“มหาสมุทรหรือเปล่า”
ครามหลุดออกจากห้วงความทรงจำ เมื่อเสียงของใครบางคนดังขึ้น นานแล้วที่ไม่มีใครเรียกขานเขาด้วยชื่อนี้
“อาจารย์ภิณโญ สวัสดีครับ อาจารย์สบายดีนะครับ” ครามลงจากสแตนด์เชียร์ด้วยจดจำได้ว่าคนที่ทักทายคือใคร เข้าไปยกมือไหว้ทักทายอดีตอาจารย์ที่ปรึกษา
“สบายดีตามอัตภาพ ปีนี้ก็จะเกษียณแล้ว แล้วมหาสมุทรล่ะ เป็นยังไงบ้าง ได้เจอเพื่อน ๆ บ้างหรือเปล่า” อาจารย์ภิณโญเดินไปหย่อนตัวลงนั่งบนสแตนด์เชียร์โดยมีครามคอยประคอง
“ผมสบายดีครับ กับเพื่อนก็มีเจอกันบ้างครับ” ครามนั่งลงข้าง ๆ คนเป็นอาจารย์ เขาได้พบเชนกับกริชเป็นประจำยามที่มีเวลาว่างตรงกัน หรือทั้งสองคนไปเที่ยวพักผ่อนหาความรื่นรมย์ที่ Blackwell Club คลับของเขา
“คิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ เหมือนกับระรินรักสินะ” สิ่งที่ได้ยินเป็นเครื่องยืนยันว่าระรินกลับมาแล้ว ไม่ใช่คนที่บังเอิญมีใบหน้าละม้ายคล้ายกัน ไม่ใช่คนที่บังเอิญชื่อ นามสกุล เดียวกัน เธอกลับมาแล้วจริง ๆ
“ระรินรักมาที่นี่เหรอครับ”
“ไม่ได้เจอกันเลยสินะ”
“ครับ” สี่ปีแล้วที่ระรินหายไปจากชีวิตของเขา แต่ไม่เคยมีวันไหนที่เขาจะลืมเธอ
“เมื่อวานระรินรักก็มานั่งตรงนี้ มากับลูกชาย”
“ลูกเหรอครับ” เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ เมื่อได้รู้ว่าระรินมีลูกแล้ว ความรู้สึกที่หลากหลายตีรวนไปหมด
“ใช่ กำลังน่ารักน่าชัง เป็นเด็กช่างพูด ระรินรักคงไม่เหงาเลยล่ะ” อาจารย์ภิณโญพูดด้วยรอยยิ้มเอ็นดูที่มีต่อลูกชายของระรินรัก
“ระรินรักมาแค่สองคนกับลูกเหรอครับ” ครามหยั่งเชิงถาม
“มากันสองคน มาไม่นานหรอก แล้วก็พากันกลับไป...”
ครามฟังอาจารย์ภิณโญพูดคุยเรื่องราวในอดีตของเขากับเพื่อนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง บ้านที่เขาคอยแวะเวียนมาตั้งแต่กลับจากประเทศอังกฤษ
ภายในรถซูเปอร์คาร์มูลค่าหลายสิบล้านบาทจอดอยู่หน้าบ้านขนาดสองชั้น ที่ใช้ไม้ระแนงเป็นผนังสีน้ำเงินคราม ตัดกันกับสีฟ้าอ่อน ที่ถูกปิดเงียบมาตลอดสี่ปี บัดนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยแสงสว่างจากหลอดนีออน
“ระรินกลับมาหาครามแล้วใช่ไหม...” เสียงของความโหยหาในตัวหญิงสาวที่เฝ้ารอ ในวันที่เธอหายไปจากชีวิตของเขา คืนวันเลี้ยงฉลองเรียนจบ ในวันรับปริญญา คืนสุดท้ายที่เขามีเธอในอ้อมกอด เขาตามหาเธอเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ก่อนจะตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ
“ระริน” ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่เฝ้าคิดถึง กำลังเดินออกมาจากบ้าน ในมือมีถุงขยะสีดำใบย่อม ก่อนรอยยิ้มนั้นจะหายไปเมื่อมีเด็กชายตัวน้อยเดินมาหาเธอ มีคำถามมากมายเกิดขึ้นเกี่ยวกับตัวเธอ
“คุงแม่ ยอคลื่นด้วยฮับ”
“ออกมาทำไมคะ แม่แค่ออกมาทิ้งขยะเอง”
“มาเป็งกำยังใจฮับ” คลื่นเงยหน้าพร้อมรอยยิ้มสดใส รอคนเป็นแม่รับกำลังใจจากตน
“แม่มีกำลังใจเยอะแยะเลย” ระรินก้มหน้าให้ปลายจมูกสัมผัสกับปลายจมูกของลูกชาย ต่างฝ่ายต่างส่ายหน้าเบา ๆ ให้ปลายจมูกถูไถกันไปมา เป็นการส่งผ่านกำลังใจให้แก่กัน
“เติมกำยังใจอีกนิดฮับ” คลื่นยกมือขึ้นมาทำมินิฮาร์ตให้คนเป็นแม่
“กำลังใจเต็มเปี่ยมเลย ไปค่ะ ไปทิ้งขยะกัน” ระรินจูงมือลูกชายไปทิ้งขยะที่ถังขยะหน้าบ้าน เธอหันมองรถซูเปอร์คาร์ที่จอดอยู่ข้างรั้ว แต่ก็ไม่ได้นึกสนใจ ที่หันมองก็เพราะความโดดเด่นของมันเท่านั้น ก่อนจะอุ้มลูกชายเข้าบ้าน
ภาพตรงหน้า เหมือนภาพที่ครามเคยวาดฝัน ภาพที่เขาได้สร้างครอบครัวกับระริน มีลูกน้อยที่น่ารักด้วยกัน เธอจะต้องเป็นแม่ที่แสนดีน่ารัก เหมือนอย่างตอนนี้ แต่ที่ตรงนั้นไม่ได้เป็นของเขา มีคนอื่นมายืนแทนที่เขาแล้ว
“คลื่นทำอะไรอยู่ลูก” คนเป็นยายถามหลานชายที่ง่วนอยู่กับกระเป๋านักเรียนมาสักพัก
“เตรียมตัวไปโยงเยียงฮับคุงยาย”
“ไม่ค่อยเห่อเลยลูก อีกตั้งเดือนหนึ่งกว่าโรงเรียนจะเปิด”
“ต้องพร้อมฮับ คุงยายฉองคลื่นเองนะฮับ ว่าทำอะไยก็แย้วแต่ ต้องพร้อม ๆ”
“ค่ะ ยายสอนคลื่นมาเองกับมือนี่เนอะ”
“คลื่นมาดื่มนมก่อนนอนค่ะ น้ำขิงอุ่น ๆ ค่ะคุณแม่” ระรินเข้ามาพร้อมแก้วนมของลูกชาย และแก้วน้ำขิงของคนเป็นแม่
“พรุ่งนี้ต้องไปสัมภาษณ์งานแล้วใช่ไหม” พรถามลูกสาว
“ใช่ค่ะ ที่นี่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ตอนแรกระรินแทบไม่คาดหวังเลยค่ะว่าจะถูกเรียกสัมภาษณ์ เพราะระรินไม่มีประสบการณ์เลย ที่ลองยื่นใบสมัครก็เพราะฐานเงินเดือนสูงมากค่ะ”
“ระรินทำได้อยู่แล้ว แม่ขอให้ระรินสมหวัง ขอให้การสัมภาษณ์นี้ผ่านไปด้วยดีนะลูก” คำอวยพรของแม่ ทำให้ระรินฮึกเหิมและมีกำลังใจสัมภาษณ์งานในวันพรุ่งนี้
“คุงแม่ฉู้ ๆ ฮับ คลื่นเป็งกำยังใจให้” คลื่นเติมกำลังใจให้คนเป็นแม่ ยิ่งทำให้ระรินมีกำลังใจที่เต็มเปี่ยม