EP 8 : ฝันไปเถอะเมฆา

1723 Words
“...พี่เมฆ” “...” “พี่เมฆ...พี่เมฆ!” ความจริงฉันเรียกเขาหลายรอบแล้วนะแต่ดูท่าทางคุณเมฆาจะหลับสนิทเลยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยสุดท้ายเลยต้องเรียกเสียงดัง “อื้อ~” “ตื่น!” “...อืม~ มีอะไรน้ำผิง” เขาปรือตามองก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียฉันเลยวางถุงของกินมากมายลงที่โต๊ะตรงหน้าด้วยอาการกระแทกกระทั้น “ลุกขึ้นมากินข้าว” “...อืม~ ป้าเล็กฝากมาให้เหรอ” เขาบิดขี้เกียจลุกขึ้นนั่งช้า ๆ แล้วเอยถามฉัน “เหอะ!” ฉันแค่นเสียงพร้อมกับกรอกตามองบนทันทีจากนั้นก็นั่งลงที่โซฟาอีกตัวแต่นั่งไม่ถนัดเพราะมันค่อยข้างไกลจากโต๊ะกลางเลยขยับลงไปนั่งที่พื้นแล้วจัดการเอาอาหารออกจากถุงพร้อมกับเปิดกล่องอาหารที่ซื้อมาหลายกล่อง “น้องผิงทำอะไร?” “จะกินข้าวไง ไปล้างหน้าไปพี่เมฆ นั่งทำหน้าง่วงอยู่ได้” ฉันบ่นใส่แต่เขาก็เอาแต่นั่งทำหน้างงแล้วมองฉันไม่ยอมขยับ “อะไร? ไปสิคะ ไปล้างหน้า” “...โอเค” เขารับคำค่อนข้างช้าก่อนจะยอมลุกแล้วเดินไปทางห้องน้ำ นึกว่าแกล้งหลับไม่คิดว่าจะหลับจริง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหนื่อยอะไรขนาดนั้น คงงานหนักมากมั้งคะ “ป้าเล็กซื้อมาเหรอ” เขาหายไปพักหนึ่งก็เดินออกมา หน้าเน่อเปียกเชียว “ทำไมพี่เมฆไม่เช็ดหน้า?” “เช็ดหน้า? อ่อ โทษทีครับพี่ลืม”​ เขาบอกแล้วก็หันรีหันขวางมองหาทิชชู่ “อยู่บนโต๊ะผิง” ฉันบอกด้วยความรำคาญ จำได้ว่าบนโต๊ะเขาไม่มีทิชชู่วางไว้ พอบอกเขาก็เดินไปหยิบมาเช็ดทันทีก่อนจะเดินกลับมาแล้วนั่งลงที่พื้นเหมือนฉันที่กำลังนั่งดูดโกโก้อยู่ “ตกลงป้าเล็กซื้อมาเหรอ? พี่บอกว่าให้ซื้อแค่ข้าวกล่องเดียวทำไมวันนี้ป้าแกซื้อมาเยอะ” “ผิงซื้อเอง” “น้องผิงซื้อ?” เขาทวนคำตอบของฉัน ทำหน้าฉงนที่มองแล้วรำคาญตามาก “ค่ะ เลิกถามสักทีได้ไหม กินข้าวได้แล้วผิงหิว” ฉันตัดบทแล้วหยิบช้อนตักอาหารกิน ตอนแรกสั่งเป็นราดข้าวแต่เปลี่ยนให้เขาทำเป็นกับข้าวมาให้แทน ฉันเริ่มกินได้สองสามคำแต่นั่งใกล้กันแค่นี้ถึงไม่มองตรง ๆ ก็รู้ว่าพี่เมฆของคุณแม่ยังไม่ได้กินข้าวสักคำเพราะเอาแต่มองฉัน “อะไรอีกคะ?” ไม่ไหว กินข้าวไม่อร่อยนะถ้ามีคนมานั่งจ้อง “...ซื้อข้าวมาให้พี่เหรอ” “ไม่อ่ะ ผิงซื้อของผิงแต่เห็นป้าแม่บ้านเขากำลังซื้อให้พี่เมฆผิงเลยอาสาเอาขึ้นมาให้ป้าเขาจะได้ไปพักผ่อน จบยัง?” ฉันตอบ พอได้คำตอบเขาก็มองอาหารก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ แล้วหยิบช้อนมาตักข้าวกินเงียบ ๆ ยิ้มอะไร? ประสาท ฉันเลิกสนใจเขาแล้วลงมือกินต่อบ้างเพราะหิวมาก อาหารที่นี่อร่อยด้วยสิถึงจะเป็นอาหารง่าย ๆ ก็ตาม “ขอบคุณนะครับ” กินได้ไม่กี่คำเขาก็เอ่ยคำนี้ออกมาฉันเลยมองไปที่เขาแล้วขมวดคิ้ว “แค่ถือข้าวมาให้ขอบคุณทำไม” ฉันบอกแล้วก็แอบเบ้ปากใส่เขาที่กำลังยิ้มบาง ๆ นิดหน่อยพอเห็นหน้าตาท่าทางของฉันเขาก็ยิ้มขำเบา ๆ “หึ ๆๆ ป้าแก้วไม่กล้าซื้อนอกเหนือคำสั่งหรอกน้องผิง” คำพูดของเขาทำช้อนฉันชะงัก พอมองเขาอีกครั้งคุณเมฆาของทุกคนที่นี่ก็เอาแต่มองฉันแล้วอมยิ้ม “...วันนี้ป้าแก้วอาจจะอยากซื้อนอกเหนือคำสั่งก็ได้จะไปรู้เหรอ กิน ๆ เข้าไปเถอะพี่เมฆ” ฉันตัดบทแต่เขาก็ยังมองแล้วยิ้มต่อ ฉันรำคาญรอยยิ้มพี่เมฆของคุณแม่มากเลยแกล้งด้วยการตักอาหารให้เขาซะ! “ตักหมูกรอบให้พี่เยอะไม่กลัวตัวเองไม่อิ่มรึไงเรา” “ยุ่ง!” “หึ ๆๆ พี่ไม่กินหมูกรอบน้องผิงก็รู้” “...กิน ๆ เข้าไปเถอะค่ะ” “ไม่อยากแย่งน้อง” “...” “เอาคืนไหม?” “ไม่ กิน ๆ ไปเลย พูดมาก”​ ฉันว่าเขาเบา ๆ แล้วก็กินต่อแบบไม่สนใจเขาอีกเลยถึงแม้จะรู้ว่าพี่เมฆของคุณแม่มองฉันบ่อย ๆ ก็ตาม ...น่ารำคาญเป็นบ้า รู้แบบนี้ไม่ซื้อข้าวขึ้นมาให้ก็ดี -เวลาต่อมา- “อารมณ์ดีจังเลยนะครับนาย” “ปกติ” “หึ ๆๆ ใช่เหรอครับ ตอนกลับเข้าบริษัทผมยังเห็นนายล้า ๆ อยู่เลย ไม่ใช่ว่าข้าวกลางวันอร่อยเลยอารมณ์ดีเหรอครับ” “เรื่องของกู” ผมตอบแต่ก็ยิ้มมุมปากไปด้วยคนสนิทอย่างนธีเลยยิ่งยิ้มไปกันใหญ่ แต่ผมกับมันไม่ได้คุยอะไรกันต่อเพราะลิฟท์เปิดออกพอดี “คุยงานเสร็จนายจะดื่มต่อไหมครับ” “คงไม่” ...ถ้าเลี่ยงได้ “รีบกลับไปเฝ้าหลังคาบ้านนายใหญ่เหรอครับ” “รู้ดีขนาดนี้อยากไปนั่งเฝ้าให้กูทั้งวันไหมไอ้ธี?” “ฮ่า ๆๆ ผมล้อเล่นน่านาย” ไอ้นธียิ้มเจื่อนเพราะรู้ว่าหน้าที่ที่ผมถามคืออะไร “ถ้างั้นก็เลิกปากดีกับกูแล้วเก็บปากไว้ต่อล้อต่อเถียงกับคนอื่นไม่งั้นกูเปลี่ยนหน้าที่มึง” ผมขู่ก่อนจะเดินไปที่รถเพราะวันนี้มีนัดกินข้าวแล้วก็คุยงานกับลูกค้า ความจริงก็ไม่เชิงเป็นการคุยงานหรอกครับเพราะผมได้ข่าวว่าคุณสุรชาติจะพาลูกสาวคนโตมาด้วย ผมว่าน่าจะเป็นการแนะนำลูกสาวให้รู้จักกับผมมากกว่า หึ ๆๆ นึกแล้วก็ขำ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เข้ามาช่วยงานป๊าคนอย่าง เมฆา ศิริชญานันท์ มีนักธุรกิจ นักการเมืองคนใหญ่คนโตจากหลายแวดวงต้องการให้ทำความรู้จักกับลูกสาวของตัวเองเยอะแยะมากมาย มีผู้หญิงสนใจพยายามเข้าหาจนนับไม่ถ้วนแต่ผมกลับไม่เคยสนใจใคร สนใจแค่คนเดียวแต่ก็เป็นคนที่ไม่เคยคิดอยากจะเข้าหาผมเลย มีแต่จะหนีห่างด้วยความรังเกียจด้วยซ้ำ แต่เขาจะหนีห่างก็ไม่แปลกในเมื่อเขา...รู้จักกำพืชของผมดี ...กำพืชที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาเลย -สองวันต่อมา- “พี่เมฆ” ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตั้งแต่เช้าจนตอนนี้อีกแค่ 15 นาทีก็จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันอ้าปากคุยกับสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งชีวิตในห้องนี้ที่ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่นั่งหน้าเครียดดูหน้าจออคอมสลับกับจอแท็บเล็ตไปมา เพิ่งรู้ว่าเขางานยุ่งมากก็ตอนมานั่งทำงานในห้องด้วยนี่ล่ะค่ะ “ครับ” เขาละสายตาเคร่งเครียดจากจอแท็บเล็ตมองมาที่ฉันพร้อมกับขานรับ “...