เพื่อนบ้านกัน

2129 Words
เวลาตีห้าครึ่ง หมออบเชยลืมตาตื่น แปลกเช้านี้ไม่มีเสียงปืน รู้สึกสบายใจ ไม่มีเสียงปืนก็ไม่มีการสู้รบ และไม่มีคนเจ็บป่วย ทำให้หมออบเชยเบาใจ “ยาย.......ตื่นเช้าจังเลยครับ” “ไม่เช้าหรอก ยายตื่นเวลานี้เป็นประจำ” “ขวัญขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะจ๊ะยาย” “เดี๋ยวเจอกันที่โต๊ะกินข้าวนะ ป่านนี้แสงคงตื่นเตรียมตัวทำกับข้าวรอพวกเราแล้วล่ะ จำไว้นะว่าเมื่อคืนเราไม่ได้ไปไหนกัน อย่าแพร่งพรายเด็ดขาด ไม่ต้องบอกพ่อกับแม่ว่ารู้เห็นห้องที่เราไปกันมาเมื่อวาน ให้เขาเข้าใจว่าเราสองคนไม่รู้อย่างนั้นน่ะดีแล้ว” สองพี่น้องพยักหน้าแทนคำตอบ เจ็ดโมงครึ่ง ทั้งหมดออกจากห้องมาเจอกันที่ครัว ยายแสงทำกับข้าวตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดกินข้าวพร้อมกัน หมออบเชยนั่งหัวโต๊ะ เขตชัย ตาจูน เอก นั่งขวามือ ซ้ายมือเป็นเรณู ยายแสง และอาร์ม “ข้างล่างเขาเรียบร้อยแล้วใช่ไหมแสง” “เรียบร้อยแล้วค่ะหมอ คุณนักรบกินข้าวได้มากขึ้นแผลดีขึ้นมากถ้าเป็นแบบนี้ คงหายเร็ว” “ดีแล้วล่ะ เขาหายเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีกับเราเท่านั้น” “สองสามวันมานี่ ฝั่งโน้นเงียบเลยนะครับคุณหมอ” “ดีแล้ว เดี๋ยวบ่ายฉันจะไปที่ศูนย์อพยพหน่อยนะ ฝากบ้านด้วย” หลังกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองปกติ ยายเชยพาหลานสาวหลานชายลงไปหานักรบ และพรรณรายข้างล่าง “เป็นยังไงกันบ้าง กินข้าวอิ่มแล้วใช่ไหม”หมออบเชยเอ่ยทักด้วยเสียงที่มีเมตตามาก “เรียบร้อยแล้วครับ ผมฝึกเดินตั้งแต่เช้าแล้วครับคุณหมอวันนี้ดีขึ้นมากเลย” “พรรณรายล่ะ เป็นยังไงบ้าง เดี๋ยววันนี้ขึ้นไปข้างบนกันนะ จะได้ไม่อุดอู้อยู่ที่นี่” หมออบเชยพาทุกคนขึ้นไปที่บ้านกลางป่า ทั้งนักรบ พรรณราย และเด็กหญิงตื่นเต้นมาก นักรบขออนุญาตติดต่อกับคนของเขา หมออบเชยอนุญาตเปิดห้องลับให้เขาเข้าไปใช้ ทั้งเขตชัยและและเรณูแปลกใจอีกรอบ ห้องที่นักรบเข้าไปเหมือนไม่ใช่ห้อง มองผ่านๆเหมือนเป็นผนังห้องเรียบๆ “ช่วยเข้าไปกับผมสักคนหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่มีความลับ” เขตเข้าไปกับนักรบหน่อยลูก” “ครับยาย”เขตชัยเดินตามนักรบเข้าไปในห้องสื่อสาร “พรรณขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ ที่เมตตาพวกเราที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น ไม่ใช่ญาติพี่น้องกันแต่ก็ยังช่วยเหลือพวกเราเสมอมา” “ไม่ต้องคิดมาก มีอะไรเราก็ช่วยกัน อยู่ที่นี่รับรองปลอดภัย” เรณูเข้าไปหาเด็กหญิง ชวนกินขนมที่ถือมาจากข้างบนบ้าน เด็กหญิงเหมือนเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ประตูห้องลับเปิดออกมา หลังจากที่นักรบและเขตชัยหายเข้าไปประมาณสามสิบนาที “ได้เรื่องไหมนักรบ “ “ครับคุณหมอ เจ้าอินทนนท์ เอ่อ...พี่นนท์อยากเจอผมครับ มีบางอย่างที่เราจะต้องคุยกัน และที่ฝั่งโน้นหยุดยิง เพราะเพื่อนพ่อสนับสนุนกำลังคนและอาวุธครับ หลังจากที่ผมเจ็บ ทางเราบุกฐานฝั่งตรงข้ามและยึดพื้นที่คืนได้ สองจุดครับ ทางโน้นเลยล่าถอยไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่อีก ช่วงนี้เราต้องวางแผนการทุกอย่างให้รัดกุมที่สุด ทุกคนเห็นว่ายังไงครับถ้าผมจะเข้ากรุงเทพฯ ผมอยากฝากพรรณรายกับลูกไว้ที่นี่สักระยะ” “ไม่มีปัญหา นักรบสามารถไปกับผมได้เราเดินทางกลางคืนไม่น่ามีปัญหาอะไร นักรบมีเอกสารครบ เราจะออกเดินทางพรุ่งนี้บ่าย “ “พรุ่งนี้หนูขวัญไปที่ศูนย์กับยายสักครึ่งวันก็พอ ต้องมีคนอยู่เป็นเพื่อนพรรณรายกับลูก” “ยายจ๋าแต่ยังไงขวัญก็ต้องกลับไปทำงาน ให้ครบกำหนด คงต้องกลับพร้อมพี่เขต” “หรือว่า เราพาพรรณรายกับพวยหอมไปกรุงเทพฯด้วย ทุกคนมีเอกสารครบใช่ไหม” “ครบค่ะ ปกติพวกเราก็เดินทางเข้ามาเที่ยว และมาหาซื้อของฝั่งนี้เป็นประจำอยู่แล้ว” “งั้นตามนี้เลยนะ เดี๋ยวยายขอไปทำงานต่อสักหน่อย” “ขวัญขอเล่นกับหลานแป๊ปนะคะยาย “ “ตามสบายเลยลูก จะได้คุยเป็นเพื่อนพรรณรายด้วย” นักรบกับกับเขตชัยแยกไปนั่งคุยกันในห้องทำงาน เหลือเพียงพรรณรายกับเรณูและเด็กหญิงพวยหอม “พรรณรายเราน่าจะอายุเท่ากันไหม ขวัญ 27 “ “เท่ากันเลย แสดงว่าเราเรียนรุ่นเดียวกัน จริงๆสมัยเด็กๆพรรณเคยเรียนที่ไทยนะ แต่เพราะบ้านเมืองไม่สงบ เลยหยุดเรียน แต่พ่อกับแม่ก็จ้างครูให้ข้ามไปสอนพวกเราฝั่งโน้น ทำให้พวกเราหลายคนพูด อ่าน เขียน ภาษาไทยได้ ยิ่งมาเรียนปริญญาตรีที่ไทย ยิ่งพูดไทยชัดมาก” “ดีจังเลย พรรณนี่เป็นคนฝั่งโน้นเลยใช่ไหม แล้วบ้านอยู่ที่โพคะยาหรือในเมืองหลวง” “พรรณเป็นคนโพคะยาต้ังแต่กำเนิด ช่วงมัธยมเข้าไปเรียนในเมือง แล้วก็ต่อปริญญาตรีที่ไทย ” “แล้วเจอกันนักรบได้ยังไง” “เรามาเจอกันตอนโต พี่นักรบกับเจ้าอินทนนท์ข้ามมาเรียนฝั่งนี้อย่างถูกต้อง จนจบมหาวิทยาลัย เราเจอกันเมื่อครั้งพี่นักรบกลับไปฝั่งโน้นเพื่อเป็นทหาร ใช้เวลาไม่กี่เดือนเราก็แต่งงานกัน จากนั้นเราก็มีลูก “ “ทำไมเร็วจัง รู้จักกันไม่นานเลยนะ” “หมอขวัญ เคยได้ยินไหมว่า รักแรกพบ มันตอบไม่ถูก พอเห็นหน้าแค่ได้สบตา และพูดคุยกัน พรรณก็รู้เลยว่าพี่นักรบ คือคนที่พรรณจะรักและจะรักตลอดไป เหมือนเราต่างคนต่างรอกันมานาน พอมาเจอกันได้พูดคุยกัน มันคุ้นเคย ทำให้เราทั้งสองคนรู้ว่า เวลาที่เหลืออยู่เราควรที่จะได้อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด” “ดีจังเลยอ่ะ” “แล้วหมอขวัญมีแฟนไหม อายุ 27 แล้ว ถ้าไม่มีแฟนนี่พรรณไม่เชื่อเลยนะ” “ถ้าขวัญบอกว่าไม่มีล่ะ เห็นไหม พรรณก็ไม่เชื่อดูหน้าก็รู้” “ก็จริงนี่ ไม่น่าเชื่อเลย รอดมาได้ยังไง สวยเพียบพร้อมขนาดนี้” “ไม่มีใครเชื่อหรอก แต่มันเป็นเรื่องจริง พรรรณอย่าลืมว่าขวัญเป็นหมอนะ จะมีใครรอหมอได้ ทำงานไม่เป็นเวลา ทุกเวลามีแต่คนป่วย ในใจคิดแต่ว่าจะช่วยคนป่วยให้หาย จนลืมคิดถึงหัวใจตัวเอง แต่ขวัญก็ไม่รีบนะ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” “แต่ได้ยินว่าหมอขวัญจะลาออกแล้วใช่ไหม” “ใช่ ไม่ได้เบื่ออาชีพหมอนะ แต่ขวัญจะมาช่วยยาย ขวัญอยากไปเป็นหมออาสา จริงๆขวัญจะต้องไปทำที่ต่างประเทศแถวแอฟริกา แต่พ่อกับแม่ขอไว้ให้ทำแถวบ้านเรา” “พรรณดีใจนะที่ได้รู้จักกับหมอ ดีใจมาก คุณหมออบเชย มีบุญคุณกับพวกเรา คนของเรามาหาหมอที่นี่ไม่ผิดหวังเลยสักคน เจ็บป่วยมาก็หาย ไม่มีข้าวไม่มีอาหาร มาที่นี่ก็ได้สิ่งเหล่านี้กลับคืนไป ต่อชีวิตให้พี่น้องเรา” “ก็เพราะทุกคนเป็นญาติของเพื่อนยายขวัญไง ตาทวดของขวัญก็มีเพื่อนอยู่ฝั่งโน้น จริงๆเราเหมือนเป็นคนบ้านเดียวกันนะ ติดที่ตรงมีแม่น้ำมาขวางกั้น ทำให้แผ่นดินแยกออกจากกัน” “จริงๆนะหมอ บางที่พรรณเคยคิดนะว่า ทำไมบรรพบุรุษเราไม่ย้ายมาฝั่งนี้ จะได้เป็นคนที่นี่ ทำไมพวกเราต้องทนลำบาก ต้องต่อสู้เพื่ออิสระภาพ จริงๆพวกเราไม่ได้อยากที่จะมีปัญหานะ เราอยู่ของเราดีๆเราพอใจในความเป็นชนกลุ่มน้อยของเรา อยากอยู่อย่างสงบ” “พรรณ ไม่ต้องเสียใจเลยนะ ที่ไม่ได้เกิดเป็นคนฝั่งนี้ พรรณต้องภูมิใจ เพราะบรรพบุรุษของพรรณเป็นนักสู้ รักแผ่นดินเกิด หวงแหนแผ่นดินเกิดของตัวเอง นี่ก็ถือว่าดีแล้วนะ” “ใช่ค่ะ แรกๆพรรณไม่เข้าใจเลย แต่พอได้มาเรียนที่ไทยถึงได้เข้าใจ เราต้องรักในแผ่นดินถิ่นเกิดของเรา หมอรู้ไหมว่าคนฝั่งโน้น อิจฉาคนฝั่งนี้มาก คนหนุ่มสาวบางคนถึงได้คิดที่จะมาทำงานฝั่งนี้ บางคนส่งลูกหลานเข้ามาทำงาน เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯเพราะไม่อยากให้ลูกหลานลำบาก พวกเราเชื่อว่าเมื่อได้ข้ามมาฝั่งนี้แล้ว ยังไงเราก็ปลอดภัยถึงแม้ว่าเราจะคิดถึงบ้านคิดถึงครอบครัวมากก็ตาม ก็ต้องอดทน” “แต่ยังไงก็ตาม พรรณก็ไม่ต้องเสียใจนะ ขวัญก็จะแนะนำในฐานะที่ขวัญเป็นหมอ อย่างน้อยเราก็ได้เกิดมามีร่างกายสมบูรณ์และปราศจากโรค บางสิ่งบางอย่างเราก็ไม่สามารถปรับและเปลี่ยน และกลับไปแก้ไขในอดีตได้ ขวัญเชื่อว่าอนาคตโพคะยาจะต้องดีขึ้นแน่นอน” “ค่ะหมอ พรรณเข้าใจดี ตอนนี้ก็ได้แต่พยายามสนับสนุนทุกอย่าง ช่วยเท่าที่ช่วยได้และเต็มที่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสาร หรือการพูดคุยต่างๆ” เรณูกับพรรรณรายพูดคุยกันอย่างถูกคอ หญิงสาวปล่อยให้สองแม่ลูกพักผ่อน หลังอาหารเที่ยงเธอต้องเดินทางไปไปที่ศูนย์อพยพกับยาย หลังจากนั้นคืนนี้เธอกับทุกคนต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ “พร้อมไหมหนูขวัญ” “พร้อมมากจ๊ะยาย พี่เขตไปด้วยกันใช่ไหมคะ” “ไปซิ เดี๋ยวไม่มีใครช่วยขนของลง” “เดี๋ยวเอารถจิ๊ปยายไป จะได้ใส่ของได้เยอะหน่อย แปลกนะไม่มีการสู้รบแต่ทำไมมีคนเจ็บเยอะจัง เพิ่มขึ้นมาเท่าตัว” “ทำไมยายรู้ล่ะจ๊ะ” “นักรบบอก” หญิงชราไม่ได้พูดต่อ เขตชัยเป็นคนขับรถ หมออบเชยนั่งหน้าคู่คนขับ หมอเรณูนั่งหลัง ด้านหลังรถมีทั้งยาและอุปกรณ์ทำแผล รวมถึงเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นหลายอย่าง ระยะทางจากบ้านของหมออบเชยไปที่ศูนย์อพยพเกือบห้าสิบกิโลเมตร “ไปอีกทางนะเขต ยายไม่อยากให้เป็นเป้าสายตาของใคร ไปตามเส้นทางเก่าที่ตาทวดเคยใช้ หลังๆมายายใช้ประจำเมื่อต้องขนพวกนี้ไปที่นั่น จำไว้นะว่ามีบางคนไม่ได้ชอบที่เราทำแบบนี้” “ครับยาย เขตชัยหันหัวรถเลี้ยวเข้าไปข้างหลังบ้าน มองเผินๆเหมือนเป็นการถอนรถเข้าเก็บ ชายหนุ่มจอดรถแล้วลงไปดึงประตูม้วนลงมาปิด เขาเดินเข้าบ้าน วนเข้ามาที่โรงจอดรถสตาร์ทใหม่ กลับรถภายในโรงจอด แล้วขับมุ่งหน้าไปตามถนนดินแดงที่กว้าง ประมาณห้าเมตร ช่วงถนนต่ำลงไปจากพื้นดินประมาณห้าเมตร สองข้างทางเป็นดินทั้งหมด ด้านบนก็เช่นกัน เส้นทางนี้มีเพียงครอบครัวของเขาที่รู้จัก เป็นทางระหว่างคนสองแผ่นดินใช้เดินทางไปมาหาสู่กันเมื่อมีเวลาจำเป็น เช่นเวลานี้ คนข้างบนจะไม่มีใครรู้ว่ามีรถวิ่งอยู่ใต้ดิน บนรถไม่มีการสนทนาใดๆขับรถแค่สี่สิบนาที ก็มาถึงจุดหมาย เขตชัยหยุดรถ ตรงหน้าคือทางตัน หมออบเชยส่งสัญญาณด้วยการผิวปาก จากนั้นดินตรงหน้าค่อยๆแยกออกจากกันเพื่อให้รถได้วิ่งเข้าไป เรณูชินแล้วสมัยเด็กเธอมากับพ่อและแม่บ่อยมาก ไม่ได้แปลกใจอะไร ทุกอย่างรอบตัวเหมือนสมัยที่เธอเป็นเด็ก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ขับรถเข้ามาอีกประมาณเกือบสิบกิโลเมตร ก็ถึงที่หมาย ยายส่งสัญญาณให้เขตชัยหยุดรถ และดับเครื่อง ทั้งหมดลงไปข้างล่าง หมออบเชยส่งสัญญาณอีกครั้งด้วยการผิวปากเป็นจังหวะ ทั้งเขตชัยและเรณูต่างก็คุ้นกับเสียงนี้ สมัยอยู่บ้านทั้งพ่อแม่ต่างก็รู้จักสัญญาณ แต่ไม่มีไม่เคยสอนเธอและพี่ชาย ทุกคนบอกว่าไม่จำเป็น ไม่นานด้านหน้าที่เรียกว่าทางตัน ก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากกัน ดินแดงหล่นร่วงลงพื้น อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยได้ใช้งานมานาน ข้ามเขตมาแล้ว หญิงสาวรู้สึกถึงอากาศที่เปลี่ยนไป เย็นเข้าไปในหัวใจของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD