“ก็ตามใจสิฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยแค่บอกเอาไว้เฉย ๆ ^^” เขาส่งยิ้มให้ฉันหน้ามึนที่สุด
“-_-” ฉันเลยได้แต่เงียบใส่เขาเพราะพูดอะไรไม่ออกไป เฮ้ออออ
“กินต่อเถอะยังเหลืออีกเยอะ” หลังจากนั้นเขาก็เอานั่นเอานี่ให้ฉันกินมากมายเต็มไปหมด แต่ดีที่ฉันออกกำลังกายทุกวันไม่อย่างงั้นฉันคงได้แปลงร่างจากคนกลายเป็นหมูแน่ ๆ ความจริงแล้วเรื่องกินเยอะก็ใช่ว่าจะกินบ่อยหรือกินทุกวันหรอก วันไหนเครียดก็กินเท่านั้นเองวันอื่น ๆ ก็สามารถกินได้ปกติแต่ก็สองสามจานอยู่ดี ปกติแหละมั้ง =_=
1 ชั่วโมงต่อมา
“อิ่ม” ฉันบอกเมื่อกินทุกอย่างเสร็จแล้วในหนึ่งชั่วโมงฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกินได้ขนาดนี้เหมือนกัน
“ท่าทางวันนี้จะเครียดมากนะ” เขาพูดขณะที่กำลังเก็บจานอยู่
“อืม” ฉันเลยตอบออกไปได้แค่นั้น เพราะโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์ดีอยู่เพราะว่าเขาคงจะรู้เรื่องโรคของฉันแล้วและที่สำคัญเขาก็เป็นว่าที่คุณหมอด้วย
“อิ่มแล้วก็นั่งย่อยไปก่อนยังไม่ต้องไปทำอะไรที่หนัก ๆ หรือเดินเยอะเดี๋ยวจุก”
“...”ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย
“เดี๋ยวฉันเอาจานไปล้างก่อน”
“ไม่ต้อง” จานฉันจานกินทำเองได้
“บอกให้นั่งนิ่ง ๆ” เขาทำเสียงดุนิดหน่อยก่อนจะเอาจานไปล้างที่ซิงเขาเป็นพวกไม่ฟังอะไรเลยสินะ ส่วนฉันที่ไม่ได้มีอะไรต้องทำเพราะว่าเขาทำอยู่ฉันเลยเดินมาเปิดเกมเล่นแทนมันเป็นเกมเพลย์สเตชันที่หยินซื้อเอาไว้
พรึ่บ!! ไม่นานเซย์ก็เดินตามมาและนั่งข้างฉัน
“เล่มด้วย” หมับ! เขาพูดก่อนจะหยิบจอยเกมขึ้นมากดบ้างฉันยังไม่ทันอนุญาตเลยนะ
“....”
“ไม่เห็นต้องมองอย่างนั้นเลยหวงหรือไง?” ก็มันของฉันไหมละแม้จะไม่ใช่เงินฉันแต่มันอยู่ห้องของฉันเพราะงั้นมันก็ต้องเป็นฉันและฉันมีสิทธิหวงมัน
“ของฉันก็ต้องหวงสิ”
“อยากเป็นของเธอขึ้นมาเลย เพราะจะได้โดนเธอหวง”
“ปัญญาอ่อน” ฉันว่าเขาก่อนจะหันกลับสนใจเกมตรงหน้าต่อแต่ว่าฉันไม่มีสมาธิเลยแหะ แค่โดนหยอดนิดหน่อยทำต้องใจเต้นแรงด้วยล่ะ???
“หึ เขินเหรอ?” เขาถามพร้อมยื่นเข้ามาหาใกล้ฉัน
“ไร้สาระ”
“อืม ๆ ฉันจะเชื่อว่าไรร้สาระก็ได้ถ้าเธอไม่...หน้าแดง”
“...!!!” ฉันไม่ได้หน้าแดงสักหน่อยเขามันมัว!! ขวับ!!
ฉันเลยหันไปมองกระจกบานยาวที่ซื้อแต่งห้องปรากฏว่าหน้าของฉันมันเป็นสีแดงจริง ๆ -////- บ้าไปแล้วฉันหน้าแดงเพราะคำพูดหยอด ๆ แสนปัญญาอ่อนของอะนะ???
“หึหึหึ”
“อย่าขำ” ฉันบอกกับเขาที่ขำในลำคอใส่ฉัน
“หึ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ” แต่เขาไม่ฟังและยังหัวเราะออกมาเสียงดังอีกอะไรกัน?!!
ไม่เข้าใจคำว่าอย่าขำหรือไง?!!!
“เงียบ!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ แค่หน้าแดงไม่ต้องดุเลยนิใคร ๆ ก็เขินได้ทั้งนั้นแหละ ฮ่า ๆ ๆ”
“หุบปาก”
“ไม่หุบ...เธอจะทำไมฉันเหรอหืม?” ลอยหน้าลอยตาสุด ๆ ไปเลยแต่ท้าทายแบบนี้ฉันชอบนะเวลาต่อยปากมันซะใจดี
“....” หมับ!! ฉันส่งหมัดออกไปจะต่อยหน้าเขาแต่ว่าเขากลับรับมันได้ทัน
“หึ คิดว่าฉันจะปล่อยเธอต่อยฉันได้บ่อย ๆ หรือไง?” พลั๊ว!! เพราะเขามัวแต่พูดมากฉันเลยใช้มืออีกปล่อยหมัดออกไป
“โอ๊ยยยย!!!เยลลี่!!!ยัยตัวแสบ”
“หึ” ฉันเลยยิ้มมุมปากออกมาบ้าง
“ได้!!!เดี๋ยวเจอดีแน่” หมับ!!และเขาก็มือของฉันเอาไว้ทั้งสองข้างฉันเลยพยายามสะบัดออก
“นี่!!!” แต่นี่มือคนหรือคีมล็อกทำไมมันแน่นขนาดนี้เนี่ย?!
“เอาแล้วทีนี้จะเอาอะไรทำร้ายร่ายกายฉันอีก”
“ตีน” พอพูดจบฉันก็เตรียมจะยกเท้าขึ้นมาแต่ว่าเขามันเร็วกว่าฉันไงยกแขนของฉันขึ้นและดันให้ฉันนอนราบไปกับพื้นห้อง
ตุบ!! ก่อนที่เขาจะขึ้นคร่อมฉันเอาไว้และโน้นตัวลงมาใกล้ ๆ
ปัก!! แต่ฉันไม่ยอมแพ้ยกขาเตะของเขาจนล้มลง...
จุ๊บ!! แต่มันไม่ใช่แค่ขาที่ร่วงลงไปตัวเขาเองก็ล้มลงมาจนปากของเราประกบกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เอ่อ..” เขาผละออกจากหน้าของฉันนิดหน่อย เรามองหน้ากันเหมือนเวลามันหยุดหมุน เราสามารถรับรู้ลมหายใจของกันและกันได้ ได้เสียงยินเสียงหัวใจของกันและกัน และที่สำคัญเหมือนว่าร่างกายของเราจะเริ่มขยับเข้าหากันเรื่อย ๆ ไม่สิ เซย์ต่างหากที่พยายามเรื่อยหน้าลงมาใกล้หน้าของฉันนี่เขากำลังจะจูบฉันเหรอ???
“ทำอะ..อุ๊บ!” ยังไม่ทันได้ถามเลยเขาก็ประกบปากลงบดจูบของฉันซึ่งต่างหากจากครั้งเมื่อกี้นี้ รอบแรกมันเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้นแต่ครั้งนี้นั้นมันไม่ใช่เขากำลังจูบฉันอย่างตั้งใจ เขาใส่มือมาจับหน้าของฉันเอาไว้อย่างเบามือปากเขาพยายามขยับเพื่อหาช่องว่างในการสอดลิ้นเข้ามา ฉันรู้สึกว่าเขากำลังจะส่งมันเข้ามาแล้ว
“อ๊ะ อื้อออ” และแล้วเขาก็ทำได้สำเร็จเป็นเพราะฉันนั้นเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาเองไง
จ๊วบบบ!!! เมื่อลิ้นของเขาสอดเข้ามาแล้วเหมือนว่าเขาจะได้ใจนะ พยายามดูดลิ้นและเลียไปในปากของฉัน กวาดลิ้นไปทั่วและดูดลิ้นของฉันอย่างแรงจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบดังไปทั่วห้อง
“อ่าส์” ฉันเองก็ไม่ยอมเหมือนกันกอดคอของเขาเอาไว้และเปิดโอกาสให้เขาได้ชิมความหวานจากปากของฉัน
“อื้อออออ” เราจูบกันอยู่นาน...นานเท่าไหร่ไม่รู้แต่ฉันเริ่มง่วงขึ้นมากจูบไปนาน ๆ ก็เพลินเหมือนกันนั่นแหละ
“อื้อออ” จุ๊บ!
“เยลจะหลับเหรอ?” เขาถอนจูบออกไปและถามฉันอย่างอ่อนโยน
“อือ” ฉันตอบแค่นั้นก่อนตาจะค่อย ๆ หลับลงเวลาจูบกันมันง่วงแบบนี้เหรอ? หรือเป็นแค่ฉันนะหรือเป็นเพราะฉันกินอิ่มมากเกินไปพอได้นอนราบกับพื้นและเจอแอร์เย็น ๆ เลยง่วงนอนแต่ง่วงตอนที่เราจูบกันเนี่ยนะ เยลลี่...อย่าแปลกประหลาดไปมากกว่านี้เลย
“ง่วงก็นอนนะ” เขาบอกแบบนั้นก่อนจะกอดฉันเอาไว้ในอ้อมแขนฉันเลยทิ้งตัวหลับลงไปทันที
นี่ฉัน...ไว้ใจเขามากเกินไปหรือเปล่านะ??
วันต่อมา...
แตะ...
ฉันกำลังยืนมองตัวเองหน้ากระจกมือจับที่ปากของตัวเองและมองอย่างไม่ละสายตาเพราะปากมันบวมและแดง ๆ น่ะสิ เมื่อวานนี้เขาจูบฉันขนาดไหนนะ?
ฉันตื่นขึ้นในตอนเช้าพบว่าตัวเองนอนหลับสนิทอยู่ที่คงเป็นเซย์ที่อุ้มฉันมานอนนั่นแหละ พอตื่นขึ้นมาฉันก็พบว่าปากมันแดงและบวมนิด ๆ น่ะสิ
“จูบแรกแท้ ๆ ไม่ถนอมกันเลยนะ” ฉันบ่นกับตัวเองนิดหน่อยก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเพราะวันนี้ฉันต้องไปเรียน ฉันมองตัวสำรวจตัวเองนิดหน่อยก่อนจะเดินออกมาจากห้องและเดินลงไปที่ชั้นล่าง วันนี้อาโปเองก็คงมารับเหมือนเดิมนั่นแหละ
ถ้าเขาเห็นว่าปากของฉันมันแดงแบบนี้เขาจะเป็นยังไงนะ?
อาโปเป็นโรค...
โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว หรือโรคไบโพลาร์นั่นเอง เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นยกเว้นในคนครอบครัวแต่ตอนนี้มีฉันที่รู้ หยิน หยาง และพ่อที่รู้และเผลอ ๆ เซย์ก็รู้ด้วยเหมือนกันเขาดูเหมือนจะเชื่อฟังและแต่อารมณ์เก่งพอลับหลังก็กลายเป็นอีกคน ความจริงมันปกปิดได้ยากแต่เขากับมีโรคอีกอย่างนั่นคือสองบุคลิกนั่นเองตัวตนอีกตัวตนของเขาจะปกปิดอารมณ์นั้นเอาไว้ เพราะงั้นบางครั้งเขาเลยเกือบแสดงท่าทางรุนแรงออกมานั่นเอง
“เยลลี่...!!!” เขาเรียกชื่อของฉันเมื่อฉันขึ้นมาบนรถของเขาแต่ก็ต้องนิ่งเพราะว่าเห็นปากของฉัน จะว่าฉันโรคจิตก็ได้นะแต่ฉันชอบเวลาเขาแสดงตัวตนอีกคนออกมา มันดูสะใจเวลาจัดการเขา
หมับ!!!!ปึก!!!!
“อ๊ะ!!!!” เขาพุ่งตัวเขาบีบแก้มของฉันอย่างแรง
“ปากมึงไปโดนอะไรมา?!!!!!!!”