ผิงอ่านเอกสารตรงนี้แล้วไม่เข้าใจ”​ ฉันนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกไป เอกสารที่พยายามอ่านอย่างตั้งใจตลอดทั้งอาทิตย์แรกที่มาฝึกงานแต่ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากอ่านเอกสารแฟ้มนี้ ตอนนี้อ่านได้เกินครึ่งแล้วแต่เอกสารหน้านี้ทำฉันสะดุดมาเกินหนึ่งชั่วโมง พยายามอ่านพยายามทำความเข้าใจจนกระทั่งลองเขียนแยกเป็นจุด ๆ แล้วทำความเข้าใจใหม่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีสุดท้ายเลยต้องลดฟอร์มลงแล้วถามเขานี่ไง พอเอ่ยปากถามเขาก็ยกคิ้วขึ้นแล้วขยับตัวลุกเดินมาหาฉันทันที “ไหนครับ” “กวนพี่เมฆรึเปล่า ทำงานเสร็จก่อนก็ได้นะ” ฉันแอบมีมารยาทเพราะยังไงงานที่เขากำลังทำมันก็คืองานของบริษัทคุณพ่อ ถึงแม้ว่าเขาจะทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองด้วยก็ตามเถอะ “ไม่เป็นไร” เขาส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเดินมาหยุดข้างเก้าอี้ก่อนจะจับแฟ้มแล้วขยับเปลี่ยนองศานิดหน่อยเพื่อให้ตัวเองอ่านได้ถนัด เขามองดูแป๊บเดียวก็ก้มตัวลงมานิดหน่อยแต่เป็นนิดหน่อยที่ทำให้ฉันได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากตัวเขา “ไม่เข้าใจตรงนี้ใช่ไหม”​ เขาเริ่มอธิบายในทันที ดูเอกสารไม่ถึง 10 วินาทีด้วยซ้ำก็ถามแล้วเริ่มอธิบายเลย “เข้าใจรึยัง” เขาอธิบายให้ฉันฟังเป็นการอธิบายที่สั้น กระชับ แต่เข้าใจได้ง่ายมาก ๆ พออธิบายเสร็จก็ถามออกมาฉันเลยพยักหน้าแล้วหันหน้าไปหาเขา “อื้ม ผิงเข้าใจ... / ...” ฉันเผลอหันไปทั้งที่น่าจะรู้ว่าหน้าเขาที่ก้มลงมาอธิบายมันอยู่ในระดับเดียวกันกับฉันตั้งนานแล้ว แถมที่สำคัญหน้าพี่เมฆของคุณแม่ก็ยังห่างจากฉันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ... บ้าที่สุดเลย ฉันเกลียดการที่ฉันต้องอยู่ใกล้กับผู้ชายคนนี้มาแต่ไหนแต่ไร ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องงานฉันไม่มีทางยอมให้เขามายืนใกล้ ๆ แบบนี้แน่ “...ขยับออกไป” ฉันบอกเบา ๆ เพราะพี่เมฆของคุณแม่ยังอยู่ที่เดิมแล้วก็มองฉันไม่ละสายตา แต่พอฉันอ้าปากถามสายตาเขากลับมองต่ำลงไปและฉันมั่นใจว่าสิ่งที่เขามองคือริมฝีปากของฉัน “...เข้าใจแล้วเหรอ” เสียงทุ้มแต่แผ่วเบาผิดปกติทำให้ฉันใจเต้นผิดจังหวะแล้วชั่วขณะนั้นภาพเหตุการณ์ที่ฉันไม่อยากจดจำก็โผล่มา ผลัก! “เข้าใจแล้ว ไปทำงานต่อเลย” ฉันดันไหล่เขาให้ขยับออกห่างแล้วบอกจากนั้นก็หันหน้ากลับแต่ฉันเห็นนะ เห็นเขายิ้มมุมปาก ...รอยยิ้มของคนเจ้าเล่ห์ชัด ๆ “น้องผิงมีตรงไหนไม่เข้าใจอีกก็ถามพี่นะ” เขาบอกก่อนจะเดินไปโดยที่ฉันไม่ได้พูดอะไร เหอะ! ไม่ถามหรอกไอ้เจ้าชู้! ...อย่าคิดว่าจะได้เข้ามาใกล้แล้วทำท่าทางเจ้าชู้เหมือนที่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่นแบบที่ทำเมื่อกี้อีก ฝันไปเถอะเมฆา!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD