หมู่บ้านภักดีแผ่นดิน

2241 Words
กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย เมืองที่ไม่เคยหลับไหล สะดวกสบายทุกอย่าง ในความสะดวกสบายนั้น ก็มีอีกหลายด้าน ที่แทบจะตรงข้ามกัน ในขณะที่หลายคนอยากเข้ามาอยู่ อยากเข้ามาเที่ยว แต่หลายคนก็ไม่อยากอยู่ที่นี่เลยเช่น แพทย์หญิงเรณู ตั้งสกุลวานิช หมอศัลยกรรมสาวสวยและโสด เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าหน้าที่การงาน การศึกษา ฐานะทางครอบครัว แต่อยู่ๆหญิงสาวก็เบื่อเมือง เบื่อทุกอย่าง ที่สำคัญเบื่อองค์กรที่ทำงานอยู่ ซึ่งพูดไม่ได้เปิดเผยไม่ได้ มีทางเดียวคือขอย้าย ไม่ย้ายก็ต้องลาออก เรณูใช้ทุนที่บ้านเรียน เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องกลับมาทำงานใช้ทุน พ่อกับแม่เข้าใจปัญหาของลูก ได้แต่ให้กำลังใจลูกสาวคนเดียว ในเมื่อเลือกที่จะเป็นหมอ ก็ต้องทนกับแรงกดดันหลายๆอย่างให้ได้ ทำงานที่ไหนก็มีปัญหาทั้งนั้น คุณหมอเพชร พ่อเธอชวนให้ลาออกแล้วให้ไปทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนที่ท่านเป็นผู้อำนาวยการอยู่ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของปู่คุณย่า แต่หญิงสาวไม่ตกลง คุณหมอเพียงใจ แม่เธอไม่อยากให้ลาออก อยากให้ทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐ เหมือนแม่ หมอขวัญไม่ตกลงเช่นกัน เขตชัยสงสารน้องสาว อยากให้น้องลาออกมาทำธุรกิจกับเขา เขาขาดคนช่วย เขตชัยยังโสดเขามุ่งมั่นทำงานเก็บเงิน ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะเก็บเงินไปไว้ทำอะไรมากมาย เพราะเขาก็ยังไม่มีแฟน ทั้งๆที่อายุก็สามสิบสองปีแล้ว “หมอคะ ได้ข่าวว่าหมอจะลาออกเหรอคะ”พยาบาลที่สนิทกันถามหมอเรณู “ขวัญรู้เรื่องนี้ได้ยังไง หมอยังไม่ได้บอกใครเลยนะ” “เขารู้กันทั้งโรงพยาบาลแล้วค่ะ ข่าวออกมาจากห้องประชุม” เรณูกัดริมฝีปาก ความลับไม่มีในโลกจริงๆคนที่คุยกับเธอรับรองนักรับรองหนาว่า เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ แล้วไงรู้กันทั้งโรงพยาบาล “ว่าไงคะหมอ จริงอย่างที่เขาลือกันไหม?” เรณูไม่ตอบ หญิงสาวใส่หูฟังตรวจคนไข้ตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป วันนี้มีเคสพิเศษถูกส่งตัวมาจากต่างจังหวัด เธอสงสัยว่าคนไข้เป็นใคร ดูจะมีความพิเศษมากกว่าคนไข้รายอื่นๆ หมอเจ้าของไข้เดิมต้องเดินทางไปต่างประเทศด่วน กลายเป็นเธอที่ต้องดูแลแทน และต้องทำการผ่าตัดด่วน รวมระยะเวลาในการผ่าตัดเกือบสี่ชั่วโมง ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี คนไข้ชายปลอดภัย หมอสาวสงสัยประวัติของคนป่วย แต่แค่เก็บไว้ในใจ ก่อนการผ่าตัดพี่ชายเธอโทรมาฝากฝังคนไข้รายนี้ และบังเอิญจริงๆที่เธอต้องได้มาทำการผ่าตัดพอดิบพอดี อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น หลังการผ่าตัดคนป่วยถูกส่งไปพักผ่อนรักษาตัวที่ห้องพิเศษ หญิงสาวตกใจไม่น้อยกับร่องรอยตามตัวของคนไข้ กระสุนหลายเม็ดฝังอยู่หลายจุด หน้าตาถลอกปอกเปิก หน้าเขาบวมมาก จนมองไม่ออกว่าหน้าเดิมเป็นยังไง ดีใจกับคนป่วยที่รอดมาได้ เขาถูกส่งตัวมากระทันหันมาก และดูว่าจะเป็นความลับแทบทุกอย่าง หญิงสาวถอดถุงมือ รู้สึกล้ามาก สองทุ่มเธอขับรถออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับคอนโด อาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวนอน พรุ่งนี้เธอมีผ่าตัดรอบเช้าอีกสองราย เสียงโทรศัพท์ที่ไม่เคยได้ปิดเลยตั้งแต่ทำงานมา ดังขึ้นรัวๆ “คะพี่เขต มีอะไรรึเปล่าคะพอดีขวัญกำลังจะนอนค่ะ” “เพื่อนพี่เป็นยังไงบ้าง เป็นความลับนะขวัญ มีขวัญเท่านั้นที่รู้เรื่องอาการป่วยของเขา รู้แค่ว่าเขาเป็นเพื่อนพี่สมัยเรียน และเขามีบุญคุณกับพี่มาก ชาตินี้ก็ชดใช้เขาไม่หมด รู้แค่นี้พอ” “ไม่ต้องห่วงหรอกพี่เขต ขวัญนอนได้รึยัง พรุ่งนี้มีผ่าตัดสองราย แค่นี้นะคะ พรุ่งนี้ขวัญก็ลืมแล้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่” เรณูวางสายจากพี่ชาย หัวสมองเธอไม่รับอะไรแล้ว เก็บโทรศัพท์เสร็จแล้ว ล้มตัวลงนอนได้ก็หลับทั้งที่ยังไม่ได้ห่มผ้า หลังวางสายจากน้องสาวแล้ว เขตชัยมองนาฬิกา เขาร้อนใจตัดสินใจกดโทรศัพท์หายายทันที “ว่าไงหลานมีอะไรโทรมาเอาป่านนี้” “ยายครับ พรุ่งนี้ผมส่งเวชภันฑ์ไปให้นะครับ “ “อย่าเพิ่ง ยายเพิ่งได้จากเพื่อนในเมืองมา จะผิดสังเกตุที่นี่ต่อสู้กันหนักมา ข่าวว่าประชาชนทะลักเข้ามาฝั่งเราหลายร้อยคน หลานอย่าเดินทางกลางคืนเด็ดขาด มากลางวัน” “ครับยาย งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ ไม่สะดวกคุยทางนี้” หมออบเชยนั่งดูข่าวทางทีวี เสียงปืนเพิ่งหยุดไป รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ทั้งหลานสาวและหลานชายโทรมาติดๆกัน และหลานชายบอกว่าจะส่งเวชภัณฑ์มาให้ เขตชัยรู้อะไรมากันแน่ ทุกครั้งหลานชายจะไม่ตื่นเต้นแบบนี้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ในตลาดเมื่อเช้า ได้ยินข่าวประชาชนอพยพเข้ามาฝั่งไทย ทหารตำรวจตรวจตราเข้มมาก ชาวบ้านไม่กล้าออกไปทำไร่ทำสวน ถึงบ้านสวนของหมออบเชยจะอยู่ห่างไกลจากชายแดน และถึงจะมีห้วยขวางกั้นระหว่างสองแผ่นดินไว้ ก็มิอาจห้ามคลื่นผู้อพยพที่หนีตายได้ บางคนทนพิษบาดแผลไม่ไหว มาไม่ถึงฝั่งนี้เสียชีวิตระหว่างทางก็มี บ้างก็เสียชีวิตระหว่างข้ามแม่น้ำ ช่วงนี้เพิ่งผ่านฤดูฝนไปไม่นาน น้ำยังเชี่ยวมาก หมออบเชยสงสัยว่าสามคนพ่อแม่ลูกนี่หนีมาได้ยังไง เด็กหญิงแข็งแรงและเก่งมาก ดูจากท่าทางแล้ว ไม่น่าใช่ชาวบ้านธรรมดา พูดและเขียนภาษาไทยได้ดี ดูมือเท้าของคนเป็นเมีย ดูก็รู้ว่าไม่เคยลำบากและทำงานหนัก ผิวพรรณก็ดีมาก ดูเป็นคนมีการศึกษา พรุ่งนี้คงต้องคุยกันหน่อย หมออบเชยปิดทีวี แล้วล้มตัวลงนอนเมื่อนาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งสี่สิบห้านาที “เอก อาร์ม ไปนอนไปลูกเดี๋ยวพ่ออยู่ต่อเอง มีอะไรผิดปกติไหม” “ไม่มีครับพ่อ เสียงปืนเงียบไปนานแล้ว แต่สายรายงานมาว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต่นไปจะหนักครับพ่อ เห็นว่ามีคนสำคัญบาดเจ็บ คนสำคัญด้วย ทำให้ทหารขวัญเสีย ผมเดาว่าน่าจะเป็นเจ้าอินทนนท์ ”อาร์มพูดเสียงเบา เขารู้สึกเศร้า เพื่อนพ้องของเขาลำบาก นายจูนตบบ่าลูกชายเบาๆเข้าใจ ลูกชายเขาสองคนมีเพื่อนรักอยู่ฝั่งโน้นหลายคน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ บางคนข้ามมาเรียนฝั่งไทย ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะกัน อาร์มกับเอกไม่ได้ข่าวคราวของเพื่อนเลย ความจริงมีเพียงสายน้ำที่กั้นสองแผ่นดินไว้เท่านั้น ก่อนหน้าคนสองฝั่งก็ไปมาหาสู่กันตลอด บางคนเดินทางมารับจ้างทำไรjทำสวนฝั่งนี้ เย็นเลิกงานก็กลับบ้านฝั่งโน้น พ่อค้าแม่ค้าฝั่งนี้ข้ามไปขายของทางโน้น ไม่เคยมีเรื่องรุนแรง เหมือนชายแดนอื่นๆที่ติดกับไทย ไม่เคยมีชนกลุ่มน้อยกลุ่มไหนที่เวลามีงานสวนสนามของกองทัพ และก่อนที่นักเรียนจะเข้าเรียน หน้าเสาธงพวกเขาจะร้องเพลงชาติไทย คู่กับเพลงชาติของเขา เด็กๆทุกคนร้องเพลงชาติไทยได้ บางคนอ่านและเขียนภาษาไทย นับถือพระพุทธศาสนา มีหลายคนที่เดินทางเข้ามาเรียนที่โรงเรียนของฝั่งไทย จบแล้วก็กลับไปสอนภาษาไทย เพราะพวกเขาเชื่อว่า ถ้าพูดหรือเขียนภาษาไทยได้ จะทำให้พวกเขาไม่ลำบาก เมื่อมีงานเทศกาลฝั่งไทย คนฝั่งโน้นจะขนกันมาเที่ยว มาวัด มาทำบุญที่ฝั่งไทย เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เคยมีปัญหา ถ้าหากไม่มีปัญหาเรื่องการรวมชาติ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ คนธรรมดาอย่างเรายังต้องการอิสระ กลุ่มคนที่เห็นต่างก็เหมือนกัน ตรรกะเดียวกัน หมอเรณู เดินทางมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า วันนี้มีผ่าตัดสองราย ก่อนเข้าห้องผ่าตัดหญิงสาวไปตรวจคนไข้ที่อยู่ห้องพิเศษ ที่เธอทำการผ่าตัดเมื่อคืน ก่อนที่จะเข้าไปตรวจ มีสายเข้ามา เหมือนรู้เวลา “สวัสดีหมอขวัญ ผมขอบใจมากนะ ผลการผ่าตัดเรียบร้อยใช่ไหมครับ ไว้ผมกลับไปจะซื้อของไปฝากนะครับ “ "แค่นี้ใช่ไหมคะ ฉันมีผ่าตัด” เรณูวางสายไปแล้ว โมโหไม่ได้หรอก มีแต่จะต้องช่วยคน เธอเลือกเส้นทางนี้แล้วนี่ “เป็นยังไงบ้างคะคุณพยาบาล “ “เรียบร้อยดีค่ะ มีคำสั่งด่วนให้ย้ายคนป่วยไปที่...........ค่ะ” “เพราะอะไร ? ทราบไหมคะ” “ไม่ทราบเลยค่ะ รู้แต่ว่า หลังจากที่หมอขวัญตรวจเสร็จ ก็ย้ายเลย” “ไม่เป็นไร อาการโดยรวมดีขึ้นมาก ไม่น่าเชื่อว่าคนป่วยจะแข็งแรงจะฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ “ หญิงสาวเดินออกมาจากห้องพิเศษ ที่เรียกว่าพิเศษที่สุด นึกแปลกใจว่าคนป่วยคนนี้เป็นใครกัน จำได้ว่าเขาชื่ออินทนนท์ นามสกุลอะไรไม่รู้ยาวๆ หญิงสาวถอนหายใจ ช่างเถอะคนป่วยปลอดภัยเธอก็ดีใจแล้ว เธอยังจะต้องเข้าห้องทำการผ่าตัดอีกสองราย เรณูได้กินข้าวกลางวันบ่ายโมงครึ่ง ไม่ใช่แค่เธอทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็ไม่ได้กินเหมือนกัน ไม่มีใครรู้หรอกว่าทุกคนทำงานกันหนักมาก แต่นั่นแหละทั้งหมอและพยาบาล ทุกคนเลือกแล้วช่วยเหลือคนป่วยให้หายดีนั่นคืองานสำคัญ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวล้วงจากกระเป๋าเสื้อ “ค่ะพี่ มีอะไรคะ พอดีขวัญเพิ่งได้กินข้าวกลางวัน” “ว่างไหม ไปหายายกัน” “ว่างค่ะ ขวัญลางานสามวัน ไปเลยเหรอคะ” "ไปเลย พี่กำลังจะออกจากที่ทำงาน เตรียมตัวรอเลยนะ" บ่ายสองโมงเขตชัยขับรถมารับเรณูที่โรงพยาบาล หญิงสาวยังอยู่ในชุดเสื้อแพทย์สีขาว มีชื่อและนามสกุลปักที่หน้าอก กระโปรงอัดพลีทสีดำยาวกรอมเท้า รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าผ้าใบใหญ่ “มีอะไรหรือเปล่าคะพี่เขต ทำไมรีบจัง เป็นพี่ใช่ไหมคะที่ย้ายคนป่วย” “ใช่พี่ย้ายให้เขาไปอยู่ที่โรงพยาบาลย่า ฝากพ่อดูแลเขา ที่นั่นปลอดภัยกว่ามาก ขวัญว่าเขาจะต้องพักฟื้นกี่วัน” “แค่เมื่อเช้าอาการเขาก็ดีมากแล้วนะพี่ แต่ยังไงก็ต้องรอแผลที่เย็บก่อน ถ้าจะให้หายดีก็ประมาณหนึ่งเดือน” “เป็นเดือนเลยเหรอ “ “ใช่ค่ะ” เขตชัยเงียบไป เขาตั้งใจขับรถ เวลานี้อยากให้ถึงบ้านยายเร็วๆเขาไม่อยากให้มืดนัก เพราะยายบอกว่าห้ามเดินทางกลางคืน ไม่ถึงสามชั่วโมง สองพี่น้องก็มาถึงบ้านยาย ค่ำพอดี “สวัสดีครับลุงจูน ป้าแสง สบายดีนะครับ” “สวัสดีค่ะลุงจูน ป้าแสง” สองพี่น้องยกมือไหว้ลุงจูนกับป้าแสงพร้อมกัน “สบายดีครับ /สบายดีค่ะ" สองผัวเมียรับไหว้ทั้งสองคน "คุณหมอยังอยู่ข้างล่าง คุณสองคนรอสักครู่นะครับ” “เอกกับอาร์มสบายดีไหม พี่มีของมาฝาก” เขตชัยส่งถุงให้สองพี่น้อง “สบายดีครับ ขอบคุณมากครับพี่ นี่โทรศัพท์นี่นา แพงมากเลยนะครับเนี้ย” “เอาไว้ใช้ มันสำคัญมาก เบอร์อยู่ในนั้นมีอะไรจะได้ส่งข่าวกัน เพื่อนๆฝั่งโน้นเป็นยังไงบ้าง" “ไม่ได้ข่าวเลยครับ “สองพี่น้องหน้าเศร้า “ไม่นานหรอกเดี๋ยวก็ดีขึ้น เชื่อพี่ ผมชอบคุณทุกคนนะครับ ที่ดูแลยายเป็นอย่างดีเลย “ “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ พวกเราเต็มใจ คุณหมอมีบุญคุณกับครอบครัวเรามาก คุณหมอต่างหากที่ดูแลพวกเรา" “ยายเก่งเสมอ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกคนนะคะที่อยู่ด้วยกันมานาน” “ครับ คุณหมอมีบุญคุณกับครอบครัวเรามาก พวกเราไม่เคยลืม จะอยู่รับใช้ตลอดไปครับ” ทั้งหมดแยกย้ายกันไป สองพี่น้องเข้าบ้าน รอยาย เรณูรู้สึกว่าการกลับบ้านครั้งนี้ของเธอแปลกๆ เชื่อว่าพี่ชายมีเรื่องปิดบังเธอแน่ๆ เรื่องผู้ชายที่บาดเจ็บ แล้วจำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นเธอด้วย ที่ต้องผ่าตัดให้เขา เรื่องที่พี่ชายรีบมาหายาย ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ เรณูอยากรู้ หรือว่า....เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการปะทะกันของเพื่อนบ้าน "อะไรขวัญ มองหน้าพี่ทำไม" "พี่เขตเล่าให้ฟังหน่อย ว่ามีเรื่องอะไร ขวัญอยากรู้" "เดี๋ยวรอยายก่อน แล้วพี่จะเล่าให้ฟังหมดทุกอย่าง" หญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งๆรอยาย พี่ชายเธอถ้าเขาไม่พูด เขาก็จะไม่พูด จะตื้อหรือขยั้นขยอขนาดไหน ความลับก็ไม่เคยแพร่งพราย นิสัยแบบนี้ น่าจะไปเป็นนักสืบหรือตำรวจ มากกว่าจะมาเป็นพ่อค้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD