บทที่ 1 แทนคุณ

1667 Words
กิ่งหลิวโบกโบยยามต้องลม ส่งเสียงหวีดหวิวคล้ายกับท่วงทำนองแห่งบทเพลงขับขาน คลอเคล้าเกี่ยวกระหวัดไปกับเสียงครางต่ำแผ่วไม่ขาดสาย บทเพลงนี้คล้ายจะเป็นบทรักอันร้อนแรงของคู่สามีภรรยา คล้ายกับเป็นความฝันอันแสนหวานที่ทำให้คนไม่อยากตื่น แต่ทว่าความเป็นจริงนั้นบัดนี้มีสตรีผู้หนึ่งซึ่งกดข่มอารมณ์วาบหวามของตนเองเอาไว้ ในเรือนหลังใหญ่ภายในจวนของท่านหมอหลวงแห่งแคว้นซูอานที่ยิ่งใหญ่ บังเกิดม่านสีขาวกำลังสั่นสะเทือนกระเพื่อมไหว เสียงลมหายใจอันเร่าร้อนของคนทั้งสองทำให้แก้มของสตรีนางหนึ่งแดงระเรื่อ ลมหายใจเป่ารดเรือนกายของและกัน ช่างแนบชิดจนมิอาจคิดเป็นอื่นได้นอกจากพวกเขาคือคู่สามีภรรยาที่กำลังอยู่ในอารมณ์วาบหวาม โฉมสะคราญนางหนึ่งกำลังแยกขาออกพร้อมกับกัดฟันข่มอารมณ์วาบหวามที่บังเกิดจนทนไม่ไหวต้องส่งเสียงครางแผ่วออกมาให้ตนเองอับอาย ผู้รุกรานร่างอรชรคือบุรุษผู้หล่อเหลา ใบหน้าของเขางดงามราวอิสตรี ผิวขาวราวหยกล้ำค่า กรอบหน้าหวานแต่ทว่าคมคายยิ่ง ชวนให้คนที่ได้พบเห็นพลันต้องตกตะลึง บุรุษผู้นี้กำลังสำรวจร่างกายของนางทั้งดูดกินอย่างตะกละตะกลาม ฟันของเขาขบเม้มผิวขาวผ่องจนเกิดรอยช้ำ ดูดชิมริมฝีปากนุ่มนิ่มของนางจนบวมเห่อ นางหลับตาพริ้มมือเรียวไล้ลูบเขาอย่างช้า ๆ พร้อมกับส่งถ่ายกระแสบางอย่างออกจากฝ่ามือเข้าสู่ร่างของเขา "เจ้างดงามจนข้าไม่อาจห้ามใจได้" บุรุษผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงคลั่งหวาน เขาลูบไล้ร่างกายของนางด้วยสายตา ในยามที่แสงจันทร์สาดสะท้อนส่องทาบทับจนเผยให้เห็นนวลพักตร์ชัดเจน ทำให้หัวใจของเขาถึงกับกระตุกด้วยหลงในเสน่ห์หานี้ ด้วยนางงดงามจนจันทราต้องอับแสง หากเดินตามท้องถนนคงมิมีผู้ใดกล้าจ้องมองตรง ๆ ด้วยกลัวว่าจะถูกความงามของนางล่อลวงเป็นแน่ เขาแยกขาของนางออกช้า ๆ ใบหน้าของนางบัดนี้กลับพร่าเลือนราวกับความฝัน ซึ่งเขารู้ดีว่าสิ่งนี้ย่อมไม่ใช่โลกแห่งความจริง เขาหลับตาพร้อมกับเสพสมความฝันอันแสนหวานเอาไว้ในใจ ดำดิ่งลงไปด้วยความหลงใหลและไม่อยากจะตื่น ในยามที่เขาเข้าสู่กายของนาง ความรู้สึกคับแน่นจนแทบปริแตกนี้กลับเหมือนจริงเป็นอย่างยิ่ง และความสุขที่ได้ครอบครองทำให้เขาครางแหบโหยด้วยความพึงพอใจครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่เขาคิดว่ามันเป็นเพียงความฝัน สตรีผู้หนึ่งกำลังขมวดคิ้วเก็บข่มความเจ็บปวดของตนเองเอาไว้ นับว่าไม่ได้รุนแรงนัก เพียงแต่ความรู้สึกเจ็บนี้ได้ทำลายความรู้สึกวาบหวามจนหมดสิ้น นางได้กลับเข้ามาสู่โลกความจริงเสียแล้ว เขาเริ่มกระแทกนางอย่างบ้าคลั่ง แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ไม่นับว่ามาก ความเจ็บปวดหรือ นางได้ผ่านมันมาหมดแล้ว ทั้งกายและใจ ในโลกนี้มิได้มีสิ่งใดที่ทำร้ายนางได้อีกต่อไป กลิ่นสุราเข้มข้นยังคงลอยอวลในอากาศ เขาขยับสะโพกกระแทกนางไม่หยุดยั้ง คล้ายจะปลดปล่อยความต้องการและความป่าเถื่อนทั้งหมดของเขามาที่นาง กระทั่งเขาค่อย ๆ หยุด เมื่อได้ปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นออกมาจนหมดสิ้น นางรับรู้ได้ถึงตัวตนของเขาที่คับแน่นอยู่ในร่างกายของนาง และบัดนี้ยังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่กำลังไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของนาง เสียงของเขายังคงดังแผ่ว อยู่ข้างหู "เจ้าดียิ่ง เจ้าดียิ่ง แม่นางหลิน" นางแทบอยากจะผลักร่างของเขาออกแล้วดึงกระบี่ออกมาสับร่างนี้เป็นชิ้น ๆ แม้ในยามนี้เขาก็ยังเอ่ยชื่อนางผู้นั้น แม่นางหลินแห่งหอโคมเขียวอันเลื่องชื่อ เขากำลังเห็นนางเป็นคู่ขานางโลมของเขาไปแล้ว  นางได้แต่ข่มความโกรธเอาไว้ แบกรับความรู้สึกเจ็บปวดและซึมซับพิษที่ไหลเวียนอยู่ภายในช้า ๆ นางยกมือโอบรอบร่างใหญ่โตของเขา ส่งผ่านลมปราณสายหนึ่งเข้าออกจากฝ่ามือแล้วผลักเข้าสู่ร่างของเขาแผ่วเบา เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้น นางคิดผลักเขาออก แต่คนที่เหมือนจะหลับแล้วกลับตื่นขึ้น พร้อมกับความคึกคะนองที่แข็งชันและเติมเต็มภายในร่างกายของนางด้วยเขายังไม่ถอนร่างกายออกมา "ข้ายังไม่อิ่ม แม่นางขออีกสักรอบ" จากนั้นเขาพลันจูบนาง ความชำนาญจนเกินต้านนี่คือสิ่งใด เมื่อสุดท้ายนางไม่อาจทนได้กลับอ้าปากรับจูบของเขาอย่างลืมตัว บทเพลงรักเริ่มบรรเลงอีกครั้ง เมื่อยามนี้หาใช่เพราะจำใจต้องช่วยเขา แต่เป็นเพราะสติของนางได้ขาดวิ่นไปเรียบร้อย ด้วยความชำนาญในเชิงรักของคนผู้นี้ คนที่นางคล้ายจะรังเกียจแต่ก็ไม่อาจสลัดเขาจากใจไปได้แม้แต่น้อย เมื่อลิ้นของเขาค่อย ๆ ไต่ไล้ลงมาที่แอ่งชีพจรของนาง อาฉีก็ลืมตนไปโดยสิ้นแล้ว ริมฝีปากของเขากำลังครอบครองถันของนาง เสียงตวัดลิ้นเลียปลายถันนั้นดังจนนางสะท้าน เขาค่อย ๆ ขยับสะโพกและบดเบียดร่างของนางช้า ๆ  "อื้ม ดียิ่ง แม่นางหลินของข้า" สติของอาฉีกลับมาแล้ว ครานี้นางไม่ห่วงคนผู้นี้อีกต่อไป นางถีบเขาออกอย่างรวดเร็วในขณะที่เขายังคงมึนงงด้วยฤทธิ์ของยายังไม่ทันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง อาฉีคว้ากระบี่ของตนที่วางอยู่ข้าง ๆ ตวัดผ้าผืนใหญ่มาคลุมกาย ชี้กระบี่ที่ยังไม่ได้ถอดออกจากฝักไปที่เขา "แม่นางหลิน เหตุใดทำเช่นนี้ เจ้าถีบข้าทำไมหรือ" อ้ายเจิงยังมึนงง แต่กลับรู้สึกเบาสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะถูกถีบจนตกเตียง แต่เขาก็สามารถบิดกายตนเองไม่ให้ร่างกายกระแทก อาฉีเห็นเขายังสบายดีเช่นนั้นพลันทนไม่ไหว นางเงื้อมือขึ้นแล้วใช้กระบี่ฟาดที่ศีรษะของเขาอย่างแรง  "โอ๊ย" เสียงร้องนั้นดังขึ้นพร้อมกับอาฉีที่เปิดประตูเรือนออกมา  ที่นอกเรือนท่านหมออ้ายเสิ่นเดินวนไปวนมาด้วยความหนักอก กระทั่งเห็นอาฉีจึงถามอย่างร้อนรน "เป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดนานนัก พ่อเป็นห่วงยิ่ง" ท่านหมออ้ายเสิ่นกระแอม เมื่อรู้ตัวว่าตนเองกำลังถามถึงเรื่องที่ไม่ควร ในขณะที่อาฉียังคงมีสีหน้าเรียบเฉย คล้ายกับคนที่เพิ่งนอนอยู่บนเตียงกับบุตรชายของเขาไม่เกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย "ท่านพ่อไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ คนเสเพลนั่นยังไม่ตาย" อ้ายเสิ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก  "อาฉีลำบากเจ้าแล้ว พวกเจ้ารีบพาคุณหนูไปแช่ยาที่ข้าให้เตรียมไว้ เร็วเข้าต้องรีบนำพิษออกจากร่างของคุณหนู" "เจ้าค่ะ" บ่าวรับใช้รีบกระวีกระวาดมารับใช้อาฉี ในขณะที่ท่านหมออ้ายเสิ่นเปิดประตูเข้าไปยังต้องร้องลั่น "อาเจิง เกิดอะไรขึ้นไยหัวเจ้าแตกเช่นนี้ นี่เจ้าตกเตียงหรือ เกิดอะไรขึ้น" อาฉียกมุมปากเอ่ยเสียงเย็น "แค่หัวแตกยังน้อยไป" อาฉีก้าวเท้าตามบ่าวรับใช้ไปไม่กี่ก้าว นางต้องเซถลาจนเกือบล้ม กระทั่งมีคนผู้หนึ่งรับร่างของนางเอาไว้ อาฉีตาโตรีบยอบตัวคารวะเขาเมื่อยืนได้มั่นคงแล้ว "นายท่าน" ลู่หนิงหวังมองอาฉีที่ห่มคลุมร่างของตนด้วยผ้าผืนโต ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง ปากบวมเจ่อและเป็นรอยแตกคงเพราะถูกกัดมาเป็นแน่ ตามลำคอเป็นรอยช้ำดูน่ากลัว แต่อาฉีก็ไม่ห่วงความงามของตนเองแม้แต่น้อย แม้จะมีแสงสว่างจากคบเพลิงไม่มากนักแต่เขาก็รู้ว่านางกำลังทนกับความเจ็บปวดจากพิษในร่างของนางเพียงใด เห็นสภาพนางแล้วลู่หนิงหวังพลันถอนหายใจ พิษร้ายที่อ้ายเจิงได้รับแรงยิ่ง จนทำให้เขาลืมตัวกับอาฉีได้เช่นนี้  "บุญคุณก็ทดแทนแล้วข้าคิดว่าเจ้ากับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีก แล้วใจของเจ้าเล่าคิดอย่างไร" อาฉีเอ่ยราบเรียบ "สุดแล้วแต่นายท่านจะบัญชา อาฉีไม่อาจคิดสิ่งใดได้เจ้าค่ะ เพียงแต่อาฉีขอร้องนายท่าน อย่าบอกเรื่องนี้กับเขา อย่าให้เขารู้เจ้าค่ะ" ลู่หนิงหวังจึงเอ่ยว่า "เขายกเจ้าให้ข้าแล้ว ข้าคือนายเหนือหัว จะบอกเขาหรือไม่ล้วนเป็นสิทธิ์ของข้า ผู้ใดเป็นบ่าวผู้ใดเป็นนายเจ้าอย่าได้ลืมตน" อาฉีก้มหน้ารับคำเบา ๆ  "เจ้าค่ะ" ซู่อ๋องลู่หนิงหวังก็เป็นเช่นนี้ แต่คำพูดของเขาอาฉีรู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันยอมบอกอ้ายเจิงจนกว่านางจะยินยอม  "เจ้าไปเถิด ก่อนที่พิษจะกำเริบ รักษาร่างกายให้หายค่อยกลับมาทำงาน" "เจ้าค่ะนายท่าน" ลู่หนิงหวังเข้าไปในเรือนของอ้ายเจิงแล้ว อาฉีพ่นลมหายใจออกมา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า อย่างที่ลู่หนิงหวังเอ่ยไว้ บุญคุณก็ทดแทนไปแล้ว นางกับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อจากนี้ไปนอกเหนือจากคำสั่งของนายท่าน อาฉีจะหลีกหนีให้ห่างจากคนผู้นั้น คนที่ทอดทิ้งนางให้อับอาย อ้ายเจิงคนเลว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD