บรรยากาศในรถเงียบจนเกรงว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่เต้นโครมคราม หลังจากที่บอกที่อยู่บ้านภายในรถก็นิ่งสงบราวกับว่าหมอแผ่นดินมีเรื่องให้คิด
“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” กลั้นใจถามออกไป เพราะอยากเป็นที่พักพิงทางใจของเขา เผื่อว่างานของเขาจะมีปัญหา
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” เขาโกหก มีเรื่องให้คิดในหัวน่ะสิ ถึงได้เอาแต่เงียบแบบนี้ “อาทิตย์หน้าน่าจะได้เอาเฝือกออกแล้วล่ะ”
“อ้อ...ค่ะ” ยิ้มรับคำพูดของเขา แต่น้ำเสียงของเขานั้นแปลก ๆ อย่างไรชอบกล “ถ้ามีอะไรอยากระบายก็เล่าให้หนูฟังก็ได้นะคะ พี่หมอบอกเองนี่ว่าหนูเป็นน้องพี่”
“หึ...” เขาแค่นหัวเราะออกมา อลินคิดทำอะไรเขามองเห็นไส้เห็นพุงหมด ด้วยประสบการณ์อะไรหลาย ๆ อย่างทำให้เขาพอดูออกว่าเธออยากมาตีสนิทกับเขาเพื่ออะไร
“หนูพูดจริง ๆ นะ” สายตาคมชำเลืองมองเจ้าของคำพูด หากว่าเธอต้องการเขาก็ไม่คิดอยากปิดบัง
“แค่เซ็ง ๆ” อลินได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งอยากรู้มากกว่าเดิม เธอตั้งหน้าตั้งตารอฟังสิ่งที่เขาจะพูด
“ก็นานแล้วล่ะ”
“คะ?”
“ที่ฉันรู้ว่าแพตตี้ท้อง” อลินอ้าปากเหวอเล็กน้อย นี่น่ะเหรอต้นเหตุที่ทำให้เขามีสีหน้าบอกบุญไม่รับ แพตตี้คือผู้หญิงที่เขาชอบ “ฉันควรดีใจกับเธอ แต่ในใจมันก็รู้สึกไม่ดีเท่าไร ก็เลยเซ็งกับตัวเองที่มีความคิดแบบนี้ในหัว”
“_” เด็กสาวพูดไม่ออกเลยทีเดียว เพราะเธอเองก็มีความคิดแบบเดียวกันกับเขาเช่นกัน นั่นคือเสียใจที่เขาไปรักคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เธอคนนั้นมีสามีแล้วแถมยังตั้งครรภ์อีกด้วย
“แต่ก็ช่างมันเถอะ” ว่าพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ แต่การกระทำของเขาทำเอาคนฟังพูดไม่ออก ฝ่ามือเล็กกำมือเข้าหากันแน่น
“ฉันเชื่ออย่างหนึ่งค่ะ ถ้าเธอจะเป็นเนื้อคู่ของพี่จริง ๆ ยังไงก็ต้องเป็นของพี่”
คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงข้างหนึ่งพร้อมกับเอียงใบหน้ามาถามเธออีกด้วย
“เหมือนกับที่เธอตามพี่อย่างนี้น่ะเหรอ” อลินกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ “หึ เธอเนี่ยนะ อีกหน่อยเธอโตขึ้น เธอจะเข้าใจโลกมากกว่านี้”
...เด็กสาวแอบย่นจมูกให้กับคำพูดของเขา คำก็โต สองคำก็โต อยากเดินข้ามเวลาได้ ถ้าโตแล้วเขาจะรักหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
“บ้านเธอซอยไหนนะ”
“บ้านติดถนนค่ะ เข้าไปซอยนี้ก็มีแค่บ้านของครอบครัวหนูค่ะ” คำพูดของเธอไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจสักเท่าไร จากที่รู้ว่าพ่อของเธอเป็นใคร เขาก็รู้ในทันทีว่าครอบครัวของเธอมีธุรกิจอะไรบ้าง แหงสิ...ครอบครัวเธอคือสกุลรวยอันดับสามของประเทศ มีแววว่าจะขึ้นอันดับหนึ่งในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย
...รถยนต์คันหรูสัญชาติยุโรปจอดลงอย่างช้า ๆ แผ่นดินอยากจะเตือนอะไรเธอสักหน่อย
“อย่าไปไหนมาไหนดึกขนาดนี้ ระวังตัวด้วย”
ดูเขาสิ...เป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้
อลินพยักหน้ารับ จะไม่ให้เธอรักได้อย่างไร เขาใจดีอบอุ่นมากขนาดนี้
“กลับดี ๆ นะคะ” เขาพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะขับรถออกไปหลังจากที่อลินลงจากรถเรียบร้อยแล้ว
...ท้ายรถของเขาห่างออกไปไกลลับสุดสายตา อลินมองด้วยความเสียใจ ดูแล้วเขาคงรักเธอคนนั้นมาก แม้ว่าจะแต่งงานมีลูกก็ยังพูดถึงตลอด คิดแล้วก็เสียใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เขามารัก
...คิดได้อย่างนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะมองเห็นคนเป็นพ่อยืนมองอยู่
“คุณพ่อ...” อัทธากรมองลูกสาวด้วยสายตานิ่งเรียบ เมื่อครู่เห็นว่าลูกสาวลงจากรถบีเอ็มดับเบิลยูคันโก้ ไม่รู้ว่าใครมาส่ง
“ใครมาส่ง”
“เอ่อ...” กลืนน้ำลายลงคอ จะปฏิเสธก็คงไม่ได้ “คุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้หนูค่ะ”
“หมอ?” ยิ่งได้ยินก็ยิ่งไม่เข้าใจ ลูกน้องที่สั่งให้ไปตามเฝ้าลูกสาวก็บอกแค่ว่าลูกชอบออกจากโรงเรียนไปนั่งตามร้านกาแฟเพื่ออ่านหนังสือ สงสัยจะต้องให้จับตาดูตอนไปโรงพยาบาลด้วย
“ค่ะ ก็คุณพ่อไม่ว่างพาหนูไปหาหมอ พ่อก็ไม่ได้เจอคุณหมอหรอก” ว่าพร้อมกับทำหน้าตาไม่พอใจพ่อของตัวเอง อลินทำให้คนเป็นพ่อถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ก็พ่อติดงาน”
“งานมันคงสำคัญมากเลยนะคะ” ประชดประชันออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ไม่คิดว่าวันนี้พ่อจะกลับบ้านด้วย
“เพราะอย่างนี้พ่อถึงไม่อยากให้ลูกเป็นทนาย” คนเป็นพ่อเดินตามมา แต่ดันพูดไม่เข้าหูลูกสาว
“แล้วทำไมคะ ทำไมพ่อถึงสนับสนุนพี่ลัน หนูรู้นะว่าพ่อแอบติวหนังสือให้พี่ลันด้วย” ว่าเสียงแข็ง แม้แต่แม่เองก็ไม่อยากให้เธอเรียน
“อลิน...หนูไม่มีเหตุผลเลย”
“หรือจริง ๆ แค่พ่อไม่ฟังเหตุผลของหนู” ว่าเสร็จก็เดินหนี ยิ่งพ่อห้ามไม่ให้เรียนก็เหมือนยิ่งยุ ร่างเล็กเดินขึ้นห้องของตัวเองไปพร้อมกับกำฝ่ามือแน่น
จะสอบให้ได้เลยคอยดู
ตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะทำให้ได้ อลินวางกระเป๋าลงบนที่นอน ก่อนจะรีบไปอาบน้ำเพื่อจะได้มาอ่านหนังสือต่อ แต่ความคิดเรื่องเขาคนนั้นก็เข้ามาในหัวไม่หยุดเช่นเดียวกัน บางที...ความพยายามอาจจะมีผลตอบรับที่ไม่ดี อลินกระตุกยิ้มบาง ๆ อย่างคนปลอบใจตัวเอง รสชาติของความอกหักมันขมปี๋เลยล่ะ
หลายวันต่อมา...
“หลังจากนี้ให้เคลื่อนไหวแขนบ่อย ๆ นะ บริหารกล้ามเนื้อไปในตัว กำ-แบมือบ่อย ๆ ครับ”
“ค่ะ...” อลินตอบรับพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้กับคุณหมอ วันนี้เธอได้ถอดเฝือกแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ดีหรือเปล่าที่วันนี้คุณพ่อของเธอมาด้วย อัทธากรจ้องมองคุณหมอหนุ่มตรงหน้าด้วยสายไม่พอใจ ก็ลูกสาวเล่นมองเจ้านี่ดวงตาเป็นประกายขนาดนี้จะให้เขานิ่งเฉยได้อย่างไร
“อายุเท่าไร” เอ่ยถามเสียงเข้ม ทำให้หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ส่งสายตาฟาดฟันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ผมไม่ตอบเรื่องส่วนตัวครับ” แผ่นดินรู้ว่าพ่อของอลินรู้สึกอะไรอยู่ แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาของเขา ปัญหาคืออลินชอบเขา พ่อของเธอควรไปจัดการลูกตัวเอง ไม่ใช่มายุ่งกับเขา
“หึ ปากดีนะ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่อยากรู้”
“คุณพ่อ...” อลินหันไปส่งสายตาข่มไม่ให้คนเป็นพ่อทำเรื่องเสียมารยาท ทั้ง ๆ ที่คุณหมอยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย
“หลังจากนี้หากมีอาการอะไรก็สามารถมาหาหมอได้ครับ”
“หนูขอส่งข้อความมาถามได้ใช่ไหมคะ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นพร้อมกับทำสีหน้าลุ้น ๆ อีกด้วย
“ได้ครับ” เขาตอบรับพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้แสดงท่าทีเสียหายอะไร แต่พ่อของเธอกลับขบกรามแน่น มองดูก็รู้ว่าลูกสาวชอบมากแค่ไหน ดูจากคำว่าศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ที่เขียนอยู่บนป้ายชื่อก็พอรู้แล้วว่าหมอคนนี้อายุเท่าไร เป็นถึงหมอผ่าตัดก็ต้องเรียนมาอย่างยาวนาน อายุสามสิบปีเป็นอย่างต่ำ
“ไม่เห็นด้วย” อยู่ ๆ ก็โพล่งเสียงออกมา อัทธากรหายใจฮึดฮัดไม่เห็นด้วยหากว่าลูกสาวจะมาชอบพอผู้ชายวัยนี้
“พ่อเป็นอะไรน่ะ” บิดานั่งส่ายหน้า เขาสบตากับคนหนุ่มอายุน้อยกว่า แต่ห่างจากลูกของเขามากพอสมควร
“ผมขอคุยด้วยหน่อย” อลินรีบส่ายหน้าเบา ๆ ไม่เข้าใจว่าพ่อจะคุยอะไรด้วย และไม่เป็นการดีแน่ ๆ ที่พ่อจะคุยด้วย
“ผมไม่ว่างครับ มีงานต่อ เดี๋ยวคนไข้คนอื่นรอนาน คนไข้ผมไม่ได้มีแค่ลูกสาวของคุณนะครับ” ว่าเสียงเข้ม ไม่ยี่หระใครทั้งนั้น แม้นจะรู้ว่าพ่อของเธอนั้นไม่ต่างจากทนายมาเฟีย ทำคดีไหน ๆ ก็ชนะ ข่าวลือหนาหูว่าพ่อของเธอมีอำนาจข่มคนได้ แต่สำหรับเขาไม่สน และไม่คิดจะเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
ไอ้เวรนี่
อัทรากรก่นด่าในใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับคว้าต้นแขนของลูกสาวให้ลุกขึ้นยืนด้วย
“เอ่อ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ พี่หมอ” บางครั้งเธอก็เรียกเขาว่าพี่ บางครั้งก็เรียกว่าคุณ ในบางครั้งก็คิดว่าตัวเองสนิทสนมด้วย แต่ในบางครั้งก็รู้สึกห่างเหินจนยากที่จะนิยามความสัมพันธ์
“กลับได้แล้วลูก” แผ่นดินส่ายหน้าให้กับพ่อของเด็กคนนี้ ไม่คิดว่าอัทธากรตัวจริงจะมีนิสัยแบบนี้ ไม่แปลกที่ลูกสาวจะรู้สึกขาดความอบอุ่น
...อลินถูกคนเป็นพ่อลากออกมาจากห้องตรวจ เธอหายใจฮึดฮัดไม่พอใจคนเป็นพ่อ รีบชักแขนหนี
“พ่อทำอะไรคะ”
“ก็ลูกมองไอ้หมอแบบนั้นจะให้พ่อนิ่งเฉยได้ยังไง” ว่าด้วยความโมโห หากเป็นหนุ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกันเขาจะไม่ว่าอะไร ยินดีเสียอีกที่ลูกจะได้รู้จักความรัก และมีการเติบโต แต่นี่มัน...
“ทำไมคะ หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย”
“ไม่เสีย แต่เดี๋ยวก็เสีย...หนูตามเล่ห์เหลี่ยมคนอายุมากกว่าไม่ทันหรอกนะ ถ้าโดนหลอกจะทำยังไง”
“ตามอะไรคะ พ่ออย่ามั่วได้ไหม” ไม่คิดว่าจะออกมาเป็นแบบนี้เสียด้วยซ้ำ อลินแอบคิดว่าพ่อคงพึงพอใจในตัวหมอแผ่นดินบ้าง แต่ก็ไม่ใช่
“อลิน...ฟังพ่อนะ หนูห้ามมาที่นี่อีก”
“คะ?” ไม่เข้าใจ รูม่านตาเบิกกว้างเมื่อถูกคนเป็นพ่อสั่งห้าม แต่เรื่องอะไรล่ะ ยิ่งพ่อห้ามก็ยิ่งท้าทายให้เธอต่อต้าน
“พ่อไม่เห็นด้วยที่หนูมาชอบคนแบบนี้”
“โห พ่อ...พูดอย่างกับคุณหมอเขาชอบหนูอ่ะ หมอแผ่นดินไม่ได้ชอบหนู เขาบอกแล้วว่าไม่ได้ชอบหนู” คนเป็นพ่อได้ยินอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะสบายใจ หากว่าไม่ชอบก็เท่ากับว่าลูกสาวรักข้างเดียว หากเป็นอย่างนี้ไม่ว่าเขาจะขออะไร ลูกสาวก็คงยอมทุกอย่าง
“พ่อไม่ต้องห่วงหนูหรอกนะคะ ยังไงเขาก็ไม่มีทางชอบหนู พี่หมอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“จริงเหรอ” พรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พอได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจขึ้นมาหน่อย
“ค่ะ...หนูต้องไปรับยาแล้ว” อลินว่าเสร็จก็เดินหนีไป ทิ้งให้คนเป็นพ่อยืนมองด้วยสายตาเต็มไปด้วยความกังวล ยอมรับว่าไม่มีเวลาให้ลูกมากพอที่จะตามลูกสาว เข้าใจหัวอกของลูกว่าต้องการอะไร แต่ภาระหน้าที่ก็หนักหนามาก เขารับงานเยอะเพราะชอบช่วยเหลือคน แม้จะมีลูกมือเป็นหาบ แต่ก็ใช่ว่าลูกความจะไว้ใจใครได้เท่าเขา อย่างไรก็ต้องไปคุยกับภรรยาคู่ชีวิต อย่างน้อยก็คงต้องจับตาดูช่วยกัน
...แผ่นดินหงุดหงิดไม่ถูกชะตากับพ่อของอลิน คนอะไรวางท่ามาก ได้ยินว่าอายุเข้าเลขห้าแล้ว แต่ก็ยังไม่แก่ ความคิดที่ว่าอายุอานามไม่ได้การันตีหัวสมองความคิดของคน สงสัยจะจริง
“เป็นไรวะ หน้ามึงเหมือนคนขี้ไม่ออก” เพื่อนเอ่ยถามหลังจากกลับมาพักที่ห้องพัก
“เฮ้อ กูล่ะเบื่อพ่อของเด็กนั่น”
“เด็กนั่น? อลินเหรอวะ” ณภัทรชักสงสัย เพื่อนจะรู้ตัวไหมหนอว่าในสมองเผลอเอาเด็กสาวคนนั้นมาคิดแล้ว
“อือ วันนี้พ่อน้องมา แล้วทำหน้าทำตาไม่พอใจกู เหมือนว่ากูไปทำอะไรลูกสาวของตัวเอง จริง ๆ แล้วตัวเองแทบไม่ได้สนใจลูกเลยนะเว้ย”
“แล้วยังไงต่อ”
“ไม่ไรไง ก็น่าจะคิดสักนิดว่ากูไม่ได้สนใจน้องเขา”
“หึ ก็นั่นแหละ เพราะน้องเข้าชอบมึงฝ่ายเดียวไง คนเป็นพ่อยังไงก็กลัว” เพื่อนว่าด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้เก็บอะไรมาคิด
“เดี๋ยวกูหาแฟน จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับกูละ”
“อ้าว ไหนมึงบอกว่าจะรอคุณแพตตี้”
“หึ ไอ้เวร...มึงกำลังแช่งให้เขาหย่ากับผัวเหรอวะ” ว่าพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ เขาไม่ได้อยากจะให้เธอหย่าขนาดนั้น ทว่า
“งั้นกูถามจริง ๆ ถ้าเกิดว่าคุณแพตตี้หย่า มึงจะจีบเธอป่ะ” เปลือกตาหนากะพริบปริบ ๆ แผ่นดินกลืนน้ำลายลงคอ ศีลธรรมในอกมันขวางกั้นความคิดผิดชอบชั่วดีไว้
“พูดไรวะ เธอไม่หย่าหรอก”
“อ้าว แสดงว่ามึงไม่ได้ยินที่เขาลือ ๆ กัน หมอพายุกับคุณแพตตี้ระหองระแหงกันจะตาย สักวันหนึ่งกูว่าต้องหย่ากันสักวัน”
...แผ่นดินไม่ได้ตอบอะไร หากว่าวันนั้นมาถึงเขาจะไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปปลอบใจ แต่ว่าวันนั้นยังมาไม่ถึง ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอเสียใจหรอก เขารักและหวังดีกับเธอคนนั้น...
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ไม่มีสักวินาทีที่จะไม่คิดถึง อลินนึกว่าตัวเองจะเลิกชอบเขาคนนั้นไป แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเธอกลับรู้สึกคิดถึงเขามาก
“แล้วแกจะเอายังไง ไม่มีข้ออ้างไปหาคุณหมอแล้วด้วย” โยษิตาพูดขึ้นหลังจากฟังคนเป็นเพื่อนบ่นคิดถึงคุณหมอ แม้แต่ส่งข้อความไปหาเขาก็ไม่อ่านไม่ตอบ ใจเจ็บหน้าด้านหน้าทนส่งไปเยอะมากแต่เขาก็ไม่ตอบ แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเธอเป็นน้องสาวทำไมกัน
“นั่นสิ...”
“หรือแกจะแขนหักอีกรอบ” โพล่งเสียงออกมาอย่างไม่คิดอะไร แต่อลินไม่ตลกด้วย
“ไม่เอาอ่ะ เจ็บมาก แถมใช้แขนข้างเดียวจนอีกแขนเปลี้ยไปหมด” ว่าพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ ทำเอาคนเสนอความคิดพูดไม่ออก อลินนั่งเอาหน้าแนบกับโต๊ะเรียน
“ก็ไว้เราไปอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟตรงนั้นบ่อย ๆ”
“พี่เขาไม่ชอบร้านนั้น แถมยังบอกว่าเค้กห่วยอีกต่างหาก” พึมพำเสียงแผ่วเบา ยากเหลือเกินที่จะเข้าหา ไหนจะคนเป็นพ่อให้คนคอยตามเฝ้าอีก แต่เธอก็ไม่กลัวหรอก
...พ่อไม่มีทางห้ามอะไรเธอได้
ไม่มีทาง