Chapter 1
จองจำ...ใจ (3)
'ผมขอโทษ...ขอโทษนะที่รักที่ทรยศความรักของเรา...’
ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ที่ยังคงดังแว่วอยู่หน้าห้อง ชายหนุ่มวางทารกน้อยบนเตียงเล็กอย่างระมัดระวัง...เตียงของลูกที่เตรียมต่อเอาไว้กับเตียงใหญ่ มีลูกกรงกั้นป้องกันกลิ้งตกลงไป ทุกสิ่งอย่างเขาเตรียมเอาไว้ให้ภรรยา โซ่ทองคล้องใจที่หล่อนและเขาเฝ้ารอมานาน
แต่...น่าเสียดาย ทุกอย่างช่างเหมือนฝัน วันนั้นไม่มีอีกแล้ว แววตาร้อนผ่าวปวดหนึบไล่มองไปบนที่นอนข้างที่หล่อนเคยนอนหลับฝัน ฝ่ามือแกร่งลากไล้ไปบนผืนผ้าอย่างรู้สึกผิด...ไม่ปฏิเสธว่าลูกของเขาต้องการแม่ ต้องการอ้อมอกอุ่นตระคองกอด และไม่ควรเลยสักนิดที่จะปล่อยให้ลูกต้องไปนอนที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องตน ทว่า...เตียงนอนนี้เขาแสนหวงไม่อยากให้ใครมานอนทับรอย...มุกประดับ เธอเป็นเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์ทุกตารางนิ้วในห้องนอนแห่งนี้ ทำใจไม่ได้หากจะให้ผู้หญิงคนอื่นมานอนทับที่ๆ เธอเคยนอน เพียงเพราะความ รู้สึกผิดคอยแต่จะแวบเข้ามาเกาะกินใจ
ชายหนุ่มสลัดความคิดฟุ้งซ่านที่ตามหลอกหลอนทุกค่ำคืน ล้มตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ฝืนข่มตาให้หลับใหลเพื่อหลีกหนีความทรมานจากความรู้สึกผิดในใจ ความจริงที่ใจยังคงไม่ยอมรับ...เขาไม่ควรรักม่านไหม สัมพันธ์รักลึกซึ้งนั่นเป็นเพียงความใคร่ ไม่ใช่มาจากความรักที่พยายามกดเอาไว้จนลึกสุดใจ รักที่เป็นไปไม่ได้เพียงเพราะเขายังติดอยู่ในบ่วงที่รัดร้อยจนไม่อาจก้าวพ้นออกมาจากตรงนั้นได้เลย…
"ให้ตายสิไหม เธอจะคร่ำครวญอีกนานมั้ย ใครจะไปหลับไปนอนได้ลง เธอนี่มัน..."
ชายหนุ่มบ่นพึมพำแล้วลุกพรวดขึ้นนั่ง ลงจากเตียงแล้วเดินไปกระชากบานประตูให้เปิดออก...ทว่า...เขากลับพบเพียงความเงียบงันไร้ซึ่งเงาของเธอ แล้ว...เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ในหูตลอดเวลานั่นคืออะไร อาจเป็นเพราะความเมาทำให้สมองเขาสับสน คิดพลางสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง
เพียงกลับเข้ามาในห้องแล้วเห็นร่างน้อยๆ นอนหนาวอยู่อย่างเดียวดาย พลันความรู้สึกสงสารก็แล่นพล่านกินลึกในห้วงความรู้สึกสับสน...จริงของหล่อนที่ลูกของเขาจำเป็นต้องได้รับความอบอุ่นจากอ้อมอกมารดา เขาไม่ควรดึงชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามาในวังวนนี้ และตอนนี้ก็มีเพียงคนเดียวที่จะให้ความอบอุ่นนั้นได้...ในที่สุดเขาก็ต้องเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อ อุ้มลูกเดินไปง้อคนที่ใจพยายามผลักไสไม่ยอมรับให้หล่อนเป็นตัวแทนของใคร ตำแหน่งเดียวที่หล่อนจะเป็นได้ นั่นคือแม่อุ้มบุญที่ช่วยเลี้ยงลูกสาวของเขาให้เติบโต เมื่อวันนั้นมาถึง...เขาจะยอมเปิดกรงขังปล่อยหล่อนไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง
"กริ๊ก!"
เสียงลูกบิดถูกปลดล๊อกอีกครั้งทำให้คนที่ยังคงนอนร้องไห้ลุกพรวดขึ้นนั่ง...แววตาฉ่ำน้ำเพ่งมองไปตรงนั้น เห็นเขาเดินอุ้มลูกกลับเข้ามาหล่อนถึงกับยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อในที่สุดเขาก็เกิดความสงสารจนใจอ่อนเป็นฝ่ายอ่อนข้อยอมทำในสิ่งที่หล่อนอ้อนวอนให้เขาเห็นใจ
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร เดินเข้ามาที่เตียงแล้ววางร่างทารกน้อยลงบนที่นอนอย่างระมัดระวัง ม่านไหมขยับกายเข้าหาลูกเพื่อสร้างไออุ่น ในขณะที่เขาเดินอ้อมเตียงไปล้มตัวลงนอนอีกฟากหน้า
หน้าตาเฉย ท่ามกลางแววตาแดงช้ำที่มองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจ
"ทำอะไรคะ"
"ก็นอนน่ะสิ ถามได้"
"นอนเบียดกันแบบนี้ เดี๋ยวม่านมุกกลิ้งตกเตียงจะทำยังไงคะ"
ม่านมุก...นั่นคือชื่อเล่นที่เขาเป็นคนตั้งให้ลูกสาว หล่อนไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาจึงจงใจใช้ชื่อนี้ ไม่คิดจะถามเพราะรู้ดีว่าต่อให้สงสัยแค่ไหน เขาก็คงจะไม่มีคำตอบให้แน่นอน
"เธอนี่มันปัญหาเยอะจริงๆ นะไหม ไอ้โน่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่เอา แล้วใจคอจะไล่ให้พ่อของเขาไปนอนที่ไหน เธอคิดจะพรากพ่อพรากลูกไม่ให้เจอกันเลยรึไง กลางวันทำงาน กลางคืนก็อยากนอนกับลูกบ้าง แต่...เธอก็เป็นอย่างนี้ทุกที"
“.....” คนฟังนิ่งเงียบ...ในถ้อยคำตัดพ้อฟังดูไม่มีอะไร แต่เขาคงไม่รู้ว่ามันบีบหัวใจจนปวดแปลบ ความจริงที่ว่าเขาไม่เคยคิดจะยกย่องเธอแทนที่ใคร ในห้องนั้น...หล่อนไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ไปนอนซ้ำรอยคนที่เขารักสุดหัวใจ คือรักที่จะไม่มีวันลบเลือนไปจากหัวใจด้านชา
หมอนข้างถูกหยิบมาขวางกั้น...ชายหนุ่มหลุบตามองการกระทำของคนหวงตัว รอยยิ้มซ่อนเล่ห์ผุดพราว
"เกะกะเป็นบ้า"
"อาเต!"
หล่อนมองตามหมอนข้างที่ถูกกระชากออกแล้วโยนกลิ้งไปบนพื้น ในขณะที่เขาขยับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหา หล่อนก็พลิกกาย
นอนตะแคงหันหน้าไปทางนั้นพอดี
ท่ามกลางแสงไฟสลัว กับสองคนที่นอนหันหน้าเข้าหากันอย่างบังเอิญ แววตาสองคู่สบประสานนิ่งนาน ไร้ซึ่งถ้อยคำใดๆ เอื้อนเอ่ย มีเพียงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกันที่สัมผัสได้...ในขณะที่ฝ่ามือแกร่งทำท่าจะสัมผัสลงบนผิวแก้มเปื้อนหยาดน้ำตา การกระทำนั้นต้องชะงักเมื่อถ้อยคำเสียดแทงใจลอดผ่านเรียวปากอิ่ม
"ขอร้องนะคะ ปล่อยไหมไป ไหมขอไปจากที่นี่ถ้าอาเตจะอนุญาต...อนุญาตให้ไหม...พา...น้องม่านมุกไปด้วย"
แววตาเขาแปรเปลี่ยนเมื่อหล่อนกล้าเอ่ยมันออกมา...คิดจะไปจากที่นี่ซ้ำยังจะพาดวงใจเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของเขาไปด้วย ฝันไปว่าเขาจะยอม คิดพลางกระชากร่างของหล่อนเข้าหา กดให้นอนหงายแล้วโถมทับกักเอาไว้ ข้อมือเล็กถูกกดตรึงเอาไว้กับที่นอน
"เธอคิดจะไปทำงานโรงแรมหาผัวฝรั่งอย่างนั้นสิ หึ ก็คงจะหาได้ไม่ยากเพราะว่าเธอน่ะ..." ชายหนุ่มขบริมฝีปาก แววตากรุ่นโกรธไล่มองไปทั่วร่าง หัวเราะเย้ยหยันอยู่ในลำคอ ตามมาด้วยเสียงกระซิบที่ทำเอาคนฟังหน้าชา "เพราะว่าเธอน่ะ...ลีลาดีเป็นบ้า รับได้ทุกท่าอย่างถึงใจ ถ้าใครไม่หลง ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว"
"ถ้าไม่รักแล้วจะจองจำเอาไว้เพื่ออะไร อาเตเห็นไหมเป็นอะไร...แค่ที่ระบายเวลาเมาอย่างนั้นเหรอคะ"
"....."
"สุดท้ายก็ตอบไม่ได้...ไหมก็มีค่าไม่ต่างไปจากตุ๊กตายางที่เอาไว้แก้ขัดนั่นแหละ ไม่มีปากเสียงใดๆ เพราะเป็นได้แค่นั้นจริงๆ"
"ถ้าเธออยากไปนักก็ไป...ไปเลยแล้วก็ไม่ต้องกลับมา แต่...ไป
แต่ตัวเท่านั้นนะ ส่วนม่านมุก ได้แม่ใหม่เมื่อไหร่ไม่นานแกก็จะลืมไป
เองว่าใครที่เป็นคนอุ้มท้องจนคลอดออกมา...เธอทำได้ใช่ไหมถ้าจะทิ้งเราสองคนพ่อลูกไป ถ้าทำได้...ก็ไปเลย!"
เขาท้าทายด้วยแววตาจังจริงซ่อนความปวดร้าว กล้าพูดเพราะรู้ว่าหล่อนไม่มีทางทำได้ หล่อนรักลูกของเขายิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ รักราวกับว่านั่นคือสายเลือดที่หล่อนและเขาร่วมกันสร้างขึ้นจากความรัก ความพันผูกเชื่อมสายใยรักให้ซึมลึกมายาวนานตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์
"ก็รู้ว่าทำไม่ได้ แล้วจะพูดตอกย้ำให้เจ็บในหัวใจทำไม...ไหมเกลียดอาเตที่สุด ไปไกลๆ เลยไม่ต้องมาถูกตัว"
น้ำเสียงสั่นเครือมาพร้อมการผลักไสให้เขาถอยห่าง พลิกกายนอนตะแคงหันหลังให้คนที่ยังคงนิ่งเงียบ...ในความสัมพันธ์แสนคลุมเครือของหัวใจสองดวง ชายหนุ่มขยับกายเข้าหาแล้วพาดแขนกอดเกี่ยว โอบกระชับรั้งร่างอุ่นเข้าหา ในยามนี้เขาแค่ต้องการอ้อมกอดจากใครสักคนมาช่วยคลายความเหน็บหนาวในหัวใจ ทว่า...ยิ่งใกล้หล่อนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเจ็บปวดจากความรู้สึกผิดที่คอยตอกย้ำใจ แต่...มันคงเจ็บปวดมากกว่าหากจะยอมให้หล่อนเดินจากไปแล้วทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง
เขาหลับไปแล้ว...ม่านไหมสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอจากเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่น ในห้วงความรู้สึกที่กำลังจะด่ำดิ่งลึกหลับฝัน...ความทรงจำอันแสนยาวนานแวบเข้ามาใจในแสนอ่อนไหว...รักของเราเริ่มต้นที่ตรงนั้น นั่นคือชื่อเรื่องในบันทึกบทหนึ่งของความทรงจำ หล่อนจำมันได้ดีถึงรอยยิ้มของผู้ชายใจดี คนแปลกหน้าที่ผ่านมาเจอกันอย่างบังเอิญ