"หมายความว่า พี่ๆตามมาตั้งแต่ต้น" ฟ้ามณีถาม นิลภัทรและมนตรา
"ขอรับ พระชายา" มนตรา บอกกับฟ้ามณี
"เดี๋ยวๆๆๆ พูดปกติได้มั้ย อย่าพูดแบบนี้ ฟ้าไม่ชิน" ฟ้ามณีโวยวาย
นิลภัทร และมนตรามมองหน้าองค์นครา องค์นคราพยักหน้าอนุญาต
"ได้ครับคุณฟ้ามณี" นิลภัทรกล่าว
"ไม่ ไม่ ไม่ต้องคุณ ฟ้ามณีเฉยๆ" ฟ้ามณีบอก
"เออ" มนตรา อึกอัก
"พี่นครา บอกคนของพี่ให้เรียกฟ้าเฉยๆ ไม่ต้องคุณ" ฟ้ามณีหันมาโวยองค์นครา
"ทำตามที่น้องฟ้ามณีบอก" องค์นคราสั่งลูกน้อง
"ครับ" ทั้งสองรับคำ
"โอ้ยย แล้มาทำมัยกันเยอะแยะ ที่บาดาล ไม่มีงานทำหรือไง" ฟ้ามณีบ่นนาคทั้ง สามตน
"หึ น้องทำมั้ยดูหงุดหงิดจัง" องค์นครา ถามฟ้ามณีอย่างอารมณ์ดี
"ไม่ให้หงุดหงิดไงไหวคะ เล่นเหมือนมีผู้คุมมาตามเลย เริ่มเข้าใจความรู้สึกของหยาดมณีแล้วสิ จะเฝ้าอะไรนักหนา กลัวหายหรือไงกัน" ฟ้ามณีบ่นพี่ยืดยาว
"ก็น้องหนีพี่มาแล้วนี่ไง น้องทำสำเร็จแล้วนี่ไง" องค์นคราบอกฟ้ามณีเสียงสลดลง
ฟ้ามณีมองเห็นองค์นคราดูเศร้าและสลดลง จึงรู้สึกผิด
"น้องขอโทษ น้องแค่พูดไปเรื่อย พี่อย่าโกรธน้องนะคะ" ฟ้ามณีง้อ องค์นครา
"พี่ไม่เคยโกรธน้อง มีแต่ความรัก และความปรารถนาดี และห่วงใย เพียงเท่านั้น มนุษย์โลก มีผู้ที่ใจร้านอยู่มาก พี่เองอดห่วงไม่ได้" องค์นคราบอกฟ้ามณีอย่างที่ท่านรู้สึก
"แล้วเวลาพี่ๆมาดูแลฟ้า พี่ๆอยู่ที่ไหนกันคะ" ฟ้ามณีถามอย่างสงสัย
"ที่ตรงไหนมีน้ำสะอาด พวกผมอยู่ได้ทั้งนั้นครับเออ ฟ้ามณี" มนตรากล่าว
"พวกผมบารมียังไม่ถึงขั้นขององค์นครา ต้องอาศัยน้ำเป็นสื่อกลางในการดูแล ถามว่าไม่มีน้ำได้มั้ย มันก็ได้ แต่พวกเราจะเหนื่อยเอามากๆครับ ฟ้ามณี" นิลภัทรกล่าวเสริม
"น้ำงั้นเหรอ อืม แล้วพี่ทำมัยไม่ต้องมีน้ำเหมือนชาวบ้านเค้าค่ะ" ฟ้ามณีถามอย่างใคร่รู้
"พี่บำเพ็ญเพียรบารมีมาเหลือคณานับแล้ว พี่อยู่ได้ในทุกสภาวะ ดิน น้ำ อากาศ ถ้ำ พี่อยู่ได้ทั้งหมดโดยที่ไม่ระคายเคืองใดๆ" องค์นคราตอบฟ้ามณี แล้วยิ้มบางๆ
"พี่ๆไปวายน้ำเล่นก่อนได้มั้ยคะ ฟ้าอยากคุยกับองค์นคราสองคน" ฟ้ามณีบอกมนตรากับนิลภัทร
ทั้งคู่ถึงกับขำออกมากับขำพูดอันแสนน่ารักของนายหญิง ที่ไม่ยอมให้เรียกว่านายหญิง แล้วหายตัวไป
"พี่นครา ไปนั่งทีระเบียงกันค่ะ วันนี้มีพระจันทร์เต็มดวงไปดูกัน " ฟ้ามณีชวนองค์นคราอย่างสนิดใจมากขึ้น
องค์นคราพยักหน้าให้น้องแล้วพากันไปที่ระเบียง
ทั้งคู่นั่งลง มองพระจันทร์ที่เต็มดวง
"พี่อยากเห็นรอยยิ้มของตัวเองมั้ยค่ะ" เป็นฟ้ามณีที่ถามพี่ขึ้นมาเสียก่อน
"ยังไงนะ พี่ไม่เข้าใจ"องค์นคราถามน้องอย่างสงสัย
ฟ้ามณีหันมายิ้มให้พี่ก่อนจะตอบ
"พี่ลองมองดูพระจันทร์เต็มดวงสิคะ นั่นแหละรอยยิ้มของพี่ เวลาพี่ยิ้มงดงามเฉกเช่นยามพระจันทร์เต็มดวง สวยแบบนี้เลยค่ะ ฟ้าชอบนั่งมองพระจันทร์เต็มดวงตั้งแต่เด็กเลย"
"ยิ้มแบบนี้ใช่มั้ย น้องพี่" พูดจบองค์นคราก็ส่งยิ้มกว้างให้ฟ้ามณี ฟ้ามณีพยักหน้าด้วยร้อยยิ้ม แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
"น้องยังยืนยันคำเดิม พี่ยิ้มบ่อยๆนะคะ งดงามมากๆ" ฟ้ามณีบอกพี่แล้วหันไปดูพระจันทร์เต็มดวงต่อ
ส่วนมนตรากับนิลภัทร แอบดูเจ้านายและนายหญิงด้วยร้อยยิ้มที่เห็นนายของพวกเขา มีเค้าลางแห่งความสุขกลับมาเสียที
"พี่ทรมารมั้ยคะ"อยู่ๆฟ้ามณีก็กล่าวขึ้นมา
"ทรมารเรื่องอะไรหรือ" องค์นคราถามอย่างแปลกใจ
"ก็ เฝ้ามองดูคนที่รักเวียนวายตายเกิด แถมบางคน ยังมีคู่ครองในภพปัจจุบันอีก สมหวังบ้างเจ็บปวดบ้างแต่พี่ก็ยังต้องทนดู และจดจำได้ทุกเหตุกราณ์ ส่วนคนที่พี่รัก จำอะไรไม่ได้เลย เริ่มเรียนรู้ใหม่ในทุกๆชาติทุกๆภพ กว่าพี่อธิบายตัวตนหรือความสัมพันธ์ที่ต้องเกื้อกูลกัน ก็ถูกคนรักด่าบ้าง ตำหนิบาง แต่พี่ก็ต้องตามดูแล" ฟ้ามณีถามพี่อย่างที่เธอรู้สึก และอยากรู้จริงๆ เธอเองก็ไม่ปฏิเสธเลยว่า เริ่มจะเข้าใจหัวอกของพี่บ้างแล้ว
องค์นครามองหน้าฟ้ามณี แล้วรอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้า
"พี่ต้องตอบยังไงดีละ ด้วยวงศ์วานละเผ่าพันธ์ สันชาตยานเดิมเป็นอะไรที่รักพวกพ้องอยู่แล้ว แล้วยิ่งเป็นคนรักที่เราตามเฝ้าดูแล มันไม่ง่ายเลยที่ผู้ที่รู้และจำทุกอย่างได้ อย่างชาวเรา จะทำใจมองเห็นคนรักมีคู่ครอง แต่ก็ต้องทนดูให้ได้ หากมันเป็นชะตา ชาวเราได้แต่เฝ้าช่วยเหลืออยู่ห่างๆ หากคนรักเราเลือกแล้ว เราจำต้องฝืนใจมอง จนกว่าคนรักของเราทนไม่ไหวแล้วเดินออกมาเอง การตามเฝ้าดูผู้หญิงอันเป็นที่รัก เผชิญการเวียนวายตายเกิด แล้วเผชิญชะตากรรม มันไม่ง่ายเอาเสียเลย หลายครั้ง ชาวเราฝืนโชคชะตาช่วย ทั้งๆที่รู้ว่าจะโดนลงโทษในสิ่งใด พวกเราก็ยอม เพียงเพราะทนเห็นผู้อันเป็นที่รักทนทุกข์ไม่ได้อีกแล้ว การที่คนรัก ผู้นึงจำอะไรไม่ได้เลย กับอีกคนจำได้ในทุกอย่างไม่ว่าจะผ่ายไปนานเพียงใด น้องคิดว่าอันไหนมันจะทรมารมากกว่ากัน แต่ทว่าชาวเราก็ยินดีให้ทุกคนที่ผู้อันเป็นที่รักของเรานั้นปิติสุข แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว" องค์นคราตอบฟ้ามณี แล้วก็เศร้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด
"แล้วพี่ต้องตามดูแลทุกคนเลยหรือเปล่าคะ ต้องมีทหารของพี่ไปเฝ้าทุกคนเลยมั้ยคะ" ฟ้ามณีถามอย่างสงสัย
"ไม่หรอก มีแค่คนที่เราอยากดูแลเพียงเท่านั้น และมีไม่กี่คนหรอก ที่เราจะส่งทหารติดตามเพราะความเป็นห่วง ทุกพันธสัญญาที่เปล่งออกมาสัญญา เราตริตรองและคิดดีแล้ว ไม่เคยเสียใจในคำพูดเลยสักคำ ที่สัญญาว่าจะดูแลใคร เราคิดดีแล้วและเราเต็มใจจะตามดูแล" องค์นคราบอกกับฟ้ามณีด้วยความจริง
"มันเศร้ามากเลยนะคะ กับสิ่งที่พี่ต้องทน" ฟ้ามณีบอกกับองค์นคราอย่างเห็นใจ
"น้องไม่ถามเหรอ ว่าพี่ต้องตามดูแลใครบ้าง" องค์นคราถามน้องอย่างพร้อมจะตอบ
"ไม่ ไม่ถามค่ะ น้องไม่อยากกรีดแผลเก่า ถึงมันจะนานมากแล้ว แต่ความรู้สึกเกลียดคนเจ้าชู้ยังชัดอยู่" ฟ้ามณีตอบพี่อย่างที่เธอรู้สึก เธอไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของคนอื่น เธอคิดแค่ว่าเพียงแนี้ พี่คงทรมารมากพอแล้ว ไม่อยากรู้สึกซ้ำ และไม่อยากด่าพี่ซ้ำไปให้ช้ำกันอีก
องค์นครายิ้มกว้างอีกครั้ง
"น้องโตขึ้นมากจริงๆ น้องโตขึ้นแล้ว" องค์นคราบอกก่อนจะวางมือที่หัวน้องเบาๆ
ฟ้ามณีหันมองหน้าองค์นครา แล้วยิ้มให้อย่างเข้าใจกัน
"น้องนอนเถอะ พรุ้งนี้ต้องไปเรียนเช้าด้วย" องค์นครา บอกกับฟ้ามณี
ฟ้ามณีพยักหน้าให้พี่แล้วเดินไปที่ที่นอน
"เออ พี่ขอน้องสักอย่างได้มั้ย" องค์นคราถามฟ้ามณี
"ค่ะ อะไรเหรอคะ"ฟ้ามณีถามอย่างแปลกใจ
"เมือครั้งก่อนนูนน้องชอบนอนหนุนตักพี่ คืนนี้ พี่ขอให้น้องนอนหนุนตักพี่จนหลับไปได้มั้ย พี่ขอเพียงเท่านี้" องค์นคราบอกฟ้ามณีด้วยรอยยิ้มจางๆ
ฟ้ามณีมองหน้าพี่นิ่งนานนับนาที ก่อนจะพยักหน้าให้พี่
องค์นครา เดินลงมานั่งแล้วเปลี่ยนเป็นชุดฉลองกายตอนปราบดาภิเษก ตอนขึ้นเป็นกษัตริย์ เพราะงานนี้ท่านมิได้พาฟ้ามณีไปด้วยเพราะมีการพระราชทานชายาในงานด้วย เกรงว่าน้องจะสะเทือนใจ แต่ตั้งใจจะกลับมาพร้อมชุดปราบดาภิเษกนี้ให้น้องนอนหนุนอย่างที่น้องชอบหนุน แต่วันนั้นเมื่อกลับมาน้องก็ไม่อยู่เสียแล้ว น้องก็ทิ้งพี่เสียแล้ว
จึงถือโอการขอให้น้องนอนหนุนตักของตนในวันนี้แทน ฟ้ามณีล้มตัวลงนอนที่ตักพี่ แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาเอง มันเป็นความรู้สึกที่ขาดหาย มันเป็นความรู้สึกที่เธอโหยหามาตลอด มันบอกไม่ถูกเหมือนกัน องค์นคราเอามือลูบหัวน้องกล่อมนอน อย่างที่ท่านชอบทำเสมอ
น้องร้องไห้ พระองค์เองรับรู้ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาให้น้องเคืองขุนไปมากกว่านี้ องค์นครา มือนึงวางที่แขนของน้องอีกมือนึงลูกที่หัวกล่อมนอน
"พี่จะดูแลเจ้าเอง" องค์นคราพูดคำนี้ออกมา มันคือคำพูดก่อนนอนที่องค์นครามักจะบอกฟ้ามณีแทบจะทุกค่ำคืน
เมื่อฟ้ามณีได้ยินคำนี้ น้ำตาของเธอไหลออกมาเป็นสาย โดยไม่ทราบสาเหตุ รู้เพียงแต่ว่าข้างในใจของเธอมันเสียใจ มันมีแต่คำว่าเสียใจเต็มไปหมด
องค์นครา กล่อมฟ้ามณีหลับไป พระองค์จึงจัดการให้น้องนอนในท่าที่สบาย ห่มผ้าให้น้อง ก่อนจะก้มบรรจงจูบที่หน้าผากอย่างรักใคร่ "เราคงทำแบบนี้กับเจ้า ได้แค่เพียงตอนที่เจ้าหลับเท่านั้น พักเถิดหนาพี่จักปกป้องคุ้มครองเจ้าเอง มิว่าเจ้าจักเป็นหยาดมณีหรือฟ้ามณีก็ตาม"