บทที่ 1/3
เฉินหลิงเว่ยกลับมาถึงบ้านในช่วงบ่าย หลังจากเอ่ยขอบคุณสองสามีภรรยาแซ่หวังแล้วเฉินหลิงเว่ยก็เข้าเรือนของตน เดิมทีตอนออกจากบ้านนางตั้งใจจะซื้อเพียงเมล็ดธัญพืชสำหรับเพาะปลูกและของแห้งที่จะใช้ในบ้าน แต่พอคิดได้ว่าในการเข้าเมืองครั้งหน้านางคงไม่มีรถเกวียนเช่นนี้จึงตัดสินใจซื้อกล้าไม้ผลและของแห้งมาชุดใหญ่ชนิดที่ต่อให้ทั้งปีนี้นางไม่ได้ออกจากบ้านก็ไม่ต้องกลัวอดตายเลย มารู้ตัวอีกทีเงินกระเป๋าก็หมดไปถึงหนึ่งในสี่ เอาเถิดชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก การจะหาความสุขให้ตนเองบ้างก็นับว่าเป็นสิ่งที่สมควร
หลังจากจัดข้าวของในเรือนแล้วเฉินหลิงเว่ยก็หยิบจอบมุ่งตรงไปยังด้านหลังเรือน จัดการขุดหลุมรอบๆ ที่ดินเพื่อเตรียมลงต้นผลไม้ที่นางซื้อมา แต่เพราะร่างกายนี้บอบบางนักกว่าจะขุดหลุมครบทั้ง 20 หลุมก็ใช้เวลาไปร่วมสองชั่วยาม เฉินหลิงเว่ยเดินกลับมาที่โรงเรือนด้านหน้าพื้นที่บริเวณนี้ครอบครัวของอี้หลินคงเคยใช้เลี้ยงสัตว์ดังนั้นดินจึงค่อนข้างอุดมไปด้วยมูลสัตว์ เฉินหลิงเว่ยใช้จอบขุดดินในโรงเรือนแล้วขนไปผสมกับดินร่วนที่นางขุดกองไว้ด้านหลังเรือน ก่อนนำไปเทรองใส่ในก้นหลุมแล้วจึงนำต้นไม้ผลอันได้แก่ ส้ม แอปเปิล ทับทิม และลูกท้อ ลงปลูก
กว่าเฉินหลิงเว่ยจะจัดการลงหลุมกลบดินต้นไม้ผลต้นสุดท้ายเสร็จตะวันก็คล้อยลงต่ำจวนจะลับขอบฟ้าเต็มที นางปาดเหงื่อบนใบหน้าพร้อมกับผ่อนลงหายใจยาว ร่างกายนี้ช่างบอบบางนักทำงานใช้แรงเพียงสองชั่วยามก็รู้สึกเหนื่อยปานจะขาดใจเสียอย่างนั้น
เห็นทีต้องฝึกฝนความยากลำบากให้มากหน่อย ร่างกายนี้จะได้เคยชิน
เฉินหลิงเว่ยตักน้ำในบ่อล้างไม้ล้างมือ จัดการเก็บจอบเก็บเสียมก่อนจะยกถังน้ำที่นางตักตากแดดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อยามเช้ามืดเข้าไปในห้องน้ำ มือบางสัมผัสน้ำในถังที่อุ่นกำลังดีแล้วยิ้มกว้าง ในวัยเด็กนางได้ยินคุณย่าเล่าถึงวิธีการทำน้ำอุ่นแบบธรรมชาติ ตัวนางในตอนนั้นยังขบขันไม่คิดว่าวันนี้จะได้นำมาใช้จริงๆ เพียงแต่การอาบน้ำโดยไม่มีสบู่แบบนี้ให้ความรู้สึกคล้ายอาบไม่หมดร่างกายไม่สะอาดอย่างไรชอบกล
“น้องเฉิน เจ้าอยู่หรือไม่”
เสียงเรียกที่หน้าเรือนทำให้เฉินหลิงเว่ยเร่งออกจากห้องน้ำ แล้วรีบแต่งกายเพื่อเดินออกมารับแขก
“พี่สาวหรู”
“วันนี้ที่บ้านข้าทำน้ำแกงไก่หม้อใหญ่ ข้าจึงแบ่งมาให้เจ้า”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ รบกวนพี่สาวหรูแล้ว”
“รบกวนอะไรกัน ไม่ใช่ว่าข้าเอ่ยนับเจ้าเป็นน้องสาวแล้วหรือ”
เฉินหลิงเว่ยยิ้มกว้างรับชามน้ำแกงมาจากหรูซินหนี่ย์ ก่อนเข้าไปเอาผลส้มที่ซื้อมาวันนี้ใส่ตะกร้ามอบให้นางตอบแทน
“ข้าฝากให้ท่านลุงหวังกับฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”
หรูซินหนี่ย์มองค้อนคนตรงหน้า หากเฉินหลิงเว่ยเอ่ยว่ามอบให้ตน หรูซินหนี่ย์ย่อมปฏิเสธ แต่นี่นางเอ่ยฝากไปให้ผู้อาวุโสแม้นางไม่อยากรับก็ไม่อาจปฏิเสธ
“ข้าเพียงอยากตอบแทนน้ำใจของพวกท่านบ้าง พี่สาวหรูอย่าตำหนิข้าเลยนะเจ้าคะ”
“ข้ารึจะกล้าตำหนิเจ้า เอาเถิดของนี่ข้ารับไว้ก็แล้วกัน”
เฉินหลิงเว่ยส่งตะกร้าผลไม้ให้หรูซินหนี่ย์แล้วยิ้มอ่อนโยน อีกฝ่ายมองท่าทางของนางแล้วส่ายหน้าไปมา
“พรุ่งนี้ข้ากับท่านแม่จะเข้าป่าไปหาของป่า เจ้าจะไปด้วยไหม”
เดิมทีวันพรุ่งนี้เฉินหลิงเว่ยตั้งใจจะพลิกหน้าดินเพื่อเตรียมแปลงผัก แต่เรื่องนี้ไม่นับว่าเร่งด่วนสามารถรอได้ พื้นที่ป่าแถบนี้อุดมสมบูรณ์ไม่น้อยบางทีนางอาจได้พบของดีๆ ที่นำมาสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อทบทวนดูแล้วจึงตอบตกลงหรูซินหนี่ย์ อีกฝ่ายนัดแนะเวลาอีกทั้งแนะนำของที่ต้องเอาติดตัวไปอีกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอตัวกลับเรือนไป เฉินหลิงเว่ยมองร่างเพรียวเดินจากไปแล้วยิ้มอ่อนโยน
การเริ่มต้นชีวิตใหม่นี้นับว่าไม่เลวเลย
………………………………………
ในวันถัดมาเฉินหลิงเว่ยก็ติดตามครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านเข้าป่า เป็นเช่นที่นางคาดการณ์ป่าแถบนี้ค่อนข้างจะสมบูรณ์ยิ่งนัก เมื่อเข้ามาในเขตป่าหวังไห่เถิงก็พาบุตรชายเข้าไปในป่าลึกเพื่อล่าสัตว์ เฉินหลิงเว่ยมองดูหรูซินหนี่ย์และแม่สามีช่วยกันเก็บผักป่าและเห็ดแล้วอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ หลี่จื่อเหยานั้นเป็นแม่สามีที่ดียิ่งหลายครั้งที่นางหยิบผ้ามาซับเหงื่อให้ลูกสะใภ้คนงาม หวังซิงซิงเด็กน้อยวัยสามขวบเดินเข้ามาหาเฉินหลิงเว่ยเอ่ยเสียงสดใส
“ท่านน้าเฉินให้ข้าช่วยท่านเก็บผักดีหรือไม่”
“เสี่ยวซิงคนเก่ง เจ้ารู้จักผักพวกนี้ด้วยหรือ”
“รู้เจ้าค่ะ อีกทั้งข้ายังเก็บได้เร็วมากด้วย ท่านย่ากับท่านแม่ยังชมข้าบ่อยๆ”
“เช่นนั้นท่านน้าผู้นี้คงต้องให้เสี่ยวซิงชี้แนะแล้ว”
เฉินหลิงเว่ยพยักหน้ารับเอ่ยน้ำเสียงท่าทางจริงจังจนเด็กน้อยยิ้มกว้างจูงแขนเล็กนางไปยังจุดที่มีผักป่าและสมุนไพรขึ้นจำนวนมาก เฉินหลิงเว่ยยิ้มกว้างฟังเด็กหญิงเอ่ยบอกชื่อผักป่าและสมุนไพรหลากชนิดอีกทั้งยังบอกสรรพคุณทางยาได้อย่างถูกต้องราวตนเองเป็นหมอหญิงในวังหลวง ทว่ายามที่อาจารย์ตัวน้อยหันมาสบตา ผู้ที่ยามนี้กลายเป็นลูกศิษย์ตัวโตก็แสร้งทำสีหน้าจริงจังตั้งใจดุจกำลังฟังผู้อาวุโสสอนสั่ง หรูซินหนี่ย์และหลี่จื่อเหยามองภาพเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยของตนแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความขบขัน จวบจนตะวันตรงหัวหวังไห่เถิงก็พาบุตรชายออกมาพร้อมกับหมูป่าตัวโตที่ถูกธนูยิงเข้าที่กลางอกจนสิ้นใจตายด้วยธนูเพียงดอกเดียว
“หมูป่า หมูป่า เย็นนี้ซิงซิงจะได้กินหมูป่า”
ท่าทางกระโดดโลดเต้นดีใจราวได้รางวัลใหญ่ของเด็กน้อยสร้างรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าผู้ใหญ่ทั้งห้าคน หวังเฮ่อเหรินใช้มืออีกข้างหนึ่งโอบอุ้มบุตรสาวตัวกลม ขณะที่มืออีกข้างกำไม้หิ้วหมูป่าตัวโตแบกใส่บ่าเอาไว้
“เสี่ยวซิงคนเก่งวันนี้พ่อแบกเจ้าไม่ได้แล้ว เช่นนั้นจะอุ้มเจ้าแทนแล้วกันนะ”
“ท่านพี่วางนางลงเถิดนางโตแล้วสมควรเดินเองเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไรข้าอุ้มนางไหว น้องหญิงเจ้าเหนื่อยหรือไม่”
หรูซินหนี่ย์ส่ายหน้าไปมา หวังซิงซิงยิ้มกว้างยกแขนเล็กโอบคอบิดาอย่างออดอ้อนให้มารดาส่งสายตาดุเพียงใดก็ไม่ยอมลงเดิน
“ดื้อดึงเช่นนี้ เย็นนี้แม่จะงดขนมหวาน”
“อ่ะ... ท่านพ่อวางข้าลงเถิด การเดินมากๆ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ข้าอยากแข็งแรงเจ้าค่ะ ท่านแม่เสี่ยวซิงไม่ดื้ออย่างดขนมข้าเลยนะเจ้าคะ”
ถ้อยคำที่ออกจากปากเล็กนั่นสร้างความขบขันให้ผู้คนโดยรอบ แม้แต่เฉินหลิงเว่ยก็อดที่จะยิ้มกว้างไม่ได้ หากนางมีบุตรสาวสักคนก็อยากให้น่ารักเช่นนี้ เฉินหลิงเว่ยพลันตกใจในความคิดของตนนางไร้สามีจะมีบุตรได้อย่างไร
.............................