ยกที่หนึ่ง เริ่ม !

1160 Words
        ร่างผอมบางในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าชีฟองลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มแขนตุ๊กตาสามส่วนกับกระโปรงผ้าฝ้ายสีเข้ม รองเท้าสานจากกกหุ้มส้น สะพายกระเป๋าสานใบใหญ่ทำจากวัสดุเดียวกัน ก้าวลงจากรถแท็กซี่ ก่อนที่คนขับจะเปิดกระโปรงท้ายรถนำกระเป๋าเดินทางใบย่อมของเธอออกมา เธอยื่นค่าโดยสารให้เขาแล้วยกมือไหว้ ก่อนที่รถแท็กซี่เขียวเหลืองจะเคลื่อนจากไป         ร่างสูงใหญ่ที่ขับรถเข้ามาพอดี เมื่อเห็นว่ามีรถแท็กซี่จอดหน้าบ้าน เขาจึงจอดดูบ้าง เห็นร่างผอมบางแต่งตัวแสนเฉิ่มเชยนั้นยกมือไหว้แท็กซี่พอดี เขาได้แต่งวยงง         “ ใครวะ หรือจะเป็นลูกหลานของแม่บ้าน ” จังหวะเดียวกับที่ยามมาไถ่ถามเธอ เธอยกมือไหว้ครู่หนึ่งยามจึงเปิดประตูให้ คเชนทร์เลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน เขาชะลอรถแล้วกดสวิตซ์เลื่อนกระจกลงมองหญิงสาวผู้มาเยือนอย่างสงสัย         เธอถักเปียเดี่ยวเก็บผมไว้ง่าย ๆ ที่กลางหลัง เผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่ใสสะอาด ปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้ม ดวงตากลมโต จมูกโด่งรั้น รับกับริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวเธอไม่ได้ขาวจั๊วะอย่างสมัยนิยม แต่ออกสีน้ำผึ้งสวย เมื่อเธอเห็นเขาก็ยกมือขึ้นสวัสดีแล้วส่งยิ้มมาให้ แก้มใสนั้นมีรอยบุ๋มของลักยิ้มทั้งสองข้าง         “ สวัสดีค่ะ หนูชื่ออุ่นเรือนค่ะ มาพบคุณน้านิลภา ”         อ๋อ.. ยัยผีบ้านผีเรือนที่จะหวังมาเป็นเมียเพื่อฮุบสมบัติของเขานี่เอง           คเชนทร์กวาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า สภาพแบบนี้เนี่ยนะ ตัวบาง ๆ แต่งตัวเชย ๆ หน้าจืด ๆ แบบนี้ เสน่ห์แม้กระผีกเดียวก็ไม่มี คิดว่าเขาจะหลงรักเธอตรงไหน คิดได้ยังไงจะมาหวังรวยทางลัดแบบนี้           กระนั้นรอยยิ้มใส ๆ นั้นก็ทำให้หัวใจเขาอ่อนลงเล็กน้อย จึงร้องสั่งยาม           “ วิชิต เอากระเป๋าเธอใส่รถผม แล้วเธอก็ขึ้นมานั่งบนนี้ ไม่ต้องหอบหิ้วกระเป๋าเดินไป มันไกลกว่าจะถึงตัวบ้าน ”           เพราะจากประตูบ้าน ต้องเดินผ่านสวนสวยไปร่วมห้าสิบเมตรกว่าจะถึงตัวคฤหาสน์หลังมหึมา ยามรับทราบ               พร้อมทั้งขนกระเป๋าสมบัติของเธอไปวางที่กระโปรงหลัง ก่อนจะเปิดประตูด้านข้างคนขับให้เธอ หญิงสาวตาโต           “ อุ๊ย จะดีเหรอคะ อุ่นเดินไปเองก็ได้ค่ะพี่ยาม ”         “ ไปเถอะครับคุณ ไหน ๆ คุณคเชนทร์ท่านก็จอดรับแล้ว กระเป๋าคุณก็อยู่บนโน้น ขึ้นไปเถอะครับ อย่าให้ท่านรอ ”         เธอจึงค่อย ๆ ยัดตัวเองลงในรถคันหรู ก่อนที่ยามจะปิดประตูให้ รถค่อย ๆ เคลื่อนออก เธอนั่งตัวลีบ ก่อนจะเอ่ยทำลายความเงียบอีกครั้ง         “ สะ.. สวัสดีค่ะ ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว         “ สวัสดีกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ จะสวัสดีซ้ำซากอะไรหลายหน หรือความจำสั้น ? ” เธอหลุบตาต่ำลงมองพื้นแล้วอ้อมแอ้มตอบ         “ อุ่นไม่รู้จะคุยอะไรนี่คะ ” คำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มขำ         “ ไม่รู้จะคุยอะไร ก็เลยสวัสดีงั้นเหรอ ตรรกะไหนวะ ” เขาหัวเราะ แต่เธอหน้าแดง อายแสนอาย คนบ้าอะไรมาหัวเราะเยาะคนอื่น         “ แล้วแท็กซี่น่ะ รู้จักเค้าเหรอ เห็นยกมือสวัสดี ” เธอส่ายศีรษะ         “ ไม่ได้รู้จักหรอกค่ะ แต่คุณลุงเค้าขับรถมาส่งแถมยังช่วยยกกระเป๋าให้ด้วย อุ่นก็เลยยกมือไหว้ขอบคุณ ”         “ เห็นยกมือไหว้วิชิตด้วย ยามที่หน้าบ้าน ”         “ ก็ทักทายกันตามประสาคนพึ่งเคยพบ ”         “ ตลก เธอนี่แปลกดี คนไม่รู้จักก็เที่ยวไหว้เขาไปทั่ว ” เมื่อถูกค่อนขอด หญิงสาวผู้ถูกมองว่าไม่น่าจะมีปากมีเสียงกับใครได้ก็คอแข็งขึ้นมาบ้าง         “ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน แม่อุ่นสอนไว้ว่าให้รู้จักมืออ่อนเท้าอ่อน ไปที่ไหนก็ทำตัวนอบน้อม ไม่ใช่จะเป็นเรื่องไม่ดีสักหน่อย อุ่นไม่อายหรอก พวกไม่รู้จักเคารพคนอื่นน่ะสิที่น่าอาย ” ถึงหน้าประตูทางขึ้นคฤหาสน์พอดี คเชนทร์จอดรถแล้วหันขวับมาจ้องเธอ         “ เธอว่าฉันไม่รู้จักเคารพคนอื่นงั้นสิ ”         “ อุ่นไม่ได้เอ่ยชื่อสักหน่อย เพียงแค่ได้ยินคุณพูด ว่าการทำความเคารพทักทายคนอื่นมันเป็นเรื่องตลก หรือว่าจริง ๆ แล้วคุณเป็นอย่างนั้น เป็นคนชนิดที่ไม่รู้จักเคารพคนอื่น ” เธอพูดเรียบ ๆ แต่ในถ้อยคำมันแฝงไปด้วยนัยยะของการด่าเขาเต็ม ๆ         “ อุ่นเรือน ! ” เขาเรียกเธอเสียงแข็ง แต่เจ้าตัวเปิดประตูลงจากรถลงไป ก่อนที่คุณหญิงนิลภา มารดาของเขาที่มายืนรอรับอยู่แล้วจากการที่เธอคงจะโทรศัพท์มาบอก โผเข้ามาอ้าแขนรับ         ร่างบอบบางกระพุ่มมือขึ้นไหว้อย่างงดงาม ก่อนจะยอมให้หญิงกลางคนรับเธอเข้าไว้ในอ้อมแขนอันแสนอบอุ่น         คเชนทร์ลงจากรถแล้วปิดประตูอย่างแสนโมโห มารดาเรียกเขาพลางแย้มยิ้ม         “ ตาเชนทร์ เป็นสุภาพบุรุษแสนน่ารักดีจังเลยลูก รับน้องเข้ามาด้วยกัน คงจะได้รู้จักกันแล้วเนาะ ” อุ่นเรือนยิ้มหวาน         “ ทราบแล้วค่ะคุณน้า เมื่อสักครู่ทักทายกันเล็กน้อยบนรถแล้ว ”         “ ต๊าย น่ารัก ดีจัง อะไร ๆ จะได้ง่าย ”           “ อะไรง่ายเหรอคะคุณน้า ”           “ เอาะ..อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ หมายถึงว่าจะได้เข้ากันง่าย เดี๋ยวน้าแนะนำอย่างเป็นทางการอีกที นั่นพี่คเชนทร์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าพี่เชนทร์ก็ได้ลูก เป็นลูกชายคนเดียวของน้า เขาเป็นผู้บริหารทุกกิจการของน้าด้วย ส่วนนี่ก็ หนูอุ่นเรือน ที่แม่เล่าให้ฟังนะตาเชนทร์ หนูอุ่นเรียกพี่เค้าสิลูก ”           เธอตวัดหางตาไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนถมึงทึงอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนกัดฟันเรียกไปอย่างที่คุณหญิงนิลภาต้องการ           “ สวัสดีค่ะ พี่เชนทร์ ”           “ ดีจ้ะลูก น่ารักน่าชังจังเลย มาเหนื่อย ๆ ไปลูก เข้าไปพักผ่อนในบ้านก่อน ไหนเล่าให้น้าฟังสิว่า เดินทางเป็นยังไงบ้าง แหมคิดถึงแม่เราจริง ๆ เลย ”           คุณหญิงนิลภาโอบเอวบอบบางนั้นแล้วพานำเดินเข้าไปในบ้าน เช่นเดียวกับที่อุ่นเรือนก็โอบตอบ หัวเราะหัวใคร่อย่างเข้ากันดี มีเพียงคเชนทร์ที่ยืนมองตามร่างบางอย่างอาฆาตมาดร้าย           “ เด็กดีเสียที่ไหนล่ะคุณแม่ แก่แล้วยังโดนเด็กหลอก ทำเป็นหงิม ๆ ปากร้ายอย่างกับผีเจาะปากมาให้ด่า ไม่หยาแต่แสบ กล้าตีฝีปากตั้งแต่ครั้งแรกที่พบแบบนี้ เดี๋ยวได้รู้ว่ากล้าแตะคนอย่างคเชนทร์แล้วจะได้รับผลเจ็บแสบแค่ไหน ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD