จุดเริ่มต้น

1927 Words
“ที่รัก...” “อือ....” “ที่รักครับ...” “...........” “สุดที่รัก!” เสียงทุ้มแว่วเข้ามาในโสตประสาท การรับรู้จากที่ปิดสนิทเพราะกำลังหลับใหล กลับกลายมาเป็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากชื่อเล่นสู่ชื่อจริง ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ เด็กชายสุดที่รัก อัครวงษ์ เด็กชายวัยสิบสี่ย่างสิบห้า ถึงอายุจะยังน้อย แต่เพราะเข้าก่อนเกณฑ์ ตอนนี้ถึงได้เรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เด็กชายในชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีดำเบิกตาโพรงหลังถูกเสียงดังกรอกใส่หูในขณะที่กำลังเผลองีบหลับกลางสวน ก่อนจะดีดเด้งกายยืนขึ้นด้วยความตกใจ เพราะร่างกายปรับสภาพยังไม่ได้ถึงได้ซวนเซไปหลายก้าว สุดท้ายคล้ายถูกช่วยหยุดไม่ให้ล้มก้นจ้ำเบ้าด้วยร่างสูงของใครบางคนซึ่งยืนอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี แขนเรียวยาว ขาวสะอาดสะอ้านคว้าหมับเข้าที่เอวของเด็กชายทันทีตามสัญชาติญาณ เด็กชายสุดที่รักแหงนหน้ามองคนสูงกว่าตัวเองเกือบยี่สิบเซนติเมตร ดวงตากลมใสสบมองคนด้านบน ดวงหน้าหล่อเหลาคมคายนิ่งเฉยก็ก้มลงมองเขากลับเช่นเดียวกัน “นี่เหรอวะไอ้อิ่ม ที่มึงพูดถึง” เสียงของคนที่ยังคงรัดเอวบางของเขาเอาไว้แน่นดังขึ้น แววตาคมยังคงจ้องมองเขา หากแต่คำพูดกลับมีไว้ให้ใครอีกคนที่ยืนยิ้มทะเล้นอยู่เบื้องหน้าคนทั้งสอง “เออ...เป็นไง เหมือนอย่างที่กูพูดไว้ไหมวะ?” เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงอยู่ในชุดพละลายทางสีชมพู-ฟ้า สีประจำโรงเรียนเอ่ยถาม มองคนสองคนด้วยแววตาขี้เล่น เขาถามความเห็นเพื่อนอย่างสนอกสนใจ ว่ามันเห็นด้วยเหมือนอย่างที่เขาเคยบอกมันหรือเปล่า วันนี้พวกเขาเลิกเรียนเร็ว ถึงได้ชวนกันมาเล่นที่บ้านฆ่าเวลา ก่อนที่ตอนเย็นจะได้เวลานัดสังสรรค์เลี้ยงส่งท้ายการเรียนมัธยมปีสุดท้าย คนตัวสูงเลิกคิ้ว ก้มมองเด็กชายในอ้อมแขนอีกครั้งด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ก่อนปากเรียวสวยจะหยักคว่ำ จังหวะหนึ่งเหลือบเห็นเศษใบไม้แห้งติดปลายผม มือแกร่งอีกข้างจึงเอื้อมหยิบออกให้ ก่อนจะปล่อยเด็กชายให้หลุดออกจากมือ พลางหันไปบอกเพื่อน “ไอ้ห่า กูนึกว่าพูดถึงผู้หญิง นี่มันเด็กผู้ชาย” “เอ้า! ผู้ชายเว้ย ถึงได้ตื่นเต้นอย่างนี้ไง ว่าแต่ เห็นด้วยกับกูมะ?” เด็กชายสุดที่รักหัวใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะไม่เคยถูกถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้จากคนแปลกหน้า แถมคนแปลกหน้าที่ว่า กลับหล่อเหลาดูดี จนอดมองอีกหลายครั้งไม่ได้ เด็กชายไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงใจเต้นให้กับผู้ชายด้วยกัน บางที..อาจเป็นเพราะการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ยอมหยุด เขานึกขอบคุณพี่ชายร่างสูงอยู่ในใจ “หึ...” เด็กหนุ่มร่างสูงส่ายหน้าไม่ตอบคำถาม หากแต่มีรอยยิ้มมุมปาก เขาไม่สนใจจะต่อบทสนทนา ก่อนจะก้มลงหยิบลูกบาสขึ้นมาเหน็บเอว “ไอ้อิ่ม มึงจะเล่นไหม บาสน่ะ” เขาเดินออกจากสวน ไม่วายหันมาร้องทักคนที่เอาแต่มองเด็กชายตรงหน้า "ไปดิวะ...ที่รัก” “ครับ?” “ไปเล่นบาสกับพวกพี่ไหม?” อิ่มเอ่ยถาม รอยยิ้มมักปรากฏบนใบหน้าจนเป็นเอกลักษณ์ เมื่อเห็นว่าเด็กชายมีท่าทีลังเล เพราะกลัวไม่ถูกกาลเทศะ นายอิ่มถึงได้ปั้นหน้ายุ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเด็กชายไว้ “ไม่ต้องเก็บกวาดแล้วใบไม้น่ะ เก็บไปเดี๋ยวก็ร่วงอีก อีกอย่าง หน้าที่นี้ลุงจิตรทำต่างหาก ไหนล่ะ ป่านนี้ไปแอบงีบอยู่ตรงไหน พ่อกลับมาจะฟ้องพ่อให้หักเงินเดือน ปล่อยให้ที่รักมาทำได้ยังไงกัน” เด็กชายหน้าเหวอ รีบยกมือห้าม “ไม่ใช่นะครับ พอดีคุณลุงโทรตามให้ลุงจิตรไปรับที่สโมสร ผมว่าง เลยมาช่วยเก็บกวาด” เด็กชายปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาเพิ่งเลิกเรียนกลับมาเห็นลุงจิตรคนสวน ทั้งยุ่งเรื่องสวน แล้วก็ยังถูกคุณลุงโทรตาม เลยคิดอยากจะช่วย เขาอยู่ที่นี่ในฐานะผู้อาศัย อยู่บ้านท่านไม่อยากนิ่งดูดาย เดี๋ยวจะถูกตำหนิเอาได้ “เด็กดีจังนะเรา” อิ่มอดยีผมเด็กชายตรงหน้าไม่ได้ “ต่อไปนี้ไม่ต้องทำตัวเหมือนคนรับใช้นะรู้ไหม เราก็ถือเป็นหลานของพ่อ เป็นลูกเพื่อนสนิทของพ่อ เป็นน้องของพี่ ไปเถอะ ไปเล่นบาสเพิ่มความสูงกันหน่อย” นายอิ่มยีหัวสุดที่รักอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำไปยังสนามบาสข้างบ้าน “มึงว่าเด็กนั่นชื่ออะไรนะ?” คนตัวสูงเอ่ยถาม พลางโยนลูกบาสส่งให้ “สุดที่รัก” “ชื่ออะไรวะ เกิดมาไม่เคยได้ยิน พูดแล้วขนลุก” “เอ้า พ่อแม่เขาตั้งให้ ลูกชายคนเดียว คงรักที่สุด ถึงได้ชื่อสุดที่รัก ว่าแต่เขาเถอะ มึงชื่อธรรมดามากเลยนะครับ คุณกว้างขวาง ศิริไพศาล” คนฟังทำหูทวนลม เลิกสนใจ ก่อนจะหันไปโยนลูกบาสเข้าห่วง สามคะแนนไม่ต้องสงสัย ด้วยดีกรีนักบาสโรงเรียนชายล้วน นายอิ่มวิ่งไปเก็บบาสมาไว้ในมือ แล้วลองชู๊ตดูบ้าง แต่คราวนี้เขาไม่ได้เท่เหมือนอย่างไอ้กว้าง แค่โยนในตำแหน่งสองคะแนนก็ยังพลาด ลูกบาสเด้งกระเด็นกระดอนหลุดจากห่วง กว้างขวางวิ่งไปเก็บบาสบ้าง ก่อนจะจับมันเด้งกับพื้นสองสามที เหลือบสายตาเห็นเด็กชายตัวผอมบางยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ขอบสนาม “ไอ้เด็กเอ๋อ” เขาเรียก เด็กชายทำหน้าเหวอ พลางชี้นิ้วใส่ตัวเอง “เอ้า!” กว้างขวางโยนลูกบาสให้ เด็กชายรับมันเอาไว้ได้ทันด้วยท่าทางชวนตลกขบขัน สงสัยลูกบาสคงจะหนักเกินไป เจ้าตัวถึงได้เซถอยไปถึงสองก้าว “ผมเล่นไม่เป็นครับ” เด็กชายบอก ทำเอาคนฟังถึงกับถอนหายใจ ก้าวเข้าไปหาในทันที กว้างขวางยืนซ้อนเด็กชาย วาดแขนอ้อมมาจับลูกบาสตรงหน้า ความใกล้ชิดเกิดขึ้นฉับพลัน พาเอาหัวใจดวงเล็กเต้นกระหน่ำอีกครั้ง มาถึงครั้งนี้เด็กชายรู้ตัวแล้วว่าที่หัวใจเต้นแรงนั้นเป็นเพราะอะไร คงเพราะท่าทางเท่ๆ กับความหอมในระยะประชิด กว้างขวางสอนเด็กชาย โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนแก้มแนบแก้ม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปกว่าการสอนเด็กชายชู๊ตบาส เขาเป็นนักกีฬาของโรงเรียนที่มีความมุ่งมั่น รักการเล่นบาสเป็นที่สุด “เอาล่ะ ลองทำตามที่พี่บอก” พี่...เขาใช้คำแทนตัวว่าพี่กับเรางั้นเหรอ “เอาสิไอ้เด็กเอ๋อ” กว้างขวางหน้ายุ่ง หันมาใช้กำปั้นเคาะหัวเด็กชายตัวเล็ก “ค...ครับ” สุดที่รักรีบพยักหน้ารับ แล้วหันไปตั้งใจชู๊ตบาส แรงแขนน้อยไปนิด ลูกบาสที่โยนออกไปแตะไม่ถึงห่วงเลยด้วยซ้ำ ยังห่างไกลมากพอควร กว้างขวางส่ายหน้า จริงๆ เขาไม่เคยสอนใครเล่นบาส แอบลุ้นอยู่ไม่เบานะเมื่อกี้ แต่ผลออกมาเป็นแบบนี้มันทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย “ไร้น้ำยาว่ะไอ้กว้าง” อิ่มตะโกนแซว กว้างขวางกรอกตาขึ้นบน ก่อนจะก้มหน้าลงมาหาเด็กชายที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอด คราวนี้เขาให้เด็กชายถือลูกบาสเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเอามือตัวเองไปทาบทับ กระชับจับแน่นรวมเป็นหนึ่งเดียว ริมฝีปากบางอยู่ใกล้ใบหูเด็กชายเพียงห้วงลมหายใจ “อย่าทำให้ขายหน้า ออกแรงหน่อย” เป็นอีกครั้งที่เด็กชายตั้งใจ เพราะด้วยแรงส่งที่พี่ชายตัวสูงช่วยด้วย คราวนี้ลูกบาสถูกส่งไปถึงแป้น มันไหลกลิ้งตามรอบวงก่อนจะร่วงหล่นได้คะแนน “เตี้ยแต่ก็มีแววนะเรา กินเยอะๆ จะได้มีแรงมากกว่านี้” ฝ่ามืออุ่นวางทับลงบนเรือนผมสีดำขลับ ก่อนที่มันจะเลือนหายไปพร้อมกับร่างสูง สุดที่รักมองตามพี่ชายคนนั้น แววตาแสดงออกถึงความชื่นชม ถูกว่าตั้งหลายคำ แต่ทำไมเขาถึงไม่โกรธเลยสักนิด พี่กว้าง... มันเป็นความประทับไม่รู้ลืม กว้างขวาง ศิริไพศาล เป็นชื่อที่ติดหูและติดความทรงจำมาตลอดสองปีหลังจากนั้น จวบจนกระทั่งความพยายามที่จะติดตามไปเรียนในที่เดียวกับเขาประสบความสำเร็จ จากเด็กชายสุดที่รัก เติบโตจนเป็นนายสุดที่รัก อัครวงษ์ นักศึกษาปีหนึ่ง คณะครุศาสตร์ คนที่เอาแต่เฝ้ามองนายกว้างขวาง ดีกรีเดือนมหาวิทยาลัยชื่อดัง นักศึกษาหนุ่มสุดหล่อ จากคณะบริหารธุรกิจ การเฝ้ามองของสุดที่รัก ไม่ใช่การเฝ้ามองที่ทำให้อึดอัด หากแต่เป็นการเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ...ห่างจนไร้ตัวตน “แก ดูนั่นดิ พี่กว้างเว้ย เดือนมหาลัยสองปีก่อน โอ๊ยยยยผู้ชายอะไรทั้งหล่อ ทั้งรวย ไร้ที่ติ ฉันอยากได้ ฉันอยากได้!!” “อื้อหือ พี่กว้างขวาง หล่อกว้างขวาง รวยกว้างขวาง เป็นที่กว้างขวางสมชื่อจริงๆ ทำยังไงจะได้ไปใกล้ชิด ได้เขามาครองนะเนี่ย” “คงยากแก ได้ข่าวว่าพี่กว้างไม่เคยคบใครเลยเว้ย ถ้าจะมีก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว อยู่กับใครได้ไม่ได้นาน อย่างมากก็แค่เดือนเดียว แต่ว่านะ เห็นวงในเขาบอก ว่าพี่เขามีหวานใจตัวจริง” สุดที่รักหูผึ่ง มือบางวางช้อนลงบนจานข้าว แอบเนียนขยับกายเข้าไปหาเพื่อนสาวสามคนที่กำลังเม้ามอยรุ่นพี่ต่างคณะ วันนี้เลิกคลาสเร็ว แล้วก็กำลังรอเข้ากิจกรรมช่วงเย็น ถึงได้มีเวลามานั่งกินข้าว กินขนมกันอยู่ที่โรงอาหารใต้ตึกคณะ “จริงดิ?” เด็กสาวชุดนักศึกษาตัวโคร่งเบิกตากว้าง พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทั้งหมดกำลังให้ความสนใจ ก่อนคนเฉลยจะชะงัก หันไปมองอีกหนึ่งใบหูที่ยื่นเข้ามา “แกก็อยากรู้ด้วยเหรอที่รัก?” สุดที่รักสะดุ้ง ทำตาเลิกลั่ก “ป...เปล่า” “ไม่เนียนย่ะ แต่ก็ช่างเถอะ...” เธอไม่ได้ให้ความสนใจเพื่อนหนุ่มที่มีท่าทีแปลกประหลาด ก่อนจะกลับมาดึงบทสนทนาเข้าเรื่องเดิม “เห็นเขาบอกมาว่าหวานใจตัวจริงของพี่กว้าง เป็นถึงลูกสาวนายพลชื่อดัง มีพี่ชายดีกรีนักเรียนนายร้อยตำรวจเลยนะเว้ย” “โห...แค่เกริ่น พวกเราก็เยินละย่ะ” “ไม่รู้ในไอจงไอจี เฟซบุ๊คอะไรของพี่กว้างจะมีไหมเนอะ” “เออนั่นดิ ลองขุดเผือกดีมะ เผื่อจะเจอ” “เห็นด้วย” หญิงสาวคนหนึ่งชูมือเห็นด้วย ก่อนจะหันไปกระแซะผู้ชายหนึ่งเดียวในกลุ่ม “ที่รักเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูนิ่งไป” “เปล่าๆ” ดวงหน้าหวานเกินผู้ชายด้วยขนตาเป็นแพยาวดูตกใจไปเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ยอมเผยอะไรออกมา เพราะไม่อยากให้ผิดสังเกต ลูกสาวนายพล พี่ชายเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ... อุ่นกับพี่กว้างอย่างนั้นเหรอ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD