิตของเด็กวัยสิบเจ็ดในยุคสมัยนี้ว่าพวกเขาจะต้องออกไปงานเลี้ยงสังสรรค์กันบ้าง “ข้ามีงานที่จะต้องเข้าไปตรวจร้านเครื่องประดับของฟิโลเลนโซ เสียใจด้วยโรซี่เพราะว่าข้าไม่สามารถไปงานเลี้ยงกับเจ้าได้หรอก..” ต้องดีที่สุดเท่านั้น ไม่ใช่แค่ดีเพียงอย่างเดียว.. ท่านพ่อและท่านแม่ค่อนข้างจะคาดหวังในตัวเธอเอาไว้สูงมากเกินกว่าผู้คนทั่วไป “ให้ตายเถอะอนิลา เจ้าจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปถึงไหนกัน ปีหน้าเราจะเข้าสู่พิธีบรรลุนิติภาวะแล้วนะ ยังจะให้พ่อและแม่ของเจ้ามาจำกัดชีวิตเจ้าอีกงั้นเหรอ..?” “เพราะว่าข้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวต่างหาก ถึงข้าจะไม่ได้อยากทำแต่ใช่ว่าจะมีทางเลือก เที่ยวให้สนุกนะโรซี่..” โรซี่ไม่ยินยอมปล่อยมือของอนิลา เด็กสาวตัวน้อยหันไปบอกกล่าวแก่ทหารที่เฝ้าประตูอคาเด็มมี่ “ฝากบอกรถม้าของตระกูลฟิโลเลนโซด้วยนะคะ ว่าอนิลาจะไปในเมืองเพื่อตรวจดูร้านค้าด้วยตัวเองให้พวกเขาไปรอที่จัตุรัสกลางเมือง..” เมื่อกล่าวจบโรซี่ก็ดึงมือของอนิลาให้เดินมาขึ้นรถม้าของตระกูลอาราเดีย เธอส่งยิ้มให้กับอนิลาพร้อมกับจับมือสหายเอาไว้แน่น รอยยิ้มที่แสนงดงามบนใบหน้าของอนิลานั้นเริ่มจางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พอรู้ตัวอีกที บนใบหน้าที่งดงามนั้นก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย เหมือนกับว่าสหายของเธอกำลังจมอยู่กับความทุกข์ที่แสนสาหัส แล้วเธอจะทนได้อย่างไรกัน เราเป็นเพื่อนกันนะ! “ฟังนะอนิลา เราทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าไม่ทำงาน แต่เมื่องานที่เจ้าได้รับมอบหมายมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าควรจะมีช่วงที่ได้ทำในสิ่งที่เจ้าอยากจะทำ” สิ่งที่อยากทำอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ออกเลยแฮะ อาจจะเป็นเพราะว่าเธอมีหน้าที่ทำงานทุกอย่างแทนท่านพ่อในวัยชรา เพราะแบบนั้นเธอถึงได้ไม่เคยคิดถึงจิตใจและความต้องการของตัวเองเลย “ข้า..” “ไม่แปลกหรอกที่เจ้าจะคิดไม่ออก ค่อยๆ คิดไปนะนิลา และที่ที่ข้าจะพาเจ้าไปมันคือสถานที่ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสตรีชนชั้นสูง..” อนิลาคิดว่าสถานที่ ที่โรซี่ว่านั้นมันคือร้านน้ำชาที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชาและกลิ่นเนยหอมๆ ของขนมเค้ก ทว่าเมื่อเธอก้าวขาเดินเข้ามาด้านใน.. มันห่างไกลคำว่าร้านน้ำชาพอสมควรเลย ไม่มีน้ำชา เพราะที่นี่มีแต่ไวน์และบรั่นดีเท่านั้น ที่ตรงกลางห้องโถงที่บุรุษกำลังยืนกึ่งเปลือยอยู่ราวสามคน พวกเขาล้วนแล้วแต่มีรูปร่างที่เหมือนกับภาพวาดอันแสนสมบูรณ์แบบของเทพเจ้าในวิหารยังไงอย่างนั้นเลย แต่นั่นมันใช่เวลามาตกใจกล้ามท้องของบุรุษอย่างนั้นหรือ!! เธอคือสตรีที่ยังไม่ผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะมาเที่ยวในที่แบบนี้ได้เรอะ!! “โรซี่..” “ชู่ว ไม่มีสตรีใดจะไม่ชื่นชอบร่างกายอันแสนสวยงามของบุรุษหรอกนะนิลา เรามีเวลาไม่ถึงสามสิบนาทีในการอยู่ที่นี่เพราะฉะนั้นข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นกังวลหรือว่าคิดมาก ช่วยวางงานที่เจ้าแบกเอาไว้ก่อนได้ไหม แล้วเดินตามข้ามาด้วยความรู้สึกที่ไร้ซึ่งความกังวล” พระเจ้าช่วย…จะไม่ให้เธอกังวลได้อย่างไรในเมื่อหากท่านพ่อหรือว่าท่านแม่รู้เรื่องที่เธอเข้ามาที่นี่มีหวังขาเธอได้ลายจากการถูกตีอย่างแน่นอน “โอ้ท่านหญิงโรซี่ มาตามเวลานัดของเราเลยนะครับ วันนี้ท่านพาสหายผู้งดงามมาด้วยอย่างนั้นหรือครับ?” โรซี่หยิบเหรียญทองออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะส่งให้บุรุษเบื้องหน้า “สหายของข้าพึ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก เรามีเวลาไม่มากเพราะแบบนั้นช่วยหาบุรุษดีๆ สักคนพูดคุยเป็นเพื่อนนางหน่อยได้ไหมคะ” อนิลาส่ายหน้าในขณะที่บุรุษเบื้องหน้าของโรซี่ส่งยิ้มที่แสนหวานมาให้เธอ “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับเพราะว่าข้ามีบุรุษที่สามารถช่วยเรื่องการเยียวยาจิตใจ..รอยด์มาทางนี้หน่อยสิ!!” ที่นี่ค่อนข้างมืด มีเพียงไฟสลัวๆ จากข้างบนเท่านั้นที่ส่องสว่างขึ้นมา ผ้าม่านผืนบางถูกเปิดออกพร้อมกับบุรุษผู้หนึ่งที่เดินเข้ามา.. เขามีใบหน้าที่ชวนให้ดวงตาของทั้งอนิลาและโรซี่แข็งค้าง เพราะใบหน้าที่หล่อเหลาเกินคำว่าสมบูรณ์แบบไปไกลมากทีเดียว ในอคาเด็มมี่นั่นมีบุรุษมากมาย อีกทั้งบุรุษพวกนั้นคือชนชั้นสูงที่มีใบหน้าในระดับความหล่อเหลาที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน แต่ทว่าพวกเขาเทียบไม่ได้เลยกับบุรุษเบื้องหน้าของเธอ “สวัสดีครับท่านหญิงผู้แสนงดงาม ข้าได้ยินว่าเรามีเวลาไม่มาก เช่นนั้นก็เชิญเดินตามข้ามาด้านนี้ได้เลยครับ” เขาจับมือของเธอขึ้นมาอย่างถือวิสาสะก่อนจะจุมพิตลงไปอย่างแผ่วเบา กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีขาทั้งสองข้างก็กำลังเดินตามเขาเข้ามาด้านในห้องที่ปิดสนิท ด้านในห้องมีเพียงโซฟาตัวยาวและเตียงนอนเท่านั้น อนิลาเบิกตากว้างเพื่อมองหน้าเขา เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเขาปิดประตูลง.. “ข้า..ไม่คิดว่าจะทำเรื่องอย่างว่าหรอกนะคะ แน่นอนว่าท่านหล่อเหลาและทำให้หัวใจของข้าสั่นไหวแต่การทำเรื่องแบบนั้นมันก่อนแต่งงานไม่ได้เด็ดขาด!!” รอยด์มองอนิลานิ่งๆ ก่อนที่เขาจะระเบิดหัวเราะออกมา รอยด์เดินไปยังด้านหลังโซฟาก่อนที่เขาจะยกกาน้ำชาและแก้วออกมา “เชิญนั่งสิครับ ไม่มีเรื่องแบบนั้นอย่างแน่นอนเพราะว่าที่นี่ทำได้เพียงแค่พูดคุยและสัมผัสนิดหน่อยเท่านั้น ไม่สามารถทำอะไรที่เกินเลยมากไปกว่านั้นได้เพราะว่ามันผิดกฎ..แต่ถ้าทั้งสองคน ทั้งเลดี้ผู้งดงามและพนักงานของเราคิดตรงกัน สามารถจูงมือกันไปที่โรงแรมตรงข้ามเพื่อสานต่อกันได้นะครับ..” อนิลาทำหน้าไม่ถูกเมื่อเขากล่าวออกมาแบบนั้น เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาดพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟา “คงมีเรื่องที่ทำให้หนักใจสินะครับ เพราะว่าท่านหญิงเป็นสตรีที่มีใบหน้างดงามและข้าคิดว่าหากบนใบหน้านั้นมีรอยยิ้มมาประดับอีกหน่อยมันจะต้องงดงามมากกว่านี้แน่ๆ ลองบอกกล่าวมาได้ไหมครับว่าเรื่องใดกันที่ทำให้รอยยิ้มค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้านี้” กลิ่นหอมของใบชาแห้งเมื่อถูกผสมเข้าไปในน้ำร้อนหอมฟุ้งกระจายออกมา ไม่รู้ว่าทำไมอนิลาถึงคิดว่าเธอกำลังผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้กลิ่นนั้น มันเหมือนกินน้ำชาที่ได้ร่วมดื่มกับโรซี่ในตอนที่เราพูดคุยกัน “ข้าแค่เหนื่อย ข้าเป็นสตรีและสิ่งที่ข้าต้องการคืออิสระ แต่ทว่าเพราะว่าข้าคือลูกสาวเพียงคนเดียวทำให้ข้าต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลในอนาคต” รอยด์ยกยิ้มขึ้นมาจางๆ “เป็นปัญหาที่ใหญ่มากสำหรับสตรีตัวเล็กๆ อย่างท่านหญิงจริงๆ ด้วยสินะครับ ทว่าปัญหานั้นแก้ไขได้ด้วยการหาบุรุษดีๆ ที่ไว้ใจได้มาสักคนมาเป็นคู่แต่งงานสิครับ” “สำหรับข้าการแต่งงาน สมควรจะจัดขึ้นด้วยความรักเท่านั้น” “นั่นมันก็ถูกต้องเพราะหากว่าสามีของท่านหญิงรักท่าน เขาจะไม่ยินยอมให้ภรรยาผู้งดงามทำงานอย่างหนักแน่นนอนครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD