คุณหญิงเดินทางกลับหลังจากวันนั้นทันที เหตุการณ์กลับมาปกติ คุณหิรัญออกไปทำงานตั้งแต่ฉันยังไม่ตื่น กลับเข้าบ้านก็ดึกเหมือนทุกครั้ง เป็นคู่แต่งงานที่ไม่เหมือนคู่อื่นทั่วไป เราสองคนแยกห้องนอน อยู่บ้านเดียวกันแทบไม่ได้เห็นหน้ากัน หากมีธุระเขาจะสั่งคนในบ้านมาบอก ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย เขาให้เลขาจัดการ ฉันมีเงินใช้ไม่ขาดมือ วงเงินบัตรเครดิตไม่จำกัด มีรถรับส่งและคนขับรถส่วนตัว พอคุณหญิงกลับไปเขาก็ไม่เคยเสนอตัวมารับฉันที่ม’ หาลัยอีกเลย แล้วฉันก็ถูกซุบซิบว่าถูกเขี่ยทิ้งเพราะเป็นแค่เด็กธรรมดาที่น่าเบื่อสำหรับเขา
เรียนแค่พอใช้ กิจกรรมก็ไม่โดดเด่น รู้ดีกว่าตัวฉันอีก
“ไปลานกิจกรรมกัน” โซ่วิ่งเข้ามาชวนฉันกับแขไปลานกิจกรรม วันนี้มหา’ลัยจัดงานฉลองให้กับเดือนดาวของแต่ละคณะก่อนที่จะเข้าคัดเลือกเป็นดาวเดือนของมหา’ลัยอีกรอบ
“ไม่ไปได้มั้ย” ฉันทำเสียงเบื่อ กิจกรรมนี้ไม่ได้บังคับและเช็กชื่อด้วย แต่เพราะมีวงดนตรีที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้ก็เลยเป็นที่สนใจ ใครๆ ก็อยากไป
“เป็นอะไร ทิ้งไว้ก่อนได้มั้ย อายุอย่างเราเข้าผับไปดูพี่กิตเล่นดนตรีได้ที่ไหน” โซ่บ่นแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“พี่ชายเป็นเจ้าของผับแท้ๆ” แขพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะไม่หยุด
“มันก็ไม่ได้ปะ ถึงคนอื่นจะไม่สนกฎหมายแต่ฉันสนเว้ย สักวันเราก็ต้องอายุยี่สิบ”
“ก็รอยี่สิบก่อนสิ”
“กว่าจะยี่สิบพี่กิตเขาก็เลิกร้องเพลงแล้วมั้ง” ฉันกุมขมับ สองคนนี้ไม่ทะเลาะกันสักวันจะได้มั้ยเนี่ย
“โอเค งั้นไป เก็บของแป๊บนึงเลิกทะเลาะแล้วก็เถียงกันเป็นคนแก่ได้แล้ว”
“เด็กมั้ย” แขหันมาแย้งฉัน
“เด็กๆ เขาไม่เถียงกันแล้ว มีแต่แก่ๆ ทั้งนั้น ยิ่งโตก็ยิ่งคิดว่าตัวเองเก่ง อ้างความรู้ อ้างว่าผ่านมาโลกมามาก ทั้งๆ ที่ก็เคยเป็นเด็กมาก่อน”
“เป็นอะไร ตั้งแต่เช้าแล้วนะ”
“เปล่าสักหน่อย แค่หิว” ฉันตอบกลับแล้วรีบเก็บของพาคนงอแงไปดูดนตรีที่ลานกิจกรรมทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดด พี่กิต พี่กิต หล่อมากค่ะพี่ กรี๊ดดดดดดด” ฉันจะบ้า ถ้ารู้ว่าอาการหนักขนาดนี้จะไม่มาด้วยเลย ขอนั่งรออยู่ข้างนอกดีกว่า
“ทำใจนะนานามีเพื่อนบ้าผู้ชาย กรี๊ดดดด พี่กิต” ปากก็ว่าเพื่อนบ้าผู้ชาย ตัวเองก็ใช่ย่อยที่ไหน สรุปเพื่อนทั้งสองคนของฉันบ้าผู้ชายถูกมั้ย
“ขอเสียงน้องๆ ที่ยังโสดหน่อยเร็วววววว”
“หนูค่ะพี่กิต โสดแบบตะโกน”
“โสดแบบแห้งแล้งมากค่ะ กรี๊ดดดดด”
ฉันกลั้นขำไม่อยู่ เพราะแบบนี้หรือเปล่าถึงยังโสด
“ยกมือสินานา ไม่โสดก็เหมือนแหละ”
“บ้าเหรอ” ฉันพยายามสะบัดข้อมือออกแต่ก็ถูกแขจับมืออีกข้างชูขึ้นพอไม่ทันระวังเพราะมัวดึงข้อมือกลับ โซ่ก็ชูข้อมือของฉันขึ้นสำเร็จ กลายเป็นว่าตอนนี้แขนทั้งสองข้างของฉันถูกชูขึ้นเรียบร้อย
“พวกเราโสดค่ะ” ฉันถอนหายใจ เหนื่อยกับสองคนนี้จนขี้เกียจขัดขืนแล้ว ถึงจะโสดหรือไม่โสดก็คงไม่มีใครมาสนใจหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำหรับใครอยู่แล้ว
ฉันเริ่มปล่อยวางและเริ่มสนุกกับคอนเสิร์ต ร้องตามเต้นบ้างเป็นบางครั้ง พอถึงเพลงที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้ก็มีนักศึกษาคณะอื่นขยับเข้ามาเรื่อยๆ จนฉันรู้สึกว่าตรงที่ยืนเริ่มอึดอัด
“อย่าเบียดเข้ามานักสิคะ” โซ่เริ่มบ่นแล้วหันไปพูดกับข้างหลัง แต่ไม่มีใครใส่ใจเพราะสิ่งที่ทุกคนสนใจคือได้เข้าใกล้หน้าเวทีมากที่สุด
“ออกกันเถอะ” ฉันเริ่มทนไม่ไหว ขืนยังอยู่ได้ขาดอากาศหายใจตายแน่ๆ
“ได้ไง ชนกลับสิ” โซ่กับแขพร้อมใจกันดันตัวไปด้านหลัง คิดว่าแรงผู้หญิงสองคนจะสู้ผู้ชายเป็นกลุ่มได้เหรอ
“ว้ายยยย” เสียงดนตรีก็ยังดังต่อเนื่อง ด้านล่างก็ชุลมุนเพราะมีคนเริ่มเป็นลมแล้ว
“ขยับหน่อยสิวะ” เสียงผู้ชายด้านหลังตะโกนแข่งกับเสียงเพลงบอกให้ด้านหน้าขยับ ไม่สุภาพบุรุษเอาเสียเลย พวกฉันจะตายกันอยู่แล้วตอนนี้
“ไม่ไหวแล้วอ่ะ” ฉันก็เริ่มหน้ามืดหายใจไม่ออกแล้วด้วยตอนนี้
“จะออกยังไง แน่นไปหมด “แขพูดแล้วเริ่มมองหาทางออก
ปึก!
“นานา ละ เลือดแกออก” ฉันรีบยกมือขึ้นมาจับที่หัวของตัวเอง แม้มันจะยากลำบากแต่ก็อยากรู้ว่าเลือดออกจริงหรือเปล่า พอเห็นว่าที่ปลายนิ้วคือเลือดก็เริ่มรู้สึกเจ็บทันที
“ใครขว้างขวดมาคะ เพื่อนหนูหัวแตก” โซ่โวยวายคนรอบข้างเริ่มหันมามองพวกเรา พอเห็นเลือดเท่านั้นก็เริ่มถอยห่างทันที
“เจ็บมั้ยนานา ถอยหน่อยค่ะมีคนนิสัยไม่ดีขว้างขวดมาโดนหัวเพื่อนหนูค่ะ” แขเข้ามาประคองฉัน พอเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็มีรุ่นพี่คณะเดียวกับเราเข้ามาช่วยอีกแรง
“เห็นมั้ยว่าใครขว้าง” หนึ่งในรุ่นพี่ที่เข้ามาช่วยถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไม่เห็นหรอกค่ะ เบียดกันแน่นขนาดนั้นแต่พอจำได้ว่าผู้ชายด้านหลังอยู่คณะวิศวะ” โซ่เอ่ยแต่ยังไม่รู้ว่าใช่กลุ่มนั้นหรือเปล่า
“ค่อยจัดการ ตอนนี้ต้องพาน้องนานาไปโรงพยาบาลก่อน แค่ห้องพยาบาลคงเอาไม่อยู่”
“นานาโทรหา สา เอ่อ ผู้ปกครองแกสิ” แขพูดขึ้นขณะที่เรากำลังรอรถรุ่นพี่
“ไม่เป็นไรหรอก แค่หัวแตกเอง”
“แกจะบ้าเหรอ ไม่บอกได้ไง เจ็บขนาดนี้” ฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตถึงขั้นต้องโทรไปบอกเขาแต่โซ่ก็ทำท่าไม่พอใจแล้วก็หงุดหงิด
“เอามือถือมาฉันโทเอง ให้เขารับรู้ จะมาไม่มาหรืออะไรก็แล้วแต่เขา” แขเปิดเกระเป๋าฉันแล้วหยิบมือถือออกมา
“แข ไม่เป็นไรจริงๆ”
“เมมชื่อไว้ว่าอะไร ชื่อไลน์ก็ได้”
“ไม่มี ติดต่อผ่านเลขาเอา”
“เฮ้อ อะไรเนี่ยนานา” แล้วฉันก็เคยติดต่อเขาด้วย
“รถมาแล้ว” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่อง หวังว่าแขคงยุติความพยายามนั่นลง
#หิรัญ
“คุณหิรัญ ขออนุญาตค่ะ”
“มีอะไรด่วนหรือเปล่า” ผมเงยหน้าจากเอกสารเมื่อเลขาส่วนตัวหน้าตาตื่นรีบเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู
“คุณนานาส่งรูปนี้มาค่ะ” ผมรับมือถือที่ใช้ติดต่อกับเด็กคนนั้นผ่านเลขามาดู
“ติดต่อกลับไปแล้วถามรายละเอียดเดี๋ยวนี้ ตั้งสติหน่อยสิ” ในรูปคือเลือดแต่ไม่รู้ว่าเลือดอะไรเพราะเลขาของผมสติแตกก่อน
“ค่ะๆ”
“ได้เรื่องแล้วรีบติดต่อผมทันที”
“คุณหิรัญจะไปไหนคะ”
“ไปจัดการเจ้าของรูป”
________